ก้าวไกล เสนอ 3 แนวทางแก้ปัญหาหมอรัฐบาลลาออก

พรรคก้าวไกล 7 มิ.ย. – “หมอเก่ง วาโย” เสนอ 3 แนวทางแก้ปัญหาภาระงานแพทย์ ลดลาออก ลดภาระงาน เพิ่มผลิตบุคลากรทั้งรัฐ-เอกชน


นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และคณะทำงานด้านสาธารณสุข พรรคก้าวไกล กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาภาระงานบุคลากรทางการแพทย์ของพรรคก้าวไกล โดยระบุว่าปัจจุบันบุคลากรทางการแพทย์มีชั่วโมงการทำงานที่มากเกินไป แพทย์จำนวนมากต้องทำงานถึงสัปดาห์ละกว่า 80 ชั่วโมง หรืออาจถึง 100 ชั่วโมง ระยะเวลาการทำงานที่มากเกินไปส่งผลต่อประสิทธิภาพในการให้บริการกับประชาชน เช่น ความแม่นยำในการตรวจรักษาต่ำลง ส่งผลให้ผู้ป่วยตกอยู่ในความเสี่ยงของการรักษาที่อาจผิดพลาดได้ ในขณะที่ค่าตอบแทนทั้งในและล่วงเวลากลับต่ำอย่างไม่สอดคล้องกัน บางกรณีอาจไม่ได้รับค่าตอบแทนล่วงเวลาเลย

ภาระงานที่มากเกินไป ทำให้บุคลากรทางการแพทย์สูญเสียสมดุลการใช้ชีวิต นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียม รวมไปถึงความก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่ไม่เหมาะสม ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ภาครัฐหมดขวัญและกำลังใจในการทำงาน ขาดความพึงพอใจในงาน และนำไปสู่การลาออก โดยส่วนหนึ่งเข้าไปสู่ภาคเอกชนที่ได้รับผลตอบแทนและคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า


นพ.วาโย กล่าวว่า จากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม ที่ประชุมของคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านอำนาจรัฐบาล (Transition Team) ซึ่งมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นประธาน ได้ตั้งคณะทำงานเพิ่มขึ้นมา หนึ่งในนั้นคือคณะทำงานด้านสาธารณสุข ซึ่งตนเป็นตัวแทนของพรรคก้าวไกลเข้าไปร่วมทำงานกับอีก 7 พรรค มุ่งเน้นไปที่ปัญหาภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์เป็นวาระเร่งด่วน

คณะทำงานด้านสาธารณสุขของพรรคก้าวไกลเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นปัญหาเชิงระบบ โดยต้นตอที่สำคัญ ได้แก่ ความจำกัดของบุคลากรและงบประมาณ การเพิ่มการผลิตแพทย์หรือบุคลากรเพียงอย่างเดียวแต่ไม่อุดรอยรั่ว ไม่สามารถขจัดปัญหาได้

การลดภาระงาน การกระจายปริมาณและสถานที่ของงาน รวมไปถึงการเพิ่มตัวช่วยอื่นๆ ที่จะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระงานนั้นมีความจำเป็น นอกจากนี้การส่งเสริมสุขภาพของประชาชนให้แข็งแรง ลดความแออัดที่สถานพยาบาลนั้นก็มีความจำเป็นที่จะต้องกระทำไปควบคู่กัน คณะทำงานฯ จึงมีวาระต่างๆ ที่ต้องการเข้าไปผลักดัน ได้แก่


 (1) ลดการลาออกของบุคลากรทางการแพทย์ เช่น ตั้งเป้าหมายลดชั่วโมงการทำงานและเพิ่มชั่วโมงการพักผ่อนให้เหมาะสม พรรคก้าวไกลเห็นว่า ชั่วโมงการทำงานแพทย์อย่างแย่ที่สุดไม่ควรเกิน 80 ชั่วโมง/สัปดาห์ พยาบาลไม่ควรเกิน 60 ชั่วโมง/สัปดาห์ และต้องมีเวลาพักผ่อนอย่างเพียงพอ โดยหากทำงานติดต่อกัน 24 ชั่วโมง หรือทำงานในกะดึก (0.00-8.00 น.) จะต้องได้พักผ่อนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ก่อนที่จะกลับมาเริ่มทำงานกะต่อไป

