เชียงใหม่ 19 ก.ค. – ศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง อาจารย์และนักคิดนักเขียนชาวเชียงใหม่ มองนักศึกษาเคลื่อนไหวให้ สส.-สว. เคารพเสียงประชาชน เป็นเรื่องปกติ และหากผลโหวต “พิธา” ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เชื่อมีการชุมนุมใหญ่แน่นอน
ศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มองว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาที่ติดป้ายหน้าคณะ “ขอให้ทั้ง สว. และ สส. เคารพเสียงของประชาชน” เป็นการเคลื่อนไหวตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งนักศึกษาสมัยนี้มีความสนใจการเมืองมากขึ้น ระบบการศึกษาดีขึ้น ที่สำคัญมือถือทำให้การเรียนรู้โลกมันไปไกลมาก มีการแสวงหาความรู้ได้จากหลากหลายช่องทาง และยิ่งนักศึกษาที่ได้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งก็อยากเห็นคนที่เลือกเข้าไปเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมบอกด้วยว่าประเทศไทยเราล้าหลังมามาก เป็นประเทศที่พัฒนาประชาธิปไตยล่าช้า มีรัฐประหารบ่อยครั้ง ใน 70 ปีมานี้มีรัฐประหารถึง 13 ครั้งแล้ว ก็ยากที่จะเข้มแข็งได้ นักศึกษาจึงตื่นตัว คนรุ่นใหม่จึงตื่นตัวมากกว่าคนรุ่นเก่า เพราะไม่อยากให้ประเทศล้าหลังอีกแล้ว
สำหรับการเปลี่ยนแปลงเหมือนกับเรามีขยะที่ต้องกวาดออก มี สว. ที่ไม่มีความเป็นประชาธิปไตยต้องกวาดออก และวิธีการกวาดคือเสนอให้ยุบซะ คนมาจากการแต่งตั้งมันสะท้อนอยู่แล้ว เขาสนใจใครแต่งตั้งเขา เขาไม่ได้สนใจประชาชน เพราะไม่ได้มาจากประชาชน เงินเดือนก็ดีใครจะเลิก แต่หากวันนี้ผลโหวตสะท้อนรัฐสภาไม่ฟังเสียงของประชาชน อาจารย์ธเนศวร์ มองว่า จากนี้ไปเมื่อคนหนุ่มสาวตื่นตัวมากขึ้น การรวบรวมพลังเสียงประท้วงจะมีมากขึ้น สมมติหากนายพิธา ไม่ได้เป็น เอาใครไม่รู้มาเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 และถ้าบริหารงานก็ไม่ได้เรื่อง ก็จะถูกตราหน้าหากหน้าบางก็ลาออกไปแต่หากไม่ออกประชาชนก็ต้องเลือกว่าจะจัดรูปแบบการต่อต้านแบบไหน ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่นักศึกษารู้ดีว่าเป็นอย่างไรและหากฝืนจัดตั้งรัฐบาลด้วยเสียงข้างน้อย มั่นใจว่าการทำงานจะยาก เพราะเสนอกฎหมายอะไรก็ไม่ผ่านและก็จะนำไปสู่การยุบสภาแน่นอน อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้คนรุ่นใหม่เกิดความท้อถอยในระบอบประชาธิปไตย เพราะวันนี้การเมืองไทยถือว่ามาไกลมากแล้ว ทั้งการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง การออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากขึ้น โดยเปรียบกับบ้านเมือง เมื่อมีขยะถ้าไม่กวาดล้าง ขัดถู ก็ไม่มีทางสะอาดได้ หากบ่นเบื่อท้อแท้ก็ต้องอยู่กับขยะต่อไป และจมอยู่แบบนี้ไปตลอดกาลนาน. -สำนักข่าวไทย