แม่แทบช็อก ไม่ได้คุยลูกชายวันเดียว รู้ข่าวเหยียบทุ่นระเบิด

13 ส.ค. – แม่แทบช็อก เผยไม่ได้คุยกับลูกชายวันเดียว รู้ข่าวเหยียบทุ่นระเบิดบาดเจ็บสาหัสที่ข้อเท้าซ้าย ขณะลาดตระเวนบริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์


เหตุการณ์ทหาร 7 นาย ลาดตระเวนบริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ แล้วเหยียบทุ่นระเบิดของกัมพูชา ที่ลอบวางไว้ จนทำให้ สิบเอก ธีรพล เพียขันที ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 บาดเจ็บสาหัสที่ข้อเท้าซ้าย รักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว

พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ได้ไปตรวจสอบตามแนววางลวดหนามบริเวณปราสาทตาเมือนธม ซึ่งจุดที่ทหารลาดตระเวนอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำ ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้ากัมพูชาจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่า ช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่ากัมพูชาสลักลอบมาวางกับระเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิงเพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอน หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล ซึ่ง พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ขอข้อมูลเร่งด่วนเพื่อทำการประท้วงฝ่ายกัมพูชาต่อไป และจะนำเรื่องนี้ พูดในที่ประชุม RBC ไทย-กัมพูชาครั้งต่อไปด้วย แต่เชื่อว่ากัมพูชาคงไม่ยอมรับเหมือนที่เขาพูดใน GBC

หากว่ากัมพูชาไม่ยอมร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดและทหารไทยเหยียบระเบิดแบบนี้ต่อไป พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ถ้าเหตุการณ์สงบ ก็ต้องให้ศูนย์เก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมเข้ามาดำเนินการเก็บกู้ แต่ถ้าไม่สงบก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ต้องตอบโต้ด้วยกำลัง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องหน้างาน การเจรจาก็เจรจาไป เรามีสิทธิปกป้องและคุ้มครองกำลังพลเช่นกัน

ขณะนี้ได้มีการปรับแผนในการลาดตระเวน เพื่อให้กำลังพลไม่ต้องไปเสี่ยงกับทุ่นระเบิดโดยเพิ่มการใช้กล้องวงจรปิด และใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่เข้าเคลียร์เส้นทางลาดตระเวนและเพิ่มการเฝ้าตรวจในระยะไกลขึ้นมาอีกสเต็ป


วันแม่แทบช็อก ไม่ได้คุยลูกชายวันเดียว รู้ข่าวเหยียบทุ่นระเบิด
ขณะที่วานนี้ (12 ส.ค.) เป็นวันแม่ ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของสิบเอก ธีรพล ภายในบ้านมีชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาให้กำลังใจคุณแม่สาคร อายุ 78 ปี แม่ของสิบเอก ธีรพล จำนวนมาก

แม่สาคร เล่าว่า ลูกชายเป็นทหารพรานได้เกือบ 30 ปีแล้ว ทุกครั้งที่ลูกชายจะไปทำงานตามชายแดนหรือกลับจากชายแดนจะเข้ามากราบเท้าแม่ แล้วเอาเท้าแม่เหยียบที่หัว และจะฉีกเอาชายผ้าถุงของแม่ติดตัวไปด้วย ครั้งล่าสุดหลังจากมีคำสั่ง ลูกชายได้เก็บรถ เก็บข้าวของ แล้วเดินทางไปตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งลูกชายจะโทรศัพท์มาคุยด้วยทุกวัน เพิ่งคุยครั้งล่าสุดวันที่ 11 ส.ค. ลูกชายบอกว่าสบายดี ไม่เป็นอะไรแล้ว เพราะหยุดรบแล้ว แต่ไม่คิดว่าเพียงข้ามคืนกลับได้รับข่าวว่าลูกชายเหยียบทุ่นระเบิดขาขาด ยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ดีใจที่ลูกชายได้รับใช้ชาติ ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว

หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดตรวจพบทุ่นสภาพใหม่พร้อมระเบิด
ขณะที่เพจกองทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความว่า กองทัพภาคที่ 2 ส่งหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด และพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่เกิดเหตุที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด บริเวณฐานปฏิบัติการจุ๊บตะโมก พื้นที่ปราสาทตาเหมือนธม ผลการพิสูจน์ 100% เป็นทุ่นระเบิด PMN-2 และพบเพิ่มเติมอีก 3 ทุ่น ซึ่งอยู่ใน ‘สภาพใหม่’ พร้อมใช้งาน อยู่ในเขตอธิปไตยของไทย

ด้านเพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์ข้อความว่า เมื่อทุ่นระเบิดคืออาวุธแบบรอเวลา สรุปใครใช้อาวุธก่อน? จุดเกิดเหตุที่พบทุ่น คือบริเวณด้านซ้าย ห่างประมาณ 2 เมตร ด้านขวาห่างประมาณ 2 เมตร ด้านหน้าห่างประมาณ 5 เมตร ทั้งหมดเป็นทุ่นระเบิดแบบ PMN-2 กัมพูชา จงใจ!! สร้างภัยคุกคามต่อชีวิตและความปลอดภัย

นอกจากนี้เพจกองทัพบก ทันกระแส ยังโพสต์ข้อความ “หากจำเป็น กองทัพพร้อมใช้สิทธิป้องกันตนเอง กระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงตอบโต้กรณีกองทัพบก ประเทศไทยรายงานข่าวทหารพรานเหยียบกับระเบิดขาขาด บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 คาดว่ากัมพูชาลอบวางไว้

“มาลี” โต้ไทย ยืนยันกัมพูชาไม่มีกับระเบิด
พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชาขอปฏิเสธอย่างแข็งขันต่อข้อกล่าวหาใดๆ ที่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนและไม่มีมูลความจริงจากฝ่ายไทยกรณีการบาดเจ็บของทหารไทยที่เกิดจากการระเบิดของทุ่นระเบิด บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2568

กัมพูชาแสดงจุดยืนที่แน่วแน่ว่ากัมพูชาจะไม่ใช้หรือวางกับระเบิดใหม่โดยเด็ดขาด กัมพูชาเป็นรัฐภาคีในอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งให้สัตยาบันในปี 2542 และได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศสำหรับความพยายามทำลายทุ่นระเบิดทั้งในและต่างประเทศ

กัมพูชาตั้งข้อสังเกตว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการสอบสวนอย่างเป็นทางการและโปร่งใส เพื่อระบุข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ นอกจากนี้กัมพูชายังได้เตือนประเทศไทยหลายครั้งว่าพื้นที่เหล่านี้ยังคงมีวัตถุระเบิดตกค้างจากสงคราม ทุกฝ่ายควรงดเว้นการสรุปผลต่อสาธารณะก่อนที่จะค้นหาความจริง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่อาจเพิ่มความตึงเครียดและการเผชิญหน้า

ไทยโต้กลับกัมพูชา ยืนยันมีหลักฐานชัดเจน
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ออกมาตอบโต้ พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ทันที ยืนยันอย่างชัดเจนว่า กัมพูชายังคงมีทุ่นระเบิดอยู่ในครอบครองจำนวนมาก และได้ลักลอบนำมาวางในพื้นที่ต่างๆ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อมุ่งทำร้ายฝ่ายไทย ทั้งที่กัมพูชาเป็นภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และได้ให้สัตยาบันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 แต่กลับนำมาใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบอย่างละเอียดของฝ่ายไทย พบว่าทุ่นระเบิดที่ใช้ในเหตุครั้งนี้เป็นชนิด PMN-2 ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่พบในหลายพื้นที่ที่กัมพูชาลักลอบติดตั้งเพื่อทำร้ายกำลังพลไทยมาโดยตลอด

“ข้ออ้างของกัมพูชาว่าพื้นที่ดังกล่าวยังคงมีวัตถุระเบิดตกค้างจากสงครามในอดีต เป็นเพียงการปฏิเสธที่ขาดน้ำหนัก เนื่องจากหลักฐานเชิงประจักษ์ในทุกจุดเกิดเหตุชี้ชัดว่าพื้นที่โดยรอบบริเวณที่เกิดการเหยียบทุ่นระเบิดจะพบการวางทุ่นระเบิด PMN-2 อีก 3-5 ลูก ในสภาพที่เพิ่งถูกติดตั้งใหม่อย่างชัดเจน ทั้งที่หากเป็นทุ่นเก่าจากสงครามในอดีต จะเป็นชนิดอื่น ไม่ใช่ทุ่นระเบิดแบบ PMN-2”

ฝ่ายไทยจึงขอเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณะ ทั้งที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน เพื่อความเป็นธรรมต่อผู้รับฟังข่าวสาร และเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ตามมติคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ข้อ 9 ซึ่งกำหนดให้งดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอม

กต.ประท้วงกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ประท้วงครั้งที่ 4 ในการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากความไม่สุจริตใจของฝ่ายกัมพูชา การกระทำดังกล่าวขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ขัดต่อหลักการพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ และละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน ไทยจึงขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดอนุสัญญาฯ โดยทันที

กองทัพภาค 2 ขอรับสนับสนุน “ลวดหนามหีบเพลง” จำนวนมาก
ขณะที่เพจ ‘กองทัพภาคที่ 2’ ประชาสัมพันธ์ขอรับการสนับสนุน “ลวดหนามหีบเพลง” จำนวนมาก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 100 ซม. เพื่อใช้ประโยชน์ในการป้องกันอธิปไตยของไทย ผู้ประสงค์ให้การสนับสนุนติดต่อได้ที่ พันโท สุริยาวุธ สุกเหลือง ฝ่ายกิจการพลเรือน กองกำลังสุรนารี อ.เมือง จ.สุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]

อยุธยาอ่วม! มัสยิด-บ้านริมน้ำเจ้าพระยา ถูกน้ำท่วมสูง

อยุธยา 22 ก.ย. – จ.พระนครศรีอยุธยา อ่วม! น้ำท่วมขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิด ระดับน้ำเพิ่มสูงต่อเนื่อง ขณะที่เขื่อนป่าสักชลฯ เตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำอีกตั้งแต่ 24 ก.ย.นี้ เตือนน้ำล้นตลิ่งพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อน สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ 103 ตำบล 626 หมู่บ้าน รวมกว่า 31,227 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ โดยพื้นที่ ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิดดารุซซุนนะห์ ซึ่งอยู่นอกคันกั้นน้ำ ถูกน้ำเอ่อท่วมและระดับน้ำยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง ชาวบ้านสัญจรลำบาก บางจุดต้องใช้เรือ ต้องเดินลุยน้ำเข้า-ออกบ้านและมัสยิด ขณะที่องค์การบริหารส่วนตำบลภูเขาทอง เร่งนำไม้มาทำสะพานชั่วคราว ให้ประชาชนเดินเข้ามัสยิดเพื่อประกอบพิธีละหมาดได้ พร้อมเร่งตัดต้นไม้และกำจัดวัชพืช ให้เรือสัญจรได้สะดวก และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำใกล้ชิด เนื่องจากระดับน้ำเจ้าพระยายังมีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง นายธีรยุทร อายุ 43 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า บ้านถูกน้ำท่วมเกือบถึงเอว ลำบากมาก […]