รวมถึงทบทวนค่าตอบแทนใหม่อย่างเป็นธรรม เนื่องจากอัตราค่าตอบแทนของบุคลากรทางการแพทย์ไม่มีการปรับขึ้นมาเป็นเวลากว่า 4 ปี มีเสียงเรียกร้องจากกลุ่มตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์บางกลุ่มต้องการให้มีการปรับเพิ่มขึ้นโดยไม่น้อยไปกว่าอัตราเงินเฟ้อ และสำหรับบุคลากรทางการแพทย์บางกลุ่ม เช่น บุคลากรในห้องฉุกเฉิน ซึ่งปัจจุบันได้รับค่าตอบแทนล่วงเวลา 8 ชั่วโมง ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำต่อวัน สมควรมีการพิจารณาปรับเพิ่มค่าตอบแทนให้เหมาะสม โดยค่าตอบแทนต้องวางเกณฑ์ที่คำนึงถึงหลัก ‘ทำมากได้มาก’ ค่าตอบแทนแปรผันตามปริมาณงาน

นอกจากนี้ต้องแก้ไขระเบียบบางอย่างเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน เช่น ระเบียบเครื่องแต่งกาย ที่อนุญาตให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถใส่ชุดสครับในการทำงาน, สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น สิทธิการรวมตัวของบุคลากรทางการแพทย์ การเปิดช่องทางร้องเรียนของบุคลากรทางการแพทย์ต่อผู้บริหาร

(2) ลดภาระงานบุคลากรทางการแพทย์ เช่น เพิ่มการทำงานเชิงป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ ทำให้คนไทยสุขภาพดี ลดจำนวนการเข้าโรงพยาบาล ด้วยการยกระดับสิทธิตรวจสุขภาพประจำปีฟรีโดยมีค่าเดินทางให้, ยกระดับสิทธิวัคซีน, ยกระดับการตรวจหามะเร็งสำหรับกลุ่มเสี่ยง, การจัดทำฐานคะแนนสุขภาพโดยมีแรงจูงใจ (Personal Health Scoring) และการพัฒนาอบรม อสม. ให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ผ่านการฝึกอบรมและให้ได้รับมาตรฐาน เพื่อช่วยปฏิบัติภารกิจต่างๆ ของระบบสุขภาพในชุมชน และลดภาระงานของแพทย์

พร้อมกันนี้ต้องกระจายผู้ป่วยในด้านปริมาณและสถานที่ ไม่ให้แออัดที่โรงพยาบาล โดยการยกระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ทั้ง Telemedicine และ Telephamarcy เพื่อให้บริการทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานและทำการจ่ายยาที่สถานบริการใกล้บ้านได้ โดยเฉพาะในกลุ่มโรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ (NCDs) และพัฒนาศูนย์ดูแลผู้ป่วยระยะประคับประคอง (Palliative Care) เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยระยะประคับประคองที่ติดเตียงสามารถกลับไปอยู่ใกล้บ้านของตัวเองมากขึ้น ลดความแออัดที่โรงพยาบาล

