เชียงใหม่ 13 ส.ค.-ประธานสโมสรฟุตบอลของภาคเหนือคนดัง ถูก ป.ป.ส. ดีเอสไอ และตำรวจภาค 5 บุกยึดทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส ได้จับกุมขบวนการลำเลียงยาเสพติดและยึดของกลางได้จำนวนมากทั้งยาบ้า, ยาไอซ์, ยาเค รวมทั้งเฮโรอีน ต่อมาขบวนการลำเลียงยาเสพติดได้ซัดทอดถึงพวกบงการรายใหญ่และกลุ่มนายทุน ทางเจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานจนแน่ชัด และทราบถึงกลุ่มขบวนการนี้
นายวรพจน์ ไม้หอม รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เข้าทำการตรวจค้น ในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย 3 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 บ้าน ถ.เจริญราษฎร์ ต.วัดเกตุ อ.เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ จุดที่ 2 อาคารพาณิชย์ ถ.วังสิงห์คำ ต.ป่าตัน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ และจุดที่ 3 บ้าน ม.7 ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ผลการตรวจค้น ได้ยึดทรัพย์สิน เช่น รถยนต์หรูยี่ห้อ แลมโบกี่นี อัลพาร์ท ของใช้และกระเป๋าแบรนด์เนมหลายรายการโดยพบเงินในบัญชีหมุนเวียนของเครือข่าย กว่า 300 ล้านบาท กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะได้สืบสวนขยายผลต่อไป และในส่วนของอสังหาริมทรัพย์สำนักงาน ป.ป.ส. จะดำเนินการตรวจสอบและยึดต่อไปด้วย
หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกยึดทรัพย์นั้นเป็นถึงประธานสโมสรฟุตบอลของภาคเหนือคนหนึ่ง โดยกลุ่มนี้ได้ทำการฟอกเงิน โดยการเซ้งเช่าหรือเข้าหุ้นสถานบันเทิงต่าง ๆ ในเชียงใหม่ และไปซื้อสโมสรฟุตบอลทางภาคเหนือ ใช้เงินซื้อนักเตะราคาแพงมาเข้าทีมสโมสร ซื้อสลากที่ถูกรางวัลที่ 1 แล้วมาอ้างว่าเป็นของตนเอง เพื่อฟอกเงิน รวมทั้งยังได้เปิดพนันออนไลน์ จนมีรายได้จำนวนมาก นำไปซื้อรถหรู บ้านพร้อมที่ดินจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ทราบว่า ขบวนการนี้มีอีก 2-3 คน ตอนนี้รู้ตัวแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลในการตรวจยึดทรัพย์ต่อไป
ทางด้าน นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด กล่าวถึงเรื่องที่มีประธานสโมสรบางทีมมีข่าวพัวพันขบวนการค้ายาเสพติด และเว็บพนันออนไลน์ นั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อทีมลุยศึกไทยลีก 2 หรือไม่นั้น ในส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องตัวบุคคล ว่ากันไปตามรูปคดี ส่วนสโมสรที่เข้าร่วมนั้น เป็นนิติบุคคล แต่ต้องพูดคุยกับสโมสรว่า ได้ผลกระทบอย่างไรบ้าง และมีแนวทางจะอย่างไรต่อไปบ้าง เพื่อไม่ให้มีปัญหาในการทำทีม เรื่องนี้ไทยลีกไม่อยากให้เกิดขึ้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บริษัทไทยลีก จะตรวจสอบแหล่งที่มาของแต่ละสโมสร ที่จะหาว่าเงินที่มาใช้กับสโมสรมันผิดประเภทหรือไม่ เอามาจากไหน.-สำนักข่าวไทย