เชียงใหม่เข้มโควิด จ่อสั่งจำกัด “ดื่มเหล้าในร้านแค่ 5 ทุ่ม”

เชียงใหม่ 5 เม.ย.-จังหวัดเชียงใหม่ออกมาตรการเข้ม หลังพบผู้ป่วยใหม่ 4 ราย ล้วนเชื่อมโยงสถานบันเทิงที่กรุงเทพ เร่งสอบสวนเพื่อเติม พร้อมติดตามผู้สัมผัส เตรียมสั่งทุกร้านจำกัดให้ “ดื่มเหล้าในร้านได้แค่ 5 ทุ่ม”

วันที่ 5 เม.ย. 64 เวลา 15.30 น. ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ โดย นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และ นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงข่าวผ่านสื่อมวลชนถึงสถานการณ์โรคโควิด -19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยนายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แจงว่า วันนี้จังหวัดเชียงใหม่ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 จำนวน 4 ราย เบื้องต้นคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่มีมติให้มีการยกระดับการควบคุม ป้องกันโรคเพิ่มขึ้น อาทิ การจัดขบวนแห่ อนุญาตให้เฉพาะวัฒนธรรมจังหวัด ดำเนินงาน คนร่วมขบวนไม่เกิน 200 นอกนั้นไม่อนุญาต ผู้ร่วมงาน ผู้ชมต้องสวมหน้ากาก 100%


“สำหรับสถานบริการ และสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้าย และร้านอาหารที่มีการจำหน่ายสุรา ให้เปิดจำหน่าย และบริโภคสุรา ได้ไม่เกิน 23.00 น. โดยให้มีผลตั้งแต่ วันที่ 6 – 30 เม.ย. 64 พร้อมกันนี้มีการประกาศพื้นที่สี่เหลี่ยมรอบคูเมืองให้เป็นพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด รวมถึงสถานประกอบการ สถานบริการต้องปรับปรุงเรื่องระบบระบายอากาศ พร้อมกันนี้ได้แจ้งให้ ศปก.ทุกระดับ ออกตรวจสถานที่เสี่ยงหากพบว่าไม่มีมาตรการป้องกันโรค ให้เสนอคณะกรรมการโรคติดต่อ เพื่อพิจารณาสั่งปิดสถานที่ดังกล่าว” รอง ผวจ.เชียงใหม่ กล่าว

ด้าน นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แจงว่า การพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 รายใหม่ ของจังหวัดเชียงใหม่ ทั้ง 4 ราย เป็นผู้ที่มีประวัติเดินทางไปยังสถานบันเทิงในย่านรัชดา กรุงเทพฯและนนทบุรี ที่พบการระบาดของโรคโควิด-19 ตามที่ทางกรมควบคุมโรคได้ประกาศ โดย


ผู้ป่วยรายที่ 1 เป็นชายไทย อายุ 34 ปี ภูมิลำเนาอำเภอเมืองเชียงใหม่ ประกอบธุรกิจส่วนตัว ประวัติเดินทางไปสถานบันเทิงย่านรัชดา กทม. เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564 พร้อมกับเพื่อน 4 คน ก่อนจะแยกตัวเดินทางกลับมาจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ป่วยรายนี้ได้เดินทาง โดยเที่ยวบิน VZ2104(สุวรรณภูมิ-เชียงใหม่) วันที่ 31 มีนาคม 2564 เวลา 17.30 น. ที่นั่ง 19F เข้าพักที่บ้านพักส่วนตัว และในวันที่ 1 มีนาคม ได้รับข่าวการระบาดที่สถานบันเทิงในกรุงเทพฯ จึงได้แยกกักตัวเอง ต่อมาจึงเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในวันที่ 4 เมษายน 2564 มีอาการไข้ ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ผลยืนยันพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เข้ารักษาตัวที่ห้องแยกความดันลบ โรงพยาบาลนครพิงค์

ผู้ป่วยรายที่ 2 เป็นชายไทย อายุ 26 ปี ภูมิลำเนาอำเภอเมืองเชียงใหม่ ประกอบธุรกิจส่วนตัว ประวัติเดินทางไปสถานบันเทิงย่านรัชดา กทม. พร้อมกับผู้ป่วยรายที่ 1 และได้เดินทางกลับเชียงใหม่ โดยรถยนต์ส่วนตัว พร้อมเพื่อนอีก 3 คนที่ไปเที่ยวในสถานบันเทิงเดียวกัน เมื่อเดินทางมาถึงเชียงใหม่ ในวันที่ 1-2 เมษายน ได้รับข่าวการระบาดในสถานบันเทิง กทม. จึงได้แยกกักตัวในห้องพักส่วนตัวเพียงคนเดียว และเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในวันที่ 4 เมษายน ไม่มีอาการ ผลยืนยันพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เข้ารักษาตัวที่ห้องแยกความดันลบ โรงพยาบาลนครพิงค์