รวมถึงกระจายผู้ป่วยด้านเวลาให้บริการ ด้วยการให้ใช้ระบบ Telemedicine คัดกรองผู้ป่วย และ Smart Queing เพื่อจัดคิวผู้ป่วยในช่วงเวลาต่างๆ และสงวนห้องฉุกเฉิน (ER) ไว้สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินที่แท้จริง, ลดภาระงานเอกสาร ปรับฐานข้อมูลดิจิทัล ปรับระบบข้อมูลส่วนหนึ่งจาก Intranet เป็น Internet เพื่อให้โรงพยาบาลปลายทางสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลผู้ป่วยและทำการส่งตัวได้โดยสะดวก ร่วมกับศูนย์บริหารจัดการเตียงกลาง (Central Referal Center) สงวนเตียงจำนวนหนึ่งจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่เพื่อเข้าศูนย์บริหารจัดการ ทำให้การส่งตัวผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลมีความสะดวกมากขึ้น

และ (3) เพิ่มการผลิตบุคลากรทางการแพทย์จากทั้งภาครัฐและเอกชน ต่อยอดการผลิตและส่งเสริมให้เพิ่มขึ้น เน้นสนับสนุนโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท (CPIRD) สนับสนุนสถาบันการผลิตแพทย์เพิ่มจากฝั่งเอกชน แต่เพิ่มการควบคุมมาตรฐานให้รัดกุมสูงขึ้น “เลิกเป่าลมลงในถุงก้นรั่ว แต่อุดรูรั่วด้วยความเข้าใจ เห็นใจ และยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง การทำให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์มีความพร้อมในการทำงาน มีกำลังกายและกำลังใจที่ดีในการทำงาน ย่อมส่งผลต่อผลิตภาพและคุณภาพในการให้บริการสาธารณสุขแก่ประชาชน” นพ.วาโยกล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

กู้ซากคานสะพานลอยคนข้ามพังถล่ม เปิดการจราจรแล้ว

23 ส.ค. – เจ้าหน้าที่เร่งหาสาเหตุคานสะพานลอยคนข้ามขนาดใหญ่ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มูลค่าเกือบ 7 ล้านบาท พังถล่มลงมากีดขวางถนน สาย 317 จันทบุรี–สระแก้ว ล่าสุดกู้ซากคานสะพานลอย ออกจากถนน และเปิดการจราจรได้ตามปกติแล้ว เหตุคานสะพานลอยถล่ม บริเวณพื้นที่ก่อสร้างสะพานลอยข้ามถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ระหว่างฝั่งขาเข้าเมือง บ้านมะทาย ต.ปัถวี ข้ามไปยังตลาดกลางเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา เหตุดังกล่าวทำให้เกิดผลกระทบ สภาพการจราจรติดขัด ตลอดช่วงสายและบ่าย เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้ พยายามเร่งกู้ซากสะพานลอย ประสาน นำเครื่องจักรกลหนักทั้ง รถแบ็กโฮ 3 คัน รถแบ็กโฮหัวขุดเจาะ 2 คันและรถเครนใหญ่อีก 1 คัน ระดมลงพื้นที่เกิดเหตุ โดยบริษัทผู้รับเหมา ต้องใช้รถหัวขุดเจาะ 2 คัน ทำการขุดเจาะกระแทกแผ่นคอนกรีตให้แตก จนเหลือแต่เส้นเหล็กจากนั้นได้ใช้ชุดเชื่อมทำการใช้ไฟแก๊สตัดเหล็ก แยกชิ้นส่วนของคานคอนกรีตออก […]

ตามล่านักโทษชายหลบหนีเรือนจำนนทบุรี

นนทบุรี 23 ส.ค. – นักโทษเรือนจำนนทบุรีหลบหนี ขณะออกมาทำงานนอกเรือนจำ เจ้าหน้าที่พบชุดนักโทษ ถอดทิ้งไว้ใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ อยู่ระหว่างไล่ติดตาม กล้องวงจรปิด บันทึกเหตุการณ์ ช่วงบ่ายวันนี้ หลังตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้รับเเจ้งว่ามีนักโทษชายหลบหนีจากร้านหับเผย อ.เมือง จ.นนทบุรี ตรวจสอบเบื้องต้นทราบชื่อ นช.อนุชิต อายุ 29 ปี เป็นผู้ต้องขังกองนอกประจำร้านหับเผย ของเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ชุดที่หลบหนีสวมชุดสีส้มของเรือนจำ ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อเรมเบสต้า สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร หลบหนี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบชุดที่นักโทษสวมใส่ถอดทิ้งไว้ใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ อยู่ระหว่างไล่ติดตาม สำหรับ นช.อนุชิต สุขสด ถูกตำรวจ สภ.บางบัวทอง จับกุมเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ข้อหาพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น โดยใช้ยานพาหนะในการกระทำผิด หลังจับกุม สภ.บางบัวทอง นำตัวส่งเรือนจำกลางจังหวัดนนทบุรี วันที่ 27 ธันวาคม 2567 ศาลตัดสินโทษจำคุก 1 ปี โดยจะพ้นโทษในวันที่ในวันที่ […]

ผบ.ทบ. ตรวจฐานภูมะเขือ ขอบคุณกำลังพลทุ่มเทปฏิบัติงาน

23 ส.ค.- ผบ.ทบ. ตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ย้ำกำลังพลปฏิบัติงานเต็มความสามารถ ตั้งอยู่บนความปลอดภัย เมื่อวันที่ 23 ส.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) พร้อม พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร เดินทางมาตรวจเยี่ยม และรับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของฐานการภูมะเขือ โดยมี พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมด้วยฝ่ายเสนาธิการกองกำลังสุรนารี, ผู้บังคับหน่วย และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ และร่วมปฏิบัติภารกิจ ผู้บัญชาการทหารบก รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ และการปฏิบัติงาน ณ ฐานปฏิบัติการภูมะเขือกลาง พร้อมทั้งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ผู้บัญชาการทหารทัพบก กล่าวขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ทุ่มเทปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ให้ปฏิบัติภารกิจอย่างปลอดภัย จากนั้นได้เดินดูบริเวณฐานธุรการและพื้นที่ต่างๆ บนภูมะเขือ -สำนักข่าวไทย

เร่งเคลียร์ซากสะพานลอยถล่ม ขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว

จันทบุรี 23 ส.ค.- เร่งเคลียร์ซาก! เหตุสะพานลอยคอนกรีตที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พังถล่มขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ส่งผลเช้านี้การจราจรติดขัดสะสม คาดเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เมื่อเวลาประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา พื้นที่ก่อสร้างสะพานลอยข้ามถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ระหว่างฝั่งขาเข้าเมือง บ้านมะทาย ต.ปัถวี ข้ามไปยังตลาดกลางเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี กล้องวจรปิดร้านขายของชำบันทึกภาพวินาทีระทึก  ขณะคานสะพานพังถล่ม โดยยังมีคนงานเดินอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุหลายสิบคน โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจสอบความเสียหายในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบรถเทรลเลอร์ 1 คัน และรถเครนของบริษัทรับเหมาเอกชนอีก 1 คัน ถูกคานสะพาน คอนกรีตที่หนักรวมกว่า 116 ตัน ถล่มลงมาทับพังเสียหาย กีดขวางการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก เบื้องต้นกรมทางหลวงซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้รับเหมา เร่งดำเนินการใช้แยกคอนกรีตตัดคานสะพานออก เพื่อง่ายต่อการเคลียร์เส้นทาง เนื่องจากเป็นถนนสายหลัก ส่วนมูลค่าความเสียหายคาดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท สอบถามเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าสะพานลอยแห่งนี้ มีรูปแบบการก่อสร้างประกอบด้วย เสาเตาหม้อคอนกรีตเสริมเหล็กจำนวน 2 ต้น มีความกว้างของทางเดินบนสะพาน 2.4 เมตร พร้อมราวจับและหลังคายาวตลอดทางเดินราว 36 เมตร ซึ่งครอบคลุมบันไดทั้งขาขึ้นและลง […]