กทม.กางมาตรการเข้มรองรับคลื่นความร้อน

กรุงเทพฯ 7 มี.ค. – กทม.เตรียมพร้อมมาตรการเข้มรองรับคลื่นความร้อน หลังกรมอุตุฯ คาดการณ์จะมีอุณหภูมิสูงสุด 44.5 องศาฯ ในช่วงหน้าร้อนนี้


นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ด้วยกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศว่าประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 และสิ้นสุดฤดูร้อนช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2567 โดยคาดการณ์ว่าจะมีอุณหภูมิจะสูงสุด 44.5 องศาเซลเซียส ซึ่งสภาพอากาศที่ร้อนจัดดังกล่าว อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสูงเนื่องจากภาวะด้านสุขภาพ ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีภาวะอ้วน ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน รวมถึงกลุ่มเสี่ยงที่ออกกำลังกาย หรือการทำงานใช้แรงงานอย่างหนักท่ามกลางอากาศที่ร้อน ส่วนใหญ่พบในคนหนุ่มสาวที่มีร่างกายแข็งแรง เช่น นักกีฬา คนงาน ทหาร เป็นต้น

กรุงเทพมหานคร โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักการแพทย์ สำนักอนามัย สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักการศึกษา สำนักพัฒนาสังคม สำนักเทศกิจ สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สำนักงานเขต 50 เขต สำนักงานประชาสัมพันธ์ กรมอุตุนิยมวิทยา บูรณาการจัดทำแผนและวางมาตรการเพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ประจำปี 2567 ดังนี้ 1.มาตรการดำเนินการตลอดทั้งปี จัดทำแผนและแนวทางการดำเนินงานสำหรับเจ้าหน้าที่และประชาชน รวมทั้งจัดทำสื่อและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เพื่อเตรียมแจกจ่ายให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงชี้แจงการดำเนินงานแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และสื่อสารความเข้าใจแก่ประชาชน พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์เป็นระยะ ด้านป้องกันสุขภาพอนามัยของประชาชน ได้แก่ 1.พัฒนาขีดความสามารถเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุข(อสส.) ประจำชุมชน เจ้าหน้าที่ประจำสวนสาธารณะ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์กีฬา เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เด็กเล็ก ครู และเทศกิจ เพื่อสร้างความรู้และทักษะในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อนให้แก่ประชาชน 2.เตรียมความพร้อมในการดูแลกลุ่มเสี่ยง โดยสำรวจและจัดทำทะเบียนกลุ่มเสี่ยงสำคัญ สำหรับวางแผนการดำเนินงานการสื่อสารแจ้งเตือน การดูแลและสนับสนุนอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ในการป้องกันสุขภาพ และการติดตามเฝ้าระวังอาการในช่วงวิกฤต สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ อสส. รวมถึงแกนนำกลุ่มวัยต่างๆ ในชุมชน เพื่อเป็นแกนนำในการให้คำแนะนำและดูแลกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ประสานขอความร่วมมือโรงเรียนสังกัด สพฐ. และเอกชน 3.เตรียมความพร้อมของระบบบริการสาธารณสุข ทั้งจัดเตรียมยาเวชภัณฑ์ รวมถึงการจัดเตรียมศูนย์คลายร้อนในสถานพยาบาล 4.เฝ้าระวังสถานการณ์การเจ็บป่วยจากความร้อน และรายงานผู้ป่วยที่มารับการรักษาในสถานพยาบาลทุกสัปดาห์ 5.เตรียมความพร้อมของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Public Health Emergency Operation Center: PHEOC) กรณีความร้อน จัดทำแผนปฏิบัติการฯ และหากค่าอุณหภูมิสูงสุดมากกว่า 43.1 องศาเซลเซียส


ด้านลดอุณหภูมิเมือง ได้แก่ 1.เพิ่มพื้นที่สีเขียว ต้นไม้ล้านต้น สวน 15 นาที 2.สร้างช่องเปิดให้อาคาร การออกแบบให้อาคารหรือตึกสูงมีความพรุนเพิ่มขึ้น ด้วยการสร้างช่องเปิดในตัวอาคารให้เพียงพอทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง เพื่อใช้ประโยชน์จากสภาพอากาศและการไหลของอากาศในภูมิภาค พัฒนาเส้นทางลมที่เหมาะสมเข้าสู่เขตเมือง และขจัดความร้อนสะสมในเมือง 3.เติมน้ำให้กับพื้นที่เมือง การออกแบบให้สามารถคงแหล่งน้ำที่มีอยู่เดิมภายในเมือง และสร้างการขยายตัวของแหล่งน้ำขนาดเล็กและพื้นที่รับน้ำอย่างเพียงพอ 4.เปลี่ยนวัสดุพื้นผิวให้ระบายความร้อน เพิ่มระบบระบายความร้อนด้วยน้ำให้กับตัวอาคาร เช่น Cooling Facade System หรือ District Cooling System ซึ่งเป็นการใช้ระบบน้ำภายในหล่อเย็นตัวอาคารเพื่อถ่ายเทความร้อนออกไปภายนอกอาคาร

  1. มาตรการระยะวิกฤต ดำเนินการเฝ้าระวัง เตือนภัยสถานการณ์ในพื้นที่มีปัญหาความร้อนให้แก่ประชาชนให้รับทราบ พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการดำเนินงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ระดับ/ดัชนีความร้อน เฝ้าระวัง อุณหภูมิ 27-32 องศาเซลเซียส โดยติดตามตรวจสอบข้อมูลสถานการณ์ความร้อนจากกรมอุตุนิยมวิทยา ด้านการป้องกันสุขภาพอนามัยของประชาชน ดำเนินงานเฝ้าระวังเตือนภัยสุขภาพในพื้นที่มีปัญหาความร้อนให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กำหนดบทบาทหน้าที่แต่ละหน่วยในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหา กำหนดแนวทางการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งนี้ ดัชนีความร้อน (Heat Index) คือ อุณหภูมิที่ร่างกายคนเรารู้สึกตามความสัมพันธ์กันระหว่างอุณหภูมิและความชื้น กล่าวคืออุณหภูมิที่มนุษย์รู้สึกได้ว่าสภาวะอากาศ ขณะนั้นร้อนหรือเย็น ซึ่งไม่ตรงกันกับอุณหภูมิที่เกิดขึ้น แต่รวมถึงความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ เช่น หากอุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียส แต่มีความชื้นสัมพัทธ์อยู่ที่ 60% ในดัชนีความร้อนนี้ เราจะรู้สึกว่าอยู่ในอุณหภูมิถึง 56 องศาเซลเซียส

ระดับ/ดัชนีความร้อน เตือนภัย อุณหภูมิ 32-41 องศาเซลเซียส 1.ติดตามตรวจสอบข้อมูลสถานการณ์ความร้อนจากกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานและแจ้งเตือนสถานการณ์ความร้อนให้ประชาชนทราบทุกวัน ผ่านช่องทางการรายงาน เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก pr-bangkok สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ป้ายจราจรอัจฉริยะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ป้ายบนรถไฟฟ้า BTS โดยมีความถี่ของการรายงานและแจ้งเตือนวันละ 1 ครั้ง เวลา 07.00 น. 2.รายงานข้อมูลการคาดการณ์สถานการณ์ความร้อน 7 วันล่วงหน้า ของกรมอุตุนิยมวิทยา ปรับปรุงข้อมูลเป็นประจำทุกวันในรูปแบบอินโฟกราฟฟิกที่เข้าใจง่าย ด้านการป้องกันสุขภาพอนามัยของประชาชน 1.ให้ความรู้แก่ผู้ดูแลเด็กปฐมวัยและผู้ดูแลผู้สูงอายุ และแจ้งสถาบันพัฒนาเด็กปฐมวัย ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุดูแลกลุ่มเสี่ยง 2.สถานพยาบาลเตรียมระบบส่งต่อผู้ป่วย เตรียมศูนย์คลายร้อน (cool room) ซึ่งห้องอาคารหรือสถานที่ส่วนบุคคลที่มีการปรับอากาศและระบายอากาศได้ดี สามารถใช้เป็นที่พักชั่วคราว สำหรับผู้รับบริการและประชาชนทั่วไป เพื่อช่วยเหลือป้องกันและบรรเทาความร้อน อันเนื่องมาจากสภาวะอากาศที่ร้อนจัดได้

