ศรีสะเกษ 1 ส.ค. – วันนี้คณะทูตานุทูตและทูตทหาร รวม 23 ประเทศ ลงพื้นที่สังเกตการณ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในพื้นที่ถูกกัมพูชาโจมตี และศูนย์พักพิง
การลงพื้นที่ในวันนี้ทางประเทศไทยต้องการให้คณะทูตทั้ง 23 ประเทศได้เห็นข้อเท็จจริงและนำไปเผยแพร่ให้ประชาคมโลกได้รับรู้ จุดแรกคือปั๊ม ปตท.บ้านผือ ที่ถูกกัมพูชายิงจรวด BM21
โดยนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ บรรยายสรุปให้คณะได้รับฟังถึงเหตุการณ์วันแรกที่เกิดขึ้นและเหตุการณ์ต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีญาติผู้สูญเสียนำรูปผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว บอกเล่าเหตุการณ์ความสูญเสียจากที่เกิดขึ้นต่อคณะทูตานุทูตผ่านล่าม พร้อมเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตที่ผู้บริสุทธิ์ ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย

จากนั้นคณะทูตทหาร เดินทางลงพื้นที่ ต่อไปยังจุดกระสุนตกใส่พลเรือน ที่อาคารโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลชำเม็ง อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ส่งผลทำให้อาคาร รพ.สต. เสียหาย ที่นี่ ยังมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก มีเด็กเล็กอยู่ประจำกว่า 30 คน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากทางจังหวัดได้ประกาศให้ชาวบ้านอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยหรือศูนย์พักพิงชั่วคราว ตั้งแต่ 24 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่ทางทหารกัมพูชาเปิดฉากยิง โดยนางเข็มจิรา จันทร์ทอง ผอ.รพ.สต.บ้านชำเม็ง บอกว่าถ้าวันนั้น หากยังไม่มีการอพยพ ยังคงปฏิบัติงานอยู่ ก็คงจะต้องสูญเสีย เกิดความเสียหายมากกว่านี้ นับว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมอย่างที่สุด
จากนั้น คณะทูตทหาร เดินทางต่อมายังศูนย์พักพิงวิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษณ์ ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่มาสังเกตการณ์สำหรับวันนี้ โดยรับฟังบรรยายสรุปจากผู้อำนวยการศูนย์ฯ ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ 24 กรกฎาคม มีผู้ลงทะเบียนอพยพทั้งหมด 5,147 คน โดยมีการบริหารจัดการเพื่อดูแล ทั้งอาหารความเป็นอยู่ดูแลสภาพจิตใจรวมถึงจัดระเบียบต่างๆ และสุขาอนามัย รวมถึงดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีกำลังจากทุกหน่วยงานร่วมกัน วันนี้บางส่วนเริ่มทยอยกลับเข้าที่พักบ้างแล้ว
โดยคณะทูต ได้สอบถามรวมถึงพูดคุยกับประชาชนในศูนย์พักพิงผ่านล่าม ในช่วงท้ายมีเด็กเด็กในศูนย์พักพิงได้นำปลาตะเพียนสาน และนกกระเรียนสาน มามอบให้คณะทูตอีกด้วยสร้างรอยยิ้มและบรรยากาศที่ผ่อนคลายเป็นกันเอง

ภายหลังการสังเกตการณ์ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงว่า ทั้งสามจุดที่พาคณะทูตมาสังเกตการณ์ในวันนี้ เป็นจุดที่มีการใช้อาวุธของกัมพูชาแล้วมาตกกระทบในพื้นที่พลเรือนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพื้นที่การรบซึ่งผิดกติกาสากล ที่สำคัญกระทบสิทธิมนุษยชน โดยจุดแรกคือปั๊มน้ำมันอยู่ห่างจากแนวชายแดนที่ใช้กำลังทหารถึง 30 กิโลเมตร จุดที่สอง เป็นสถานพยาบาลที่มีความสำคัญในกฎหมายสากล และจุดที่สามจะเห็นผู้ได้รับผลกระทบจากการใช้อาวุธของฝั่งกัมพูชาเกินขอบเขตทำให้เกิดผู้ได้รับผลกระทบมากกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งการลงพื้นที่สังเกตการณ์วันนี้ต้องการให้เห็นข้อเท็จจริงโดยไม่มีการบิดเบือนและปรุงแต่งใดๆ นอกจากในประเทศแล้วยังต้องการสื่อให้ถึงประชาคมโลกว่าประเทศไทยคือผู้ที่ถูกกระทำ ซึ่งประเทศไทยนั้นอยู่ในกรอบกติกากฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
ด้านนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมนำคณะทูตลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้ขอความร่วมมือประชาชนช่วยเผยแพร่ข้อเท็จจริง ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ จะเชิญคณะทูตานุทูตที่อยู่ในประเทศไทย เพื่อบรรยายสรุปข้อเท็จจริงให้รับทราบรวมทั้งเจ้าหน้าที่กงสุลไทยทุกแห่งเพื่อร่วมกันถ่ายทอดความจริงเผยแพร่ให้กับประชาคมโลกต่อไป
ขณะที่ BONG YIK JUI จากสถานทูตมาเลเซีย และยังเป็นตัวแทนจาก UNESCAP บอกว่ามาเป็นเรื่องน่าเศร้าเมื่อเห็นประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ไม่อยากให้สถานการณ์ยืดเยื้อ คนที่กระทบที่สุด คือประชาชน มาเลเซียในฐานะที่เป็นคนกลางคาดหวังว่าข้อตกลงในการหยุดยิงจะเป็นทางออกสำหรับไทย และกัมพูชา ซึ่งภายหลังมีข้อตกลงหยุดยิง ได้ตั้งคณะติดตามของอาเซียน เพื่อติดตามสถานการณ์ หลังจากนั้นจะลงพื้นที่อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย