สมุทรปราการ 19 ก.ค.-อุกอาจกลางสนามบอล จ.สมุทรปราการ วัยรุ่น 2 คน บุกยิงอริเสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 1 คน ตำรวจเร่งล่ามือปืน
กล้องวงจรปิดหน้าบริษัทแห่งหนึ่ง จับภาพความชุลมุนของคนมาใช้บริการสนามบอล และจะเห็นชาย 2 คน วิ่งมาพร้อมอาวุธปืนไล่ยิงคนที่วิ่งหนีไปด้านใน จากเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 บาดเจ็บ 1 คน
สำหรับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายในสนามฟุตบอลแห่งหนึ่งในซอยไทยประกัน ซอย 1/5 ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ตำรวจ สภ.บางเสาธง สมุทรปราการ นำกำลังเข้าตรวจสอบ บริเวณหน้าสนามฟุตบอลพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน คนแรกคือนายพรมมินทร์ อายุ 18 ปี มีบาดแผลถูกกระสุนปืนลูกซองจำนวนหลายนัดที่ใบหน้า อาการสาหัส คนที่ 2 คือนายชัยวัฒน์ อายุ 20 ปี มีบาดแผลถูกกระสุนปืนลูกซองยิงเข้าที่หน้าอกหลายนัด อาการสาหัสหมดสติ เจ้าหน้าที่กู้ชีพต้องทำการปั๊มหัวใจก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา และที่บริเวณทางเข้าประตูสนามบอลพบผู้เสียชีวิตชาย 1 คน ทราบชื่อคือ นายชญามร อายุ 18 ปี มีบาดแผลถูกลูกกระสุนปืนลูกซองที่บริเวณหน้าอกลำตัวและใบหน้าจำนวนหลายแผล
ในที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนจำนวน 1 ปลอก ตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ก่อเหตุที่ใช้อาวุธปืนทราบชื่อคือนายโบ้ อายุ 22 ปี หลังก่อเหตุซ้อนรถจักรยานยนต์ของเพื่อนหลบหนีไป
จากการสอบปากคำนายบิว คนดูแลสนามฟุตบอล เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนกำลังนั่งเล่นกับเพื่อน เห็นกลุ่มผู้บาดเจ็บขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนกัน 3 คน บอกว่ามีคนตามทำร้าย ตนจึงลุกขึ้นไปดู พบผู้ก่อเหตุเดินตามมา และตะโกนด่ากลุ่มผู้บาดเจ็บอย่างดุเดือด ตนได้พยายามห้ามโดยกล่าวกับผู้ก่อเหตุว่า มามีเรื่องกันตรงนี้ไม่ได้ แต่ผู้ก่อเหตุไม่ฟัง พยายามวิ่งหาฝ่ายตรงข้าม จู่ๆ ผู้ก่อเหตุได้ชักอาวุธปืน ยิงเข้าใส่คนเจ็บและเสียชีวิตก่อนจะหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ด้าน พลตำรวจตรีวิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ คนตายและผู้ก่อเหตุทำงานอยู่ที่เดียวกัน ผู้ที่ก่อเหตุมี 2 คน 1 คนใช้อาวุธปืน เป็นปืนลูกซอง ขณะนี้ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ก็ขอให้เข้ามอบตัวเพราะมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย หากไม่มาเจ้าหน้าที่ไม่รับรองความปลอดภัย คดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เบื้องต้นสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนโรงพักบางเสาธง สืบจังหวัดและสืบภาค เร่งติดตามตัวมาทำเนินคดีแล้ว คาดใช้เวลาไม่นาน.-สำนักข่าวไทย