ระดับ/ดัชนีความร้อน อันตราย อุณหภูมิ 41-54 องศาเซลเซียส 1.ติดตามตรวจสอบข้อมูลสถานการณ์ความร้อนจากกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานและแจ้งเตือนสถานการณ์ความร้อนให้ประชาชนทราบทุกวัน โดยมีความถี่ของการรายงานและแจ้งเตือนวันละ 2 ครั้ง เวลา 07.00 และเวลา 11.00 น. 2.รายงานข้อมูลการคาดการณ์สถานการณ์ความร้อน 7 วันล่วงหน้า ของกรมอุตุนิยมวิทยา ปรับปรุงข้อมูลเป็นประจำทุกวันในรูปแบบอินโฟกราฟฟิกที่เข้าใจง่าย ด้านการป้องกันสุขภาพอนามัยของประชาชน 1.กำหนดแนวทางการรับมือกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด รวมถึงให้ความรู้คำแนะนำการดูแลป้องกันตนเองกับประชาชนกลุ่มเสี่ยง ดังนี้ 1.1 เด็กแรกเกิดถึงอายุ 5 ขวบ อย่าปล่อยให้เด็กอยู่ในรถที่จอดตากแดดตามลำพังโดยเด็ดขาด ซึ่งรถที่จอดตากแดด โดยไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ อาจมีอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียส ได้ภายใน 20 นาที สวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีอ่อน และระบายความร้อนได้ดี หากอากาศร้อนจัด ควรหลีกเลี่ยงการนำเด็กออกนอกบ้าน เนื่องจากเด็กจะเจ็บป่วยง่ายกว่าผู้ใหญ่ 1.2 ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ ในระหว่างวัน ในช่วงที่อากาศร้อนควรอยู่ในบ้านพักหรือสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ ไม่ควรเปิดพัดลมแบบจ่อตัวในขณะที่อากาศร้อนมาก เพราะพัดลมจะดูดความร้อนเข้ามาหาตัว ควรเปิดพัดลมแบบส่ายและเปิดหน้าต่าง เพื่อระบายอากาศร้อน สวมเสื้อผ้าที่มีสีอ่อนและมีน้ำหนักเบา อาบน้ำบ่อยๆ เพื่อลดอุณหภูมิในร่างกาย 1.3 ผู้ป่วยหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ ในระหว่างวัน ในช่วงที่อากาศร้อนควรอยู่ในบ้านพักหรือสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ สวมเสื้อผ้าที่มีสีอ่อนและมีน้ำหนักเบา อาบน้ำบ่อยๆ เพื่อลดอุณหภูมิในร่างกาย ควรมีหมายเลขโทรศัพท์ของสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดหรือติดต่อ สายด่วน 1669 1.4 หญิงตั้งครรภ์ ดื่มน้ำสะอาด 2-4 แก้วต่อชั่วโมง ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นบริเวณลำคอ ศีรษะ ลำตัว เพื่อลดอุณหภูมิ หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านในช่วงที่ร้อนจัด และอยู่ในสถานที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี ควรเปิดพัดลมแบบส่าย และเปิดหน้าต่าง เพื่อระบายอากาศที่ร้อน หากมีอาการตัวร้อนมาก หน้ามืด อ่อนเพลีย ให้พักในที่ร่ม เพื่อทำให้ร่างกายเย็นลง หากไม่ดีขึ้นภายใน 30 นาที ให้รีบพบแพทย์ 1.5 ผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ ในระหว่างที่ทำงาน เปลี่ยนตารางเวลาทำงานกลางแจ้ง โดยเริ่มทำงานในช่วงเช้าหรือช่วงสาย หลีกเลี่ยงการทำงานในช่วงเที่ยงวัน ให้สลับเข้าพักในที่ร่ม โดยทำงาน 2 ชั่วโมง พัก 30 นาที สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ผู้ที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้งลง สวมใส่ชุดออกกำลังกายที่ระบายความร้อนได้ดี หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน ดื่มน้ำสะอาดให้มากขึ้น 2.สถานพยาบาล ปรับตารางนัดผู้ป่วยที่ไม่จำเป็นในช่วงที่อากาศร้อนจัด จัดให้มีศูนย์คลายร้อน (cool room) และเตรียมความพร้อมของระบบ ส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน 3.อสส. ออกเยี่ยมบ้านติดตามอาการของประชาชนกลุ่มเสี่ยง ให้ความรู้และคำแนะนำการดูแลป้องกันตนเองแก่ประชาชน และรายงานสถานการณ์ ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทราบ


ระดับ/ดัชนีความร้อน อันตรายมาก อุณหภูมิมากกว่า 54 องศาเซลเซียส 1.ติดตามตรวจสอบข้อมูลสถานการณ์ความร้อนจากกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานและแจ้งเตือนสถานการณ์ความร้อนให้ประชาชนทราบทุกวัน โดยมีความถี่ของการรายงานและแจ้งเตือนวันละ 3 ครั้ง เวลา 07.00 น. เวลา 11.00 น. และเวลา 15.00 น. 2.รายงานข้อมูลการคาดการณ์สถานการณ์ความร้อน 7 วันล่วงหน้า ของกรมอุตุนิยมวิทยา ด้านการป้องกันสุขภาพอนามัยของประชาชน 1.กำหนดแนวทางการรับมือกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด รวมถึงให้ความรู้คำแนะนำการดูแลป้องกันตนเองกับประชาชนกลุ่มเสี่ยง ดังนี้ 1.1 เด็กแรกเกิดถึงอายุ 5 ขวบ อย่าปล่อยให้เด็กอยู่ในรถที่จอดตากแดดตามลำพังโดยเด็ดขาด สวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีอ่อน และระบายความร้อนได้ดี ดูแลเด็กเล็กอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเด็กจะเจ็บป่วยง่ายกว่าผู้ใหญ่ 1.2 ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ ในระหว่างวัน ในช่วงที่อากาศร้อนควรอยู่ในบ้านพักหรือสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ ควรเปิดพัดลมแบบส่าย และเปิดหน้าต่าง เพื่อระบายอากาศร้อน สวมเสื้อผ้าที่มีสีอ่อน และมีน้ำหนักเบา อาบน้ำบ่อยๆ เพื่อลดอุณหภูมิในร่างกาย 1.3 ผู้ป่วยหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ ในระหว่างวัน ในช่วงที่อากาศร้อนควรอยู่ในบ้านพักหรือสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ สวมเสื้อผ้าที่มีสีอ่อน และมีน้ำหนักเบา อาบน้ำบ่อยๆ เพื่อลดอุณหภูมิในร่างกาย 1.4 หญิงตั้งครรภ์ ดื่มน้ำสะอาด 2-4 แก้วต่อชั่วโมง ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นบริเวณลำคอ ศีรษะ ลำตัว เพื่อลดอุณหภูมิ หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านในช่วงที่ร้อนจัด ควรเปิดพัดลมแบบส่าย และเปิดหน้าต่าง เพื่อระบายอากาศที่ร้อน หากมีอาการตัวร้อนมาก หน้ามืด อ่อนเพลีย ให้พักในที่ร่ม หากไม่ดีขึ้นภายใน 30 นาที ให้รีบพบแพทย์ 1.5 ผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ ในระหว่างที่ทำงาน เปลี่ยนตารางเวลาทำงานกลางแจ้ง โดยเริ่มทำงานในช่วงเช้าหรือช่วงสาย หลีกเลี่ยงการทำงานในช่วงเที่ยงวัน สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี 1.6 ผู้ที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้งลง สวมใส่ชุดออกกำลังกายที่ระบายความร้อนได้ดี หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักเป็นเวลานานในช่วงที่อากาศร้อนจัด ดื่มน้ำสะอาดให้มากขึ้น 2.จัดตั้งหน่วยบริการสุขภาพประชาชน และเตรียมความพร้อมของระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน 3.สถานพยาบาลยกเลิกนัดผู้ป่วยที่ไม่จำเป็นในช่วงที่อากาศร้อนจัด จัดศูนย์คลายร้อน (cool room) ให้พร้อมใช้และให้ประชาชนเข้าพักชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงอากาศที่ร้อนจัดและเตรียมความพร้อมของระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน 4.แพทย์และ อสส. ออกเยี่ยมบ้านติดตามอาการของประชาชนกลุ่มเสี่ยง ให้ความรู้และคำแนะนำการดูแลป้องกันตนเองแก่ประชาชน.-417-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]