BIG STORY : แม่ทัพภาค 4 สั่งขยายผลจับกลุ่มผู้ก่อเหตุป่วนใต้คืนเดียว 44 จุด

22 มี.ค. – แม่ทัพภาค 4 สั่งขยายผลจับกลุ่มผู้ก่อเหตุป่วนใต้คืนเดียว 44 จุด มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เชื่อสร้างสถานการณ์ป่วนเดือนรอมฎอน


ผู้ก่อเหตุรุนแรงลอบวางระเบิดป่วน จ.ปัตตานี รวม 20 จุด
เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา (21 มี.ค.) ช่วงประมาณตี 1 เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของ จ.ปัตตานี 23 จุด ใน 10 อำเภอ คือ อ.เมือง 1 จุด อ.มายอ 2 จุด อ.ยะหริ่ง 1 จุด อ.ยะรัง 3 จุด อ.โคกโพธิ์ 2 จุด อ.หนองจิก 2 จุด อ.ทุ่งยางแดง 3 จุด อ.ไม้แก่น 2 จุด อ.กะพ้อ 2 จุด และ อ.สายบุรี 2 จุด มีทั้งเหตุลอบวางเพลิงร้านสะดวกซื้อ วางเพลิงเสาไฟฟ้า วางเพลิงสำนักงานการไฟฟ้า เผายางรถยนต์ และลอบวางเพลิงที่พักรีสอร์ต แต่ที่ได้รับความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินคือ เหตุเกิดขึ้นภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. ต.เกาะจัน อ.มายอ

ระเบิดปั๊มน้ำมันระหว่างก่อสร้าง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
ผู้สื่อข่าวลงที่เกิดเหตุพบว่าเป็นปั๊มที่กำลังก่อสร้าง มีกำหนดให้เปิดบริการเดือนพฤษภาคมนี้ ตรวจสอบพบว่าจุดระเบิดอยู่ที่ตู้หัวจ่ายน้ำมัน แรงระเบิดทำให้ตู้จ่ายน้ำมัน อาคารจ่ายน้ำมัน เสียหายอย่างหนัก นอกจากนี้แรงระเบิดทำให้ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในปั๊มกระจกแตกเสียหาย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นแรงงานหญิงชาวเมียนมา อายุ 27 ปี โดยจุดนี้คาดมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 5 คน ลักลอบเข้ามาด้านหลังปั๊มน้ำมัน โดยนำอาวุธ ระเบิด ถังแก๊สปิกนิกขนาดเล็กสีส้ม 2 ลูก มาวางไว้ที่ตู้จ่ายน้ำมัน 2 จุด และมีการเผายางรถเพื่อป้องกันการติดตาม จากนั้นประมาณ 5 นาที เกิดระเบิดที่วางไว้ 1 ลูก แรงระเบิดทำให้ตู้หัวจ่ายน้ำมัน อาคารจ่ายน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ได้รับความเสียหาย แรงระเบิดยังทำให้แรงงานหญิงชาวเมียนมาที่นอนพักภายในแคมป์คนงานและอยู่ใกล้จุดระเบิด ถูกสะเก็ดระเบิดเสียชีวิต


ผู้ก่อเหตุรุนแรงวางเพลิงร้านสะดวกซื้อ-เผาโรงงาน
ส่วน จ.ยะลา มีเหตุป่วนรวม 11 จุด กระจายใน 5 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.บันนังสตา อ.รามัน อ.ยะหา และ อ.ธารโต นอกจากมีการลอบวางเพลิงร้านสะดวกซื้อแล้ว ยังมีการลอบวางเพลิงโรงงานแก๊สหุงต้มขนาดใหญ่ ซึ่งจุดนี้มีรายงานว่าคนร้ายไม่ต่ำกว่า 7 คน ถืออาวุธครบมือ บุกเข้าไปจับตัวคนงานและมัดมือเอาไว้ จากนั้นงัดประตูเหล็กด้านหลังและเข้าไปก่อเหตุวางเพลิงเผาในโรงงาน เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายระดมกำลังเร่งดับไฟ และสามารถช่วยคนงานได้ปลอดภัยทุกคน นอกจากนี้ยังวางเพลิงเผาร้านเฟอร์นิเจอร์ เสาไฟฟ้า เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ โรยตะปูเรือใบ เผายางรถยนต์ถนนหลายสาย เจ้าหน้าที่ยังได้รับแจ้งว่ามีเสียงระเบิด 3-4 ครั้ง ที่โรงโม่หิน ในพื้นที่หมู่ 4 บ้านลิดล อ.เมืองยะลา