ผู้ป่วยรายที่ 3 ชายไทย อายุ 34 ปี ภูมิลำเนาอำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้ร่วมเดินทางกับผู้ป่วยรายที่ 2 เดินทางไปและกลับด้วยรถยนต์ส่วนตัวพร้อมกัน หลังจากกลับมาถึงเชียงใหม่ได้พักในบ้านพักส่วนตัวกับแฟนสาว และในวันที่ 4 เมษายน เข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไม่มีอาการ ผลตรวจยืนยัน เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564 พบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เข้ารักษาตัวที่ห้องแยกความดันลบ โรงพยาบาลนครพิงค์ สำหรับเพื่อนอีก 2 คนที่เดินทางไปด้วยกัน ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผลตรวจยืนยันไม่พบเชื้อ


“ทีมสวบสวนโรคสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่สอบสวนโรค ค้นหาผู้สัมผัส พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 32 ราย(ผู้สัมผัสในครอบครัว 6 ราย , ผู้สัมผัสในชุมชน 3 ราย) และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 99 ราย(ผู้สัมผัสบนเครื่องบิน) รวม 131 ราย ทางทีมสอบสวนโรคได้ติดตามและนัดตรวจหาเชื้อในบ่ายวันนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจ” นพ.สสจ.เชียงใหม่ กล่าว

นพ.จตุชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ป่วยรายที่ 4 ชาย สัญชาติจีน อายุ 28 ปี อาศัยในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีประวัติเดินทางไปท่องเที่ยวในจังหวัดนนทบุรี เป็นเวลา 7 วัน หลังเดินทางกลับเชียงใหม่ โดยมีไทม์ไลน์ ดังนี้
วันที่ 1 เมษายน 2564 ด้วยเที่ยวบิน FD416 เวลา 18.20 น. (ดอนเมือง- เชียงใหม่) เข้าบ้านพักส่วนตัวกับภรรยา ช่วงเย็นเดินทางไปรับประทานอาหารปิ้งย่าง
วันที่ 2 เมษายน 2564 เดินทางไปรับประทานอาหารใกล้สนาบิน และทานอาหารเย็นที่ตลาดทิพย์เนตร
วันที่ 3 เมษายน 2564 เดินทางไปเซ็นทรัลเฟสติวัล ตลาดทิพย์เนตร กาดมณี
วันที่ 4 เมษายน 2564 เดินทางไปรับประทานอาหารใกล้สนามบิน และเริ่มมีอาการไข้ต่ำๆ ไอ เจ็บคอ ไม่มีน้ำมูก จมูกได้กลิ่น จึงได้เข้าขอรับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่
วันที่ 5 เมษายน 2564 ผลตรวจยืนยันพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนโรคและค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดเพิ่มเติม

นายแพทย์จตุชัย กล่าวอีกว่า การพบผู้ป่วยโควิด-19 ทั้ง 4 รายนี้ เป็นการนำเชื้อเข้ามาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้ยังไม่พบการระบาดในจังหวัดเชียงใหม่ อย่างไรก็ตามจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการยกระดับมาตรการของจังหวัดในระดับสูงสุด เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ขอความร่วมมือประชาชนร่วมมือกันป้องกันตนเอง และปฏิบัติตนตามมาตรการต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้ที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ ให้ทำปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันควบคุมโรคของจังหวัดเชียงใหม่อย่างเคร่งครัด

ทางสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ ขอให้ผู้ที่ไปเที่ยวในสถานบันเทิงดังกล่าวตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป หากมีอาการผิดปกติให้ไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจหาเชื้อ หากมีความกังวลขอรับคำปรึกษาได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือติดต่อที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ 053-211048-50, 084-8052121 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]

“อนุทิน” ย้ำไม่ย้ายกระทรวง ยึดข้อตกลงเดิม​ นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้ว

สุวรรณภูมิ​ 7 มิ.ย.-“อนุทิน” ลั่นไม่มีอะไรต้องตกลงแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กินช็อกมินต์ หลังกระพือยึดเก้าอี้ มท.1 ชี้ “ภูมิใจไทย” ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ย้ำชัดไม่ย้ายกระทรวงยึดข้อตกลงเดิม ระบุนายกฯ ก็ให้ความมั่นใจแล้ว ยอมรับกินข้าว รวมไทยสร้างชาติ แล้ว แต่คุยปมพลังงาน ยันไม่ต้องจับมือต่อรอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. หากมีการถามมายังพรรคภูมิใจไทย พรรคก็ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะได้คุยในเบื้องต้นภายในพรรคแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อถามว่า กระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้แบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร มันเขย่าไม่ได้ นี่เป็นรัฐบาลผสม และเป็นข้อตกลงที่เราหารือกันตั้งแต่เราตั้งรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน 2 ปีแล้ว และมายังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รูปแบบนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของใคร แต่เป็นข้อตกลงและเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ ที่มีข่าวบอกว่าคนนี้ทำงานดีหรือไม่ดี […]