กรุงเทพฯ 20 มี.ค. – นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ เผยจากกรณีรายงานข่าวพบสารซีเซียม-137 หายจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ จ.ปราจีนบุรี โดยส่วนที่สูญหายเป็นอุปกรณ์ตรวจจับเถ้าละอองลักษณะท่อกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว
ปกติซีเซียม-137 มีลักษณะเป็นของแข็ง คล้ายผงเกลือ สามารถฟุ้งกระจายได้เมื่อแตกออกจากที่ห่อหุ้มไว้ ถูกนำมาใช้งานต่างๆ เช่น ในอุปกรณ์วัดความชื้น วัดอัตราการไหลของเหลว วัดความหนาวัสดุ เป็นต้น โดยจะสลายตัวให้รังสีเบตาและแกมมา ที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสรังสีปริมาณมากแบบทั้งร่างกายทำให้เกิดความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน ซึ่งแบ่งออกได้ 3 กลุ่มอาการ ระบบผลิตเลือด ระบบทางเดินอาหาร และระบบประสาทกลาง หรือกรณีที่ได้รับรังสีบางส่วนร่างกายหรือปริมาณไม่สูงทำให้เกิดอาการด้านผิวหนังจากรังสี โดยมีปัจจัยที่สำคัญคือปริมาณรังสีที่ได้รับ ระยะเวลาสัมผัส ระยะห่างจากแหล่งกำเนิดรังสี และมีการใช้อุปกรณ์ป้องกันรังสีหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าวัตถุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ที่สูญหายได้หลุดออกจากเครื่องกำบัง การได้รับปริมาณรังสีที่แผ่ออกมาจากซีเซียม-137 เป็นระยะเวลาสั้นๆ จะไม่ส่งผลให้เกิดอันตรายที่เห็นผลชัดเจนในทันทีแต่อย่างใด แต่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่สูงขึ้นในการเกิดโรคมะเร็งได้ หากมีการชำแหละส่วนกล่องโลหะอาจทำให้รังสีมีการการสัมผัสและการปนเปื้อนรังสีมากขึ้นได้ เมื่อสงสัยว่าสัมผัสปนเปื้อนรังสี การลดการปนเปื้อน ซึ่งทำได้ทั้งแบบแห้ง เช่น การปัดออก เปลี่ยนเสื้อผ้า หรือแบบเปียก โดยการล้างด้วยน้ำ เพื่อเป็นปกป้องผู้สัมผัส บุคลากรทางการแพทย์และสถานที่
นพ.กิติพงษ์ พนมยงค์ นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรม สาขาเวชกรรมทั่วไป หัวหน้ากลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กรมการแพทย์ เผยหากผู้ใดมีอาการสงสัยจากการสัมผัสรังสี เช่น ผื่นแดงตามผิวหนัง ผมร่วง แผลเปื่อย คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย รวมทั้งการเข้าใกล้หรือสัมผัสวัตถุต้องสงสัย ให้รีบประสาน อสม. หรือพบแพทย์ที่สถานพยาบาล พร้อมทั้งแจ้งความเสี่ยงสัมผัสต่อเจ้าหน้าที่ โทร.สสจ.ปราจีนบุรี 0 3721 1626 ต่อ 102 หรือติดต่อสถาบันอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์ รพ.นพรัตนราชธานี กรมการแพทย์ โทร.0 2517 4333 .-สำนักข่าวไทย