ผู้ก่อเหตุรุนแรงวางเพลิงรถก่อสร้างถนน-กล้องซีซีทีวี
ส่วนที่ จ.นราธิวาส เกิดเหตุใน 6 อำเภอ 7 จุด เช่น อ.แว้ง คนร้ายลอบวางเพลิง บ.ซาเล่ต์ ฟอร์เรส นรา จำกัด ซึ่งรับซื้อไม้มาทำการแปรรูป และวางเพลิงรถโฟล์คลิฟต์ ซึ่งจอดอยู่ในโรงเรือน เสียหาย ส่วนจุดอื่น เช่น อ.สุไหงปาดี ลอบวางเพลิงรถปูยางมะตอย 1 คัน รถยนต์บดถนนแบบล้อยาง 2 คัน รถบดถนนแบบล้อเหล็ก 2 คัน ที่จอดไว้ริมถนนบ้านบาโงฮูมอ ม.5 ต.ริโก๋ เพื่อรอก่อสร้างถนนสายสุไหงปาดี สุไหงโก-ลก เสียหาย 4 คัน อ.เจาะไอร้อง

ลอบวางเพลิงรถแบ็กโฮ 2 คัน รถโกยตัก 2 คัน รถยนต์บรรทุก 10 ล้อ 2 คัน และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 1 เครื่อง ที่จอดและติดตั้งไว้ในโรงงานอุตสาหกรรมนราดินเสียหาย อ.จะแนะ คนร้าย 20 คน แต่งกายชุดดำสวมหมวกไหมพรมอำพรางใบหน้า มีอาวุธปืนครบมือ ได้บุกเข้าไปใน บ.เอเซียเหมืองแร่ ซึ่งตั้งอยู่บ้านไอร์บาลอ ม.6 ต.ช้างเผือก จับกุมคนงานที่ทำหน้าที่เฝ้าเวรยามมัดไว้ ก่อนคนร้ายจะแยกย้ายกันลอบวางเพลิงรถแบ็กโฮ 3 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน และบ้านพักคนงาน 1 หลัง ส่วนที่ อ.รือเสาะ และ อ.ศรีสาคร ลอบวางเพลิงกล้อง CCTV ที่ติดตั้งไว้บริเวณเสาไฟฟ้า เสียหายรวม 3 ตัว


นายกฯ กำชับทหาร-ตร.ดูแลเหตุป่วน 3 จังหวัดชายแดนใต้
หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ารายงานสถานการณ์ให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบ ซึ่งนายกฯ แสดงความเป็นห่วงต่อเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมกำชับให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ลงพื้นที่ไปดูแลและควบคุมสถานการณ์ด้วยตัวเอง รวมทั้ง สั่งการผ่านผู้บัญชาการทหารบกให้แม่ทัพภาคที่ 4 ไปดูแลเหตุดังกล่าวแล้ว ส่วนมีความเกี่ยวเนื่องกับวันครบรอบ 20 ปี เหตุการณ์ตากใบด้วยหรือไม่ ยังไม่ทราบ แต่เชื่อว่าผู้ก่อความไม่สงบต้องการแสดงกำลังช่วงเดือนรอมฎอน เป็นการแสดงกำลัง

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. เผยเหตุป่วนใต้คืนเดียวรวม 44 จุด
พันเอก เอกวริทธิ์ ชอบชูผล โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า สรุปภาพรวมเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 22 มีนาคม กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงพยายามสร้างสถานการณ์ก่อกวนหลายจุดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ล่าสุดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ดำเนินการควบคุมพื้นที่ และตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุดังกล่าว

ภาพรวมพบกลุ่มผู้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่รวม 44 จุด (ข้อมูล ณ เวลา 13.30 น.) เกิดขึ้นพื้นที่ จ.ยะลา 12 จุด ปัตตานี 23 จุด นราธิวาส 7 จุด สงขลา 2 จุด

แบ่งเป็นเหตุลอบวางระเบิด 1 เหตุ ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. อ.มายอ จ.ปัตตานี มีแรงงานหญิงเมียนมาเสียชีวิต 1 ราย และเหตุการณ์ลอบวางเพลิง 43 เหตุ มีทั้งร้านสะดวกซื้อ เสาส่งสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์ เผารถยนต์-ยางรถยนต์ กล้องวงจรปิด CCTV เสาไฟฟ้า สายเคเบิลทีวี รีสอร์ต โรงไม้ ร้านเฟอร์นิเจอร์ โรงโม่หิน เหมืองแร่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โรงงานผลิตเมทัลชีท โรงบรรจุก๊าซ

ทัพภาคที่ 4 สั่งการเร่งขยายผลจับกลุ่มผู้ก่อเหตุโดยเร็ว
ด้านแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กำชับหน่วยในพื้นที่ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง บูรณาการกำลังทุกภาคส่วน ยกระดับการรักษาความปลอดภัยฐานปฏิบัติการอย่างเข้มงวด โดยมอบหมายให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามขยายผล ตรวจสอบวัตถุพยาน รวบรวมหลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อหาความเชื่อมโยงของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด

ผู้ก่อเหตุหวังทำลายความสงบช่วงเดือนรอมฎอน
ส่วนสาเหตุเชื่อผู้ก่อเหตุมุ่งหวังทำลายระบบสาธารณูปโภค ระบบเศรษฐกิจ สร้างสถานการณ์ทำลายบรรยากาศเดือนรอมฎอนสันติสุข ก่อกวนในการประกอบศาสนกิจของประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม โดยไม่คำนึงถึงหลักการอันดีงามของศาสนา

ทั้งนี้ หากประชาชนพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่แจ้งเบาะแสได้ที่สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร.06 1173 2999 หรือสายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง และผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิด เช่น นำพาซ่อนเร้น สนับสนุนที่พักพิง เสบียงอาหาร มีความผิดตามกฎหมาย ป.วิอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ป่วนพื้นที่จังหวัดภาคใต้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้เดินทางตรวจจุดเกิดเหตุจากเหตุการณ์คนร้ายก่อกวน ป่วนในพื้นที่ จ.ยะลา บริเวณยะลาสหพัฒน์แก๊ส อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อรับทราบสถานการณ์ พร้อมพบปะกับผู้ประกอบการ นำข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก่อนเดินทางไปที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อร่วมประชุมติดตามสถานการณ์เหตุการณ์ก่อความไม่สงบในพื้นที่กับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุม warroom ศปก.ตร.สน. โดยมี พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 ผู้บังคับบัญชาระดับสูง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ช่วงนี้อยู่ในเทศกาลถือศีลอด ได้เน้นย้ำการปฏิบัติของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ต้องเพิ่มความเข้มในมาตรการการดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องของประชาชนมากยิ่งขึ้น ฝ่ายความมั่นคงจะได้ประชุมกันและดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายและวางมาตรการเพิ่มขึ้นในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน จะเป็นช่วงที่มีการประกอบศาสนกิจของพี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่อย่างเคร่งครัด เพื่อผลบุญอันสูงสุด คนร้ายมักใช้ช่วงเวลานี้ในการก่อเหตุสร้างสถานการณ์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย