นายกฯ ประชุมร่วมกับ กทม.ขับเคลื่อนพัฒนา-แก้ไขปัญหาในหลายด้าน

กรุงเทพฯ 23 ก.พ. – กทม.เปิดบ้านต้อนรับนายกรัฐมนตรี ประชุมขับเคลื่อนพัฒนากรุงเทพฯ เร่งแก้ไขหลายปัญหาของเมืองทั้ง การจราจร-ฝุ่น PM2.5 – แท็กซี่, วินมอไซค์, ไกด์เถื่อน อย่างจริงจัง


นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ต้อนรับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในโอกาสเดินทางมาเยือนศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร อย่างเป็นทางการครั้งแรก พร้อมทั้งประชุมติดตามเร่งรัดพัฒนากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย คณะผู้บริหาร กทม., กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงคมนาคม, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผู้ว่าฯ กทม.ได้รายงานสถานการณ์ใน กทม.ด้านต่าง ๆ และการติดตามความก้าวหน้าในการเร่งรัดพัฒนา กทม. ใน 2 กลุ่มประเด็น คือ การจัดการสาธารณูปโภคพื้นฐานและการจัดการด้านสังคมและเศรษฐกิจ โดยยกปัญหาจุดฝืดจราจรและวินัยจราจรของทั้งรถส่วนบุคคล และรถสาธารณะ โดยกทม.มีแนวทางการแก้ไข คือ การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการบังคับใช้กฎหมาย โดย กทม.จะเชื่อมโยงเครื่องมือตรวจจับการฝ่าฝืนกฎหมาย อาทิ การใช้ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่สามารถตรวจจับการฝ่าฝืนกฎหมายได้ หรือการใช้ข้อมูล input จาก GPS รถเพื่อตรวจสอบการจอดรถผิดกฎหมาย แล้วนำข้อมูลส่งมอบให้ตำรวจออกใบสั่งจับกุมผู้ฝ่าฝืน และเมื่อไม่จ่ายค่าปรับจะส่งข้อมูลเพื่อให้กรมการขนส่งทางบกห้ามต่อทะเบียนรถ ซึ่งในส่วนของปัญหาด้านกายภาพส่วนใหญ่เกิดจากการก่อสร้างสาธารณูปโภค ส่งผลต่อพื้นผิวถนนทำให้เกิดผลกระทบด้านการจราจรในพื้นที่ แนวทางการแก้ไข คือ ประสานหน่วยงานเจ้าของโครงการที่มีการก่อสร้าง กำกับและดำเนินการก่อสร้างในระยะเวลาที่เหมาะสม พร้อมทั้งตรวจสอบและวางแนวทางในการคืนผิวจราจรให้ประชาชนเร็วที่สุด และการขยายช่องจราจรหรือปรับปรุงพื้นผิวจราจรในบริเวณที่มีคอขวดเพื่อลดปัญหาวงเลี้ยวหรือทางแคบ


ผู้ว่าฯ กทม.ยังกล่าวว่าที่ผ่านมามีการประสานกับตำรวจจราจร ในการบริหารจัดการและการควบคุมการจราจรใน กทม. เช่น จังหวะสัญญาณไฟจราจรที่ไม่สอดคล้องกับปริมาณจราจร โดยได้ปรับรอบสัญญาณไฟจราจรให้มีความเหมาะสมในแต่ละจุด พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารจัดการจราจรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว การใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารจัดการจราจร ITMS (Intelligent Traffic Management System) เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงจังหวะสัญญาณไฟตามสภาพจราจรและปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงการใช้ระบบสัญญาณไฟจราจรแบบ Adaptive Signaling เพื่อปรับตัวจากระบบอัตโนมัติตามการจราจรในแต่ละช่วงเวลา รวมทั้งการเพิ่มโครงข่ายรถโดยสารสาธารณะในพื้นที่ที่ยังไม่ครอบคลุม และการปรับปรุงศาลาที่พักผู้โดยสาร และป้ายรถประจำทาง เพื่อให้ผู้เดินทางมีข้อมูลรถประจำทางที่อัปเดตตลอดเวลา ส่งเสริมระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกการเดินทาง

การแก้ไขปัญหารถแท็กซี่ รถสามล้อ และมัคคุเทศก์ผี ผู้ว่าฯ กทม.เผยจากข้อมูลการสำรวจของสำนักงานเขตในพื้นที่ และข้อมูลการร้องเรียนของตำรวจท่องเที่ยว พบจุดที่มีแท็กซี่จอดเรียกผู้โดยสารอยู่ โดยจะมีย่านใหญ่ๆ ในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม ย่านข้าวสาร 19 จุด นอกจากนี้ ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน (โทร.1584) กรมการขนส่งทางบก ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการรถสาธารณะเกี่ยวกับการให้บริการที่ไม่เป็นธรรม อาทิ ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร ไม่ใช้มาตรวัดค่าโดยสาร แสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ ขับรถประมาทน่าหวาดเสียว ไม่ส่งผู้โดยสารตามสถานที่ที่ตกลงกัน โดยพื้นที่ที่ได้รับการร้องเรียนมากที่สุด ได้แก่ 1.หน้าห้างสรรพสินค้า เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ สยามพารากอน แพลททินัมไอคอนสยาม มาบุญครอง เอสพลานาด และฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 2.บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง 3.บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสาร เช่น จตุจักร (หมอชิต) เอกมัย และสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ ถนนบรมราชชนนี (ตลิ่งชัน) 4.สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น วัดพระแก้ว สนามหลวง ย่านทองหล่อ อโศก และซอยนานา แนวทางการแก้ไขปัญหา กรุงเทพมหานคร ได้รับความร่วมมือจากตำรวจท่องเที่ยว กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) โดยแนวทางการแก้ไข บูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นจริงจัง นำมาตรการการตัดคะแนนความประพฤติของผู้ขับรถ และการพักใช้เพิกถอนใบอนุญาตขับรถมาใช้อย่างเข้มข้น เพื่อควบคุมพฤติกรรมผู้ขับรถ ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายในภารกิจที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวด

เรื่องหาบเร่แผงลอย ปัจจุบัน กทม.มีผู้ค้า 20,012 ราย ในจุดผ่อนผัน 86 จุด 5,419 ราย จุดทบทวน 9 จุด 629 ราย นอกจุดผ่อนผัน 621 จุด 13,964 ราย มีพื้นที่ของหน่วยงานราชการหลายแห่งที่อยู่ใกล้พื้นที่ชุมชน ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นพื้นที่สาธารณะ เช่น Hawker center ลานกีฬา สวนสาธารณะ กทม. ได้มีตัวอย่างความร่วมมือกับหลายหน่วยงานและได้ผลตอบรับไปในทิศทางที่เป็นบวก เช่น ร่วมมือกับ รฟม. บริเวณหน้าห้าง Union mall เพื่อจัดหาพื้นที่ให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอย เป็นต้น


ขณะที่อีกเรื่องสำคัญ คือ การป้องกันและแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผู้ว่าฯ กทม.เผย สถานการณ์ปัจจุบัน ประชากรไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้า 78,742 คน ชาย 71,456 คน คิดเป็น 90.8% หญิง 7,256 คน คิดเป็น 9.2% เด็กและเยาวชน อายุ 15-24 ปี 24,050 คน คิดเป็น 30.5% กรุงเทพมหานครมีประชากรที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า 47,753 คน คิดเป็น 60.7% ของประเทศไทย แนวทางการแก้ไขปัญหา โดยปราบปรามการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรัศมี 200 เมตร จากสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร ต้องไม่มีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า สื่อสารสาธารณะเพิ่มสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโทษพิษภัยและอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า สร้างชุดความรู้สื่อประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ตรวจเยี่ยมแถวเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กว่า 200 นาย ประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กรมการขนส่งทางบก สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักเทศกิจ และสำนักอนามัย พร้อมทั้งปล่อยขบวนรถออกปฏิบัติการ บริเวณลานคนเมือง

หลังการปล่อยแถว นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ กล่าวว่า ยินดีที่มาเยี่ยม กทม.วันนี้ โดย กทม.เป็นเมืองหลวง เป็นจุดหมายปลายทางติดอันดับของนักท่องเที่ยว ซึ่ง กทม.ก็มีทีมงาน มีผู้ว่าฯ ที่ตั้งใจ ทำงานหลายอย่าง ซึ่งเท่าที่ฟังแผนงานเร่งรัดในวันนี้ ก็อยากให้มีการสื่อสารออกไปมากขึ้น ให้ประชาชนทราบว่า กทม.กำลังทำอะไรและจะทำอะไร เพื่อให้มีความร่วมมือ ต่อไปก็อยากให้ รัฐบาลและ กทม.ทำงานแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

เรื่องฝุ่นที่ กทม.รายงานมาว่า ได้ประกาศ WFH ไปสัปดาห์ที่แล้วก็เห็นว่าช่วยลดฝุ่นจากควันรถไฟได้บ้าง ต่อไปหากมีการประสานกับรัฐด้วยเราก็อาจจะประกาศให้หลายหน่วยงาน WFH ไปพร้อมกันได้ ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามว่า ปชช.มองว่าฝุ่นเป็นปัญหาซ้ำซาก แสดงว่ายังเข้มงวดไม่มากพอหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็อยากให้ความเป็นธรรมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วย ยืนยันว่าทุกหน่วยงานพยายามทำเต็มที่ ผู้ว่าฯ กทม.ย้ำได้ดำเนินการเข้มข้น ทั้งหมดตามอำนาจที่มี เรื่องนี้ต้องอิงวิทยาศาสตร์แก้ด้วย อย่างที่ผ่านมาก็เห็นว่าเป็นฝุ่นจากข้างนอกเข้ามา เรื่องท่าเรือ คลองเตย ที่มีเสนอให้ย้าย เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นนั้น ก็อยู่ในแผนวาระแห่งชาติเรื่องฝุ่น ตั้งแต่ปี 62 แล้วก็ยังอยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบรอบด้าน

ส่วนปัญหารถติดใน กทม.รัฐบาลจะทำให้เห็นแก้ได้ชัดเจนอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ ไม่ปฏิเสธว่ามีปัญหาจราจร รัฐบาลจะแก้ปัญหาได้ดีกว่านี้ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ การปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะ โดยผู้ว่าฯ กทม.กล่าวเพิ่มเติมว่าหัวใจสำคัญในการแก้ปัญหารถติด ไม่ใช่การทำถนนเพิ่ม แต่คือการทำขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้น และมีระบบฟีดเดอร์ ส่งคนให้เข้าถึงระบบสาธารณะ

เมื่อถามว่าใน 4 ปี นายกฯ หวังเห็น กทม.เป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า มีหลายเรื่องมากที่ กทม.ก็ทำอยู่แล้ว เพราะ กทม.เป็นเมืองที่มีความสำคัญกับประเทศ ก็หวัง ให้มีความสะอาด ปลอดภัย แก้ปัญหาการจราจร PM2.5 เศรษฐกิจปากท้อง ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น ให้ กทม.เป็นเมืองที่น่าอยู่ โดยนายกฯ ย้ำว่า รัฐบาลและ กทม.ทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี มีอะไรก็ยกหูสายตรงได้ตลอด และไม่เคยมีปัญหากัน.-417 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

ทลายบ่อนกลางกรุง พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา

กทม. 4 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เอาจริง สั่งจัดระเบียบสังคมทันที หลังรับตำแหน่ง มท.1 ประเดิมงานแรก สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนพนันกลางกรุง หลังมีประชาชนร้องเรียน พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “ปิดบ่อนสะพานใหม่” จับกุมบ่อนการพนันกลางกรุง โดยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายอิสรา เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน และนายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สนธิกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนสะพานใหม่ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร […]

ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร

กองทัพบก 4 ก.ค.-ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร หลังลาดตระเวนพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์คลิปทหารพรานของไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ที่กำลังพยายามรุกลํ้าเข้ามาในดินแดนไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีอาวุธปืนครบมือนั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารีว่า ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 2304 ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ได้ทำการลาดตระเวนพื้นที่ ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณจุดชมวิวภูผี ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดน ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล และเขาพระวิหาร และบริเวณเส้นทางลาดตระเวนใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยมีการลาดตระเวนตรวจตราอย่างต่อเนื่อง จึงได้เข้าทักทายเจรจากัน และแยกย้ายกันไป ไม่มีเหตุความรุนแรงใด พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลายจุดพบกำลังทหารกัมพูชามาลาดตระเวนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น และบางครั้งมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหน่วยของกัมพูชาร่วมลงพื้นที่ด้วยตนเอง เมื่อมาพบเจอกับฝ่ายทหารไทยก็จะมีพูดทักทายกัน และบางครั้งก็อาจจะมีแสดงออกทางอารมณ์ในลักษณะเหมือนถกเถียงกันบ้าง แต่ทั้งหมดไม่ถึงขั้นตั้งใจจะใช้ความรุนแรงต่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างระมัดระวังไม่ให้มีการละเมิดข้อตกลง และต้องยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี ตามแนวทางผู้บังคับบัญชา.-313.-สำนักข่าวไทย

นักธรณีวิทยา​ย้ำไม่มีสัญญาณ​สึนามิ​เข้าไทย​ ไม่ต้องตระหนก

กรุงเทพฯ​ 4 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยา ย้ำขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณทางวิทยาศาสตร์​บ่งชี้ว่า​จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่อาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าสู่ประเทศไทย​ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แนะติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วง​ 1-2​ สัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณใกล้หมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา เป็นการเลื่อนตัวในแนวราบ ไม่ใช่แนวดิ่ง จึงไม่เข้าลักษณะที่จะทำให้เกิดคลื่นสึนามิได้ ขณะเดียวกัน จากการติดตามข้อมูลยังไม่พบสัญญาณทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า​ จะมีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเกิดคลื่นสึนามิ ศ.ดร.สันติ กล่าว​ว่า​ ก่อนหน้านี้​เรารู้​จักแนวมุดตัวของเปลือก​โลก​บริเวณ​หมู่เกาะ​นิโคบาร์​-สุมาตรา ที่หากมีการเคลื่อนตัวจะมีโอกาส​เกิดสึนามิ​ แต่ล่าสุด​พบ​ว่า​ มีแนวภูเขาไฟ​ใต้น้ำ​บริเวณ​หมู่เกาะ​สุมาตรา​ที่​ไม่เคยปะทุมาก่อนและบอกไม่ได้​ว่าจะปะทุ​เมื่อ​ใด ซึ่งนักธรณีวิทยา​และหน่วยงาน​ด้านภัยพิบัติ​จะต้องติดตาม​อย่างต่อเนื่อง​ต่อไป​ ทั้งนี้ แม้ในอดีตจะเคยเกิดสึนามิจากรอยเลื่อนสุมาตราที่เกิดการมุดตัวของเปลือกโลก​ แต่ย้ำว่า​ เหตุการณ์ปัจจุบันไม่มีตัวชี้วัดในลักษณะเดียวกัน จึงขอให้ประชาชนอย่ากังวลเกินควร อย่างไรก็ตาม การตื่นรู้ต่อภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น แอปพลิเคชันกรมอุตุนิยมวิทยา การติดตามข้อมูลจากภาครัฐ และระบบแจ้งเตือนภัยในท้องถิ่นเช่น Cell Broadcast​ ที่​ภาครัฐ​เร่งดำเนินการ​สำหรับ​แจ้ง​เตือน​ภัยพิบัติ​ต่าง​ ๆ ให้​ครอบคลุม​ทั่วประเทศ​ ทั้งนี้ ​การเตรียมความพร้อมคือเรื่องสำคัญ รัฐเองก็พยายามส่งสัญญาณให้ถึงประชาชนโดยเร็ว […]

“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม

ก.วัฒนธรรม 4 ก.ค.-“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม แจงข่าวปลอมไทยคืนวัตถุโบราณ 20 รายการ ให้กัมพูชาไม่จริง ชี้ทำตั้งแต่ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมสั่งเบรกจัดสรรงบฯ คืนวัตถุโบราณกัมพูชา จ่อแจ้งความคนปล่อยเฟกนิวส์ ปลุกปั่น “กลุ่มปราสาทตาเมือน” ยันอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยไทย ช่วงบ่ายวันนี้ (4 ก.ค.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรก มีข้อที่อยากจะฝากเอาไว้ และอยากจะให้ช่วยกันผลักดัน รวมถึงอยากจะอัปเดตข้อมูลให้ฟัง ซึ่งวันนี้ตนได้ทำการบ้านมาเล็กน้อย และรู้สึกดีใจที่จะได้ฟังจากทุกคนว่า แต่ละหน่วยงานแต่ละฝ่ายทำอะไรกันอยู่บ้าง และในกระทรวงฯ มีอะไรที่อยากให้ดำเนินการเพิ่มเติมบ้าง ประเด็นแรก อยากจะขอชี้แจงเรื่องข่าวปลอม เรื่องการส่งคืนวัตถุโบราณ จำนวน 20 รายการ ให้กับประเทศกัมพูชา ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการคืนวัตถุโบราณให้กับประเทศกัมพูชา มีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งประเทศไทยได้คืนไปแล้ว […]