EOD ลงพื้นที่สแกนหาอาวุธปืน 2 คนร้ายยิงหนุ่มต่างชาติ

ภูเก็ต 10 ก.พ. – กรณี 2 คนร้ายกระหน่ำยิงหนุ่มต่างชาติเสียชีวิตที่ภูเก็ต เช้าวันนี้ชุดอีโอดีลงพื้นที่สแกนหาอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ


เหตุการณ์อุกอาจ 2 มือปืนต่างชาติกระหน่ำยิงนายจิมมี่ ซิงห์ ซานดู อายุ 32 ปี ชาวอินเดีย แต่ใช้หนังสือเดินทางประเทศแคนาดา เสียชีวิตที่หน้าวิลล่าหรูติดหาดราไวย์ จ.ภูเก็ต เมื่อกลางดึกวันที่ 4 กุมภาพันธ์ และมาพบศพเช้าวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา

เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ลงพื้นที่ตั้งแต่จุดเกิดเหตุ หน้าวิลล่าหรูที่เกิดเหตุ ไล่เลียงไปตามที่พบในภาพจากกล้องวงจรปิด ตามชายหาด เส้นทางที่คนร้ายหลบหนี ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร คาดว่าเจ้าหน้าที่น่าจะพบหลักฐานใหม่คือ อาวุธปืน 2 กระบอก ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ยิงกระหน่ำ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดต้องรอฟังจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่บ่ายวันนี้ จะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวอีกครั้ง


ส่วนความคืบหน้า ตำรวจชุดคลี่คลายคดี นำตัวชายชาวต่างชาติต้องสงสัย 1 ราย ไปสอบสวน เมื่อวานนี้ คาดว่าเป็นผู้นำอุปกรณ์ติดตามและเครื่องดักฟังรถไปแอบติดตั้งไว้ที่รถยนต์ของผู้เสียชีวิต เพื่อชี้เป้าให้คนร้ายมากระหน่ำยิง พร้อมนำตัวไปตรวจค้นห้องพักเพื่อหาหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังพบรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดทิ้งไว้ที่ริมหาดในยาง ต.สาคู อ.ถลาง คาดว่าเป็นยานพาหนะของ 2 มือปืนที่ใช้ในการหลบหนี อยู่ระหว่างการเก็บรายละเอียดและหลักฐานต่างๆ ภายในรถ เพื่อเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับคนร้ายหรือไม่อย่างไร

เป้าหมายหลักที่ตำรวจเข้าตรวจค้นอยู่ภายในซอยไสยวน 9 ต.ราไวย์ อ.เมือง ซึ่งเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่จะมีชาวต่างชาติพักอาศัยอยู่ มีทั้งบ้านเช่า แมนชั่น อพาร์ตเมนต์ รีสอร์ต วิลล่า และสถานประกอบการต่างๆ โดยอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวิลล่าที่เกิดเหตุ เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบเสื้อและหมวกที่ถูกถอดทิ้งไว้ โดยเป็นการตรวจสอบผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่า หรือวิลล่าต่างๆ ที่ได้เบาะแสจากกล้องวงจรปิด โดยขอตรวจสอบหนังสือเดินทางและเปรียบเทียบภาพถ่าย รูปพรรณสันฐาน รวมถึงค่ายมวยต่างๆ บริเวณดังกล่าวด้วย แต่ยังไม่พบบุคคลต้องสงสัยที่มีลักษณะคล้ายกับ 2 มือปืนที่ก่อเหตุหรืออาวุธปืนที่ใช้เก่อเหตุ จนถึงขณะนี้ชุดคลี่คลายคดีมีการแบ่งกำลังกันไปตามจุดต่างๆ ยังคงมีการติดตามคนร้ายอย่างไม่ลดละ แต่ยังไม่มีเบาะแสใดๆ เพิ่มเติมมากนัก. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก