ศรีสะเกษ 5 ก.พ. – ตำรวจศรีสะเกษตามรวบหนุ่มหัวใสผลิตธนบัตรปลอม ฉบับละ 100 บาท ฝากเข้าตู้เติมเงิน พร้อมยึดของกลางเงินปลอม มูลค่า 97,800 บาท และอุปกรณ์การผลิต
พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ และผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ นำของกลางธนบัตรฉบับละ 100 บาท จำนวน 978 ฉบับ มูลค่า 97,800 บาท เครื่องปรินเตอร์ ยี่ห้อแคนนอน 1 เครื่อง หมึกปรินต์ 6 ขวด กระดาษถ่ายเอกสาร 1 รีม เครื่องตัดกระดาษ 1 เครื่อง กรรไกร 1 อัน คัตเตอร์ 1 อัน และรถเก๋ง สีบรอนซ์ ทะเบียน ชฐ 3816 กรุงเทพมหานคร มาแถลงต่อสื่อมวลชน หลังยึดได้จากนายพิชาภพ พันธ์คำ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาคดีปลอมธนบัตร ซึ่งตัวผู้ต้องหาได้ส่งฝากขังไปก่อนหน้านี้แล้ว
คดีนี้เมื่อวันที่ 24 ม.ค.64 ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ มีคนร้ายใช้ธนบัตรปลอมนำมาฝากเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตู้เติมเงินออนไลน์ เข้าบัญชีธนาคาร แล้วถอนเงินสดผ่านตู้ ATM มาเป็นประโยชน์ส่วนตน สร้างความเสียหายให้แก่สถาบันการเงิน และผู้ประกอบการตู้เติมเงินออนไลน์ เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานข้อมูลกับธนาคารและบริษัทตู้เติมเงิน ร่วมสืบสวนหาพยานหลักฐาน โดยเริ่มจากการได้ตำหนิรูปพรรณรถยนต์ และข้อมูลจากฝ่ายรักษาความปลอดภัยของบริษัทตู้เติมเงิน ทราบถึงพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุ จึงได้ออกตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ก่อเหตุ ตามตู้เติมเงินออนไลน์หลายพื้นที่ จนทราบว่าผู้ก่อเหตุใช้รถยนต์ สีบรอนซ์ ทะเบียน ชฐ 3816 กรุงเทพมหานคร ในการก่อเหตุ
ต่อมาวันที่ 4 ก.พ.64 สืบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.เมืองศรีสะเกษ และตรวจพบรถต้องสงสัยที่ปรากฏตามกล้องวงจรปิดที่ได้มานั้น จอดอยู่ที่บริเวณห้องพักหมายเลข 10 หอพักแห่งหนึ่งในเขต ต.หนองไผ่ อ.เมืองศรีสะเกษ จึงได้เข้าตรวจสอบห้องพัก พบนายพิชาภพ พันธ์คำ และจับกุมได้คาหนังคาเขา ขณะกำลังถ่ายเอกสารธนบัตร ตรวจสอบในห้องพักพบธนบัตรปลอม ฉบับละ 100 บาท จำนวน 976 ฉบับ อุปกรณ์การทำธนบัตรปลอม เครื่องปรินเตอร์ กระดาษ และกรรไกร รวมทั้งรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด
สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ทำการปลอมธนบัตรเอง แล้วนำไปใช้เติมเงินในตู้เติมเงินออนไลน์ โดยวิธีนำธนบัตรปลอมเข้าเติมเงินที่เครื่องรับเติมเงิน แล้วโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 058-8-51568-0 ชื่อบัญชี นายอานนท์ ปลื้มญาติ ซึ่งเป็นบัญชีธนาคารที่นายพิชาภพ พันธ์คำ ผู้ต้องหา รับว่าติดต่อซื้อบัญชีมาจากอินเทอร์เน็ต โดยการแนะนำจากเพื่อน ในราคา 5,000 บาท ซึ่งจะได้บัญชีธนาคาร พร้อมกับซิมการ์ดเบอร์โทรศัพท์ รหัสที่ผูกเข้ากับแอปพลิเคชันของธนาคาร เพื่อสะดวกในการรับโอนเงิน และยังให้การรับสารภาพว่า ตนได้ใช้ธนบัตรที่ทำการผลิตขึ้นไปเติมเงินในตู้เติมเงินหลายครั้ง เช่น 24 ม.ค.64 ได้นำธนบัตรปลอมใช้เติมเงินตู้เติมเงิน หน้าโรงเรียนมารีวิทยา ต.หนองครก อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ / 25 ม.ค.64 ได้นำธนบัตรปลอมใช้เติมเงินตู้เติมเงิน บริเวณปากทางเข้าวัดป่าศรีสำราญ ต.เมืองใต้ อ.เมืองศรีสะเกษ / 28 ม.ค.64 ได้นำธนบัตรปลอมใช้เติมเงินตู้เติมเงิน บริเวณแยกส้มป่อย ต.สำโรง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ / 31 ม.ค.64 และ 1 ก.พ.64 ได้นำธนบัตรปลอมใช้เติมเงินตู้เติมเงิน ที่หน้าโลตัส เอ็กซ์เพรส สาขามหาชนะชัย จ.ยโสธร / 2 ก.พ.64 ได้นำธนบัตรปลอมใช้เติมเงินตู้เติมเงิน ที่หน้าโลตัส เอ็กซ์เพรส สาขาศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 41,110 บาท ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่า ตนได้ก่อเหตุปลอมธนบัตรเพียงคนเดียว โดยดูวิธีการปลอมธนบัตรจากทางสื่อต่างๆ และจดจำนำมาทดลองผลิตใช้เอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตั้งข้อกล่าวหาปลอมเงินตรา มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราปลอมอันตนได้มา จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ตรวจสอบประวัติพบนายพิชาภพ เพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.63 ในคดีฉ้อโกง คดีปลอมแปลงเอกสาร ต้องโทษอยู่เป็นเวลา 6 ปี ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ จึงคิดหาช่องทางหาเงินด้วยวิธีดังกล่าว. – สำนักข่าวไทย