อย. แนะทริคเลือกผลิตภัณฑ์กันแดด ป้องกันรังสี UV ทำร้ายผิวช่วงหน้าร้อน

22 มี.ค. – อย. แนะทริคเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดให้ถูกต้อง รับมือหน้าร้อนและการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เน้นอ่านฉลาก เลือกให้เหมาะสมกับกิจกรรมและช่วงเวลาที่อยู่กลางแจ้ง เพื่อป้องกันอันตรายจากแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนเป็นช่วงที่อากาศร้อนจัดและมีแสงแดดจ้า อีกทั้งยังเป็นช่วงปิดภาคเรียน ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะพาบุตรหลานไปท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ทะเล น้ำตก สวนสัตว์ จึงมีโอกาสที่จะได้รับอันตรายจากรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่ทำให้เกิดผิวแดง แสบไหม้ ผิวคล้ำแดด หรืออาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้ เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ฝากความห่วงใยถึงประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง อาจได้รับรังสี UV จากแสงแดดมากจนเป็นอันตรายต่อผิว จึงขอแนะประชาชนในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันอันตรายจากรังสียูวีด้วยการอ่านค่า SPF และ ค่า PA ที่ระบุบนฉลากผลิตภัณฑ์กันแดด

SPF หรือ Sun Protection Factor ของผลิตภัณฑ์กันแดด เป็นค่าที่แสดงถึงความสามารถของผลิตภัณฑ์ในการป้องกันการไหม้แดงของผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสรังสียูวีบี (UVB) บุคคลทั่วไปที่ใช้ชีวิตประจำวันมิได้ทำงานกลางแจ้ง สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF15 แต่หากทำงานกลางแจ้งหรือเล่นกีฬากลางแจ้งควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป   


ส่วน PA หรือ Protection grade of UVA แสดงถึงค่าความสามารถของผลิตภัณฑ์ในการป้องกันอาการดำคล้ำของผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสรังสียูวีเอ (UVA) โดยดูจากเครื่องหมาย “+” ซึ่งมีค่าตั้งแต่ PA+ ไปจนถึง PA++++ ซึ่งแสดงถึงระดับประสิทธิภาพจากน้อยไปหามาก

รองเลขาธิการฯ อย. แนะเพิ่มเติมว่า การทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด สวมหมวกปีกกว้าง รวมทั้งสวมแว่นกันแดดด้วย เพราะรังสี UV นอกจากจะเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งผิวหนังแล้วยังเป็นสาเหตุของโรคต้อกระจกได้ด้วย กรณีที่มีกิจกรรมทางน้ำหรือกิจกรรมที่ต้องโดนน้ำ ให้เลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่กันน้ำ โดยดูจากคำว่า Water Resistant บนฉลากผลิตภัณฑ์ ดังนั้น ก่อนซื้อผลิตภัณฑ์กันแดดทุกครั้งเลือกให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้และอ่านคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดก่อนออกกลางแจ้ง 15-30 นาที ยกเว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก ควรใช้ซ้ำทุก 2 ชั่วโมง และไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน แต่ให้เลี่ยงแสงแดดแทน หากใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดแล้วมีอาการผิดปกติให้หยุดใช้ ล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์. -411-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”