กทม.ลุยเข้มมาตรฐานวินมอเตอร์ไซค์ทั่วกรุง

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – ลุยเข้มมาตรฐานวินมอเตอร์ไซค์ กทม. เดินหน้ายกระดับ 5,300 วินทั่วกรุง ภายในสิ้นปี 68 ชวนประชาชนแจ้งผ่าน Traffy Fondue หากพบขับบนทางเท้า-ประพฤติไม่เหมาะสม


นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครเดินหน้าโครงการยกระดับวินจักรยานยนต์สาธารณะ เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยและเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชน โดยเตรียมมาตรการตรวจสอบมาตรฐานวินฯ เชิงรุก ครอบคลุมวินที่จดทะเบียนแล้วทั้ง 5,365 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงธันวาคม 2568 พร้อมขอความร่วมมือประชาชนร่วมสอดส่องและแจ้งพฤติกรรมฝ่าฝืน เช่น ขับขี่บนทางเท้า หรือไม่มีป้ายเหลือง ผ่านแอปพลิเคชัน Traffy Fondue เพื่อร่วมกันรักษาระเบียบและความปลอดภัยในการเดินทางของทุกคน

โฆษก กทม. กล่าวว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้มอบหมายให้ทุกสำนักงานเขตดำเนินการตรวจประเมินวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างอย่างเข้มข้น โดยใช้หลักเกณฑ์ “วินต้นแบบ” เป็นเครื่องมือ พร้อมตั้งเป้าตรวจสอบให้ครบ 100% ภายในปี 2568 โดยกำหนดให้ทุกเขตสุ่มตรวจอย่างน้อย 20% ของวินในพื้นที่ทุกเดือน ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 เดือน ทั้งนี้ สำนักงานเขตต้องบันทึกข้อมูลการกระทำผิดของผู้ขับขี่ เช่น ข้อมูลจากกล้อง AI การร้องเรียนจากประชาชน และผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาและกำกับดูแลอย่างเป็นระบบ


“ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ยังกำชับให้จัดประชุมคณะทำงานติดตามวินัยวินมอเตอร์ไซค์ที่มีตัวแทนจากหลายหน่วยงาน ทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ และให้คณะอนุกรรมการประจำกรุงเทพมหานครเร่งพิจารณาเรื่องค้างให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน ทั้งกรณีที่ตรวจพบการกระทำผิดและเรื่องร้องเรียนจากประชาชน” โฆษก กทม. กล่าว

นายเอกวรัญญู กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้กรุงเทพมหานครจะมีมาตรการตรวจสอบและกวดขันอย่างเข้มข้น แต่ความร่วมมือจากประชาชนยังคงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการแจ้งเบาะแสผ่าน Traffy Fondue ซึ่งเป็นช่องทางร้องเรียนออนไลน์ที่เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพ หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมฝ่าฝืน เช่น การขับขี่บนทางเท้า ไม่มีป้ายทะเบียนเหลือง แต่งกายไม่ถูกต้องตามระเบียบ หรือเมาแล้วขับ สามารถถ่ายภาพและแจ้งเข้าระบบได้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดโดยเร็วที่สุด โดยเน้นว่าทุกการแจ้งเตือนของประชาชน จะช่วยขับเคลื่อนเมืองให้น่าอยู่และปลอดภัยยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบและดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โฆษกของกรุงเทพมหานครแนะนำว่าเมื่อแจ้งเบาะแสควรระบุข้อมูลสำคัญให้ครบถ้วน เช่น เลขทะเบียนหรือหมายเลขผู้ขับขี่ รวมถึงชื่อวินหรือจุดตั้งวิน ซึ่งสามารถสังเกตได้จากหมายเลขหรือชื่อที่ติดอยู่บนเสื้อวินด้านหลัง เนื่องจากที่ผ่านมา มีการแจ้งเรื่องเข้ามาในระบบฟองดูว์หลายครั้ง แต่ข้อมูลไม่ครบถ้วนเพียงพอ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันที การแจ้งข้อมูลอย่างละเอียดจะช่วยเร่งรัดการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น


โฆษก กทม.กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีวินจักรยานยนต์สาธารณะทั้งสิ้น 5,365 วิน มีผู้ขับขี่จำนวน 79,521 ราย สถานที่ตั้งของวินฯ มีความหลากหลาย โดยแบ่งเป็นตั้งอยู่บนทางเท้า 1,497 วิน พื้นที่เอกชน 1,186 วิน บนผิวจราจร 2,107 วิน อื่น ๆ เช่น สวนหย่อม 575 วิน ทั้งนี้ จำนวนวินและผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามสถานการณ์ เช่น การเลิกขับขี่ การมาขอขับขี่รายใหม่ การถูกดำเนินคดี หรือการเสียชีวิต

กรุงเทพมหานครขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับวินมอเตอร์ไซค์สาธารณะทั่วเมือง ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบและใส่ใจในการให้บริการประชาชน ไม่เพียงแต่เป็นฟันเฟืองสำคัญของระบบขนส่งในชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นอีกแรงสนับสนุนให้กรุงเทพฯ เดินหน้าไปสู่เมืองที่เดินทางสะดวกและปลอดภัยสำหรับทุกคน

“กรุงเทพมหานครขอเป็นกำลังใจให้วินมอเตอร์ไซค์ทุกท่านที่ยืนหยัดให้บริการประชาชนด้วยความรับผิดชอบ เราเชื่อว่าเมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกัน เมืองของเราจะเป็นเมืองที่เดินทางสะดวก ปลอดภัย และน่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน” โฆษก กทม. กล่าว

นายเอกวรัญญู ย้ำว่า กทม. พร้อมรับฟังและดูแลผู้ประกอบอาชีพ ที่ผ่านมาได้จัดให้มีการตรวจสุขภาพประจำปีผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์สาธารณะ เพื่อส่งเสริมสุขภาพและคัดกรองความเสี่ยงโรคจากการทำงาน รวมถึงจัดอบรมทบทวนวินัยจราจรอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างมาตรฐานการให้บริการ ทั้งนี้ หากผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์สาธารณะมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมหรือพบปัญหาในการทำงาน สามารถแจ้งผ่านแพลตฟอร์ม Traffy Fondue ได้โดยตรงเช่นกัน กทม. พร้อมรับฟังและเดินหน้าแก้ไขร่วมกันอย่างจริงจัง.-417-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เอกอัครราชทูตชี้แจงข้อเท็จจริงยูเอ็น ปมกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

31 ก.ค. – เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ขึ้นเวทียูเอ็น ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ระหว่างการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศว่าด้วยการระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างการกล่าวถ้อยแถลง เนื่องจากกัมพูชากล่าวพาดพิงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเวทีดังกล่าว ไทยเข้าร่วมการประชุมโดยมีเป้าหมายร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในการผลักดันการแก้ปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีผ่านแนวทางสองรัฐ.-สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เผยประเทศไทยฝนลดลง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 31 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง […]

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย