ประธานวิปฝ่ายค้านสรุป 4 วัน อภิปรายไม่ไว้วางใจ

รัฐสภา 22 ก.ค. – ฝ่ายค้านใช้เวลา 4 วัน อภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีรายบุคคล ประธานวิปฝ่ายค้าน ชี้คำตอบรัฐมนตรีนั่งร้านไม่เคลียร์-ตอบไม่ได้


นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านลุกขึ้นสรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล หลังจากที่ฝ่ายค้านใช้เวลาอภิปราย 4 วัน โดยนายสุทินได้สรุปการอภิปรายเป็นรายบุคคล เริ่มจากนานอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกัญชาเสรี ว่านายอนุทินยังไม่สามารถตอบคำถามเรื่องนี้ได้ชัดเจน แถมบางคำตอบยังเป็นการยอมรับด้วยว่าการปลดล็อกกัญชาของไทยเป็นการละเมิดอนุสัญญาของยูเอ็น ซึ่งระบุว่ากัญชายังเป็นยาเสพติด แต่นายอนุทินกลับบอกว่าเหตุใดจะต้องไปทำตามประเทศอื่น ขณะเดียวกันก็ไม่เชื่อว่าจะควบคุมกัญชาเสรีได้ โดยเฉพาะการเสพในกลุ่มเยาวชนแม้ขณะนี้จะมีประกาศกระทรวงก็ตาม ยืนยันไม่ด้อยค่ากัญชาเพราะมีประโยชน์ทางการแพทย์ และทดลอง แต่ต้องไม่มองข้ามเรื่องโทษ

ส่วนนายกรัฐมนตรี ต้นทุนต่างประเทศก็ต่ำอยู่แล้ว ตนเห็นใจแต่ก็สมน้ำหน้าเพราะยึดอำนาจมาเอง แล้ววันนี้ยังไปขัดยูเอ็นอีก


ทั้งนี้ระหว่างที่นายสุทิน สรุปปิดอภิปรายนายอนุทิน นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงหลายครั้ง และขอใช้สิทธิพาดพิง จนถูกฝ่ายค้านมองว่าพยายามอภิปรายแทนทั้งที่ไม่สามารถทำได้ จึงมีการโต้แย้งกันไปมาระหว่างนายศุภชัย กับนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีช่วงหนึ่งนายศุภชัยพูดกับนายวิสารว่า “เอามีดไปสักเล่มไหม”

จากนั้นนายศุภชัย โพธิ์สุ ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้วินิจฉัยให้นายสุทินอภิปรายต่อ แต่ระหว่างนั้นนาย นิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาล ได้เดินไปชนหมัดกับนายศุภชัย

สำหรับกรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สมาชิกยังติดใจเรื่องรุกที่ดินเขากระโดง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม ที่นายศักดิ์สยาม เป็นรัฐมนตรี จึงสงสัยว่าที่การดำเนินคดีเป็นไปอย่างล่าช้า เพราะไม่กล้าหรือไม่ และประเด็นการซุกหุ้นบริษัทบุรีเจริญ ที่เชื่อว่าขายหุ้นไปแล้ว ไม่จริง แต่เป็นการยักย้ายถ่ายเทเอานอมินีมารับ ซึ่งบริษัทนี้รับงานจากกระทรวงคมนาคม จึงเป็นที่สงสัย และที่นำหลักฐานการโอนเงินซื้อขายหุ้นมาแสดง คณะทำงานฝ่ายค้านที่ศึกษาเรื่องนี้เห็นว่า เอกสารที่นำมาแสดงมีพิรุธ หากเป็นเอกสารของธนาคาร เหตุใดไม่มีหัวกระดาษของธนาคาร และลายเซ็นเหมือนตัดแปะ ตกขอบออกมาข้างนอก และรายการโอนหุ้นวันแรกเหตุใดจึงโอนเงินก่อนซื้อขายหุ้น 5-6 เดือน จึงเชื่อว่าไม่ได้มีการซื้อขายหุ้นจริง จึงสรุปว่าเอกสารนี้ไม่จริง แสดงว่าบุรีเจริญ ยังเป็นของนายศักดิ์สยาม เท่ากับมีผลประโยชน์ทับซ้อนหากเป็นเช่นนี้ ถึงขั้นต้องหลุดจากความเป็นรัฐมนตรี


ส่วนข้อกล่าวหานายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่ใช้เงินกองทุนประกันสังคมไปซื้อหุ้นของบริษัทเอกชนราย 1 แล้วบริษัทดังกล่าวนำไปปั่นหุ้นและกระจายหุ้น นำเงินกลับมาซื้อหุ้นในครอบครัวของนายสุชาติ ซึ่งนายสุชาติได้ตอบว่าไม่เคยมีความรู้เรื่องหุ้น คณะทำงานของพรรคก็มองว่าไม่น่าเชื่อถือ

นายสุทิน ยังสรุปข้อกล่าวหา นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นโครงการเดินสำรวจออกเอกสารสิทธิ์ที่เกาะในพื้นที่ภาคใต้ โดยคนที่ได้รับเอกสารสิทธิ์ เป็นคนใกล้ชิดของนายนิพนธ์และพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ กรณีนี้ เสมือนสปก.ภาค 2 ซึ่งในนิพนธ์ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่เมื่อตรวจสอบแล้วเชื่อว่าเป็นพวกเดียวกัน เข้าข่ายใช้อำนาจหน้าที่ในทางอ้อมเพื่อประโยชน์ให้พวกพ้อง จึงไม่น่าไว้วางใจ

สำหรับนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ยอมรับว่ามีการใช้สปายแวร์ หรือระบบเพกาซัส ในการเจาะข้อมูลมือถือประชาชนจริง แม้จะยืนยันว่า ดำเนินการแก้ไขแล้ว แต่ก็ยังมีเกิดขึ้น แสดงว่ารัฐมนตรี ไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหา ที่ผ่านมาดีอีเอส เน้นทำงานสอดแนมและปราบปราบแต่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมากกว่า จึงขอให้เปลี่ยนรัฐมนตรีคนอื่นมาแก้ไขเรื่องนี้

ส่วนพฤติกรรมการตั้งเพื่อนสนิทขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาในกระทรวง และไปรับงานศูนย์เศรษฐดิจิทัลชุมชน 700 แห่ง ที่พบว่า มีการฮั้วประมูล ทุจริต แต่รัฐมนตรี กลับยอมรับว่า เป็นเพื่อนผิดตรงไหน ถ้าหากเพื่อนไปรับงาน ก็ถือว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ทำให้เชื่อว่า มีการทุจริตจริง และมีพยานหลักฐาน

สำหรับในข้อกล่าวหา มีพฤติการณ์จงใจ เสื่อมเสียทางศีลธรรมอันดีฝ่าฝืน และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ถือเป็นเรื่องสำคัญ ฝ่ายค้านก็คิดหนักที่จะหยิบยกมาอภิปราย แต่ก็มีมติให้นางสาวชนก จันทร์ทาทอง ส.ส.หนองคาย ขึ้นมาอภิปราย โดยเรื่องนี้ ผู้หญิงต้องแค้นเคือง ที่ฝ่ายชายไปยกย่องหญิงอื่นหรือมีชู้ จึงมองว่าผู้หญิงด้วยกันต้องปกป้อง จึงอภิปรายเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวัง แต่ก็เกิดความวุ่นวาย เพราะนายชัยวุฒิ กลับตำหนิ นางสาวชนก ถ้าไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ไปแก้กฎหมายประมวลจริยธรรม แต่หากยังอยู่ในจริยธรรมก็ต้องบังคับใช้กฎหมายข้อนี้ เมื่อทำผิด ก็ต้องว่ากันตามนั้น

ดังนั้น ผู้ชายต้องระมัดระวัง อย่าทำอะไรเปิดเผย เรื่องนี้อาจมีทั่วบ้านทั่วเมือง หากมีความละอาย ก็อาจมีการปกปิด แต่หากไม่ให้เกียรติภรรยา ก็ไม่ละอายต่อบาป คนไม่ดีต่างกัน แต่เราจะบริหารจัดการได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าเห็นแก่เด็ก ต้องจัดการกับพ่อที่เป็นต้นตอ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นการถูกกล่าวหาทุจริตถุงมือยางภาคสอง ซึ่งนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. พรรคเพื่อไทยเป็นผู้อภิปราย ตั้งแต่ภาคแรกต่อเนื่องถึงภาคสอง ซึ่งภาคแรกได้ยื่น ป.ป.ช.ไปแล้ว และ ป.ป.ช. เห็นว่ามีมูล ป.ป.ช. จึงแจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องแล้วรวม 22 ราย

โดยนายสุทิน ยอมรับว่านายจุรินทร์ เก่งสามารถตอบคำถามได้ แต่ก็มีพิรุธโดยเฉพาะขั้นตอนการตั้งกรรมการตรวจสอบเอาผิด และสุดท้ายก็โยงมาที่เรื่องรับจำนำข้าวเพื่อหาตัวช่วย ทำให้พิรุธมันออกอาการมันชัด ฝ่ายค้านจึงปักใจเชื่อว่านายจุรินทร์ไม่สุจริตจริง เป็นไปตามญัตติที่ฝ่ายค้านกล่าวหา

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีหน้าที่ดูแลคนยากคนจน โดยเฉพาะเรื่องของการเคหะแห่งชาติ ที่นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส. กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวหาว่าเกิดการไม่สุจริตโครงการเคหะ ที่มีบริษัทเซมโก้ที่รับงานของการเคหะจำนวนมาก โดยเฉพาะการถมดินที่มี 38 โครงการ ซึ่งเมื่อไปตรวจสอบพบว่าไม่มีความสามารถและไม่เคยดูแลโครงการเคหะ รวมถึงสถานะการเงินก็มีน้อย ซึ่งทางรัฐมนตรีก็ไม่ตอบชี้แจงในวันที่โดนอภิปราย แต่กลับมาชี้แจงอีกวันภายหลังการอภิปรายว่าบริษัทเซมโก้สามารถรับงานได้ เนื่องจากเป็นบริษัทในลักษณะบริษัทลูกของการเคหะ แต่เมื่อดูการชี้แจงพบว่ายังมีช่องว่างที่ยังมีพิรุธอีกเยอะ จึงไม่สามารถที่จะไว้วางใจให้เป็นรัฐมนตรีต่อไปได้

สำหรับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งกำกับดูแลกรมธนารักษ์ โครงการท่อส่งน้ำใน eec ที่ส่อล็อกสเปคการดำเนินกระบวนการดังกล่าว โดยอ้างทำตามข้อเสนอของบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า บริษัทที่ปรึกษา มีความใกล้ชิดกับรัฐมนตรี และพบยังมีการแก้ tor จนสุดท้ายบริษัทวงศ์สยาม ได้รับการประมูล จึงกล่าวหาว่าการดำเนินการมาตั้งแต่ต้นนั้นมีธงที่จะให้บริษัทวงศ์สยามได้รับการประมูล และในที่สุดบริษัทอีสต์วอเตอร์ได้ส่งฟ้องศาลปกครองเพื่อขอความเป็นธรรม เพราะได้รับการประมูลในตอนแรกและยกเลิกไป ดังนั้นหากปัญหา นายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบและเมื่อฟังการตอบของรัฐมนตรีแล้วไม่น่าเชื่อถือ แม้จะบอกว่ายังไม่ได้เซ็นสัญญาก็ตาม

ส่วนข้อกล่าวหาพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าปล่อยให้มีปัญหายาเสพติดขยายตัวขึ้นอย่างน่าตกใจ ซึ่งในวงวิจัยระบุว่าจะต้องจับตาตั้งแต่เด็ก 10 ขวบ และ ปี 2563 ใทยเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนในเรื่องของปัญหายาเสพติด และปี 65 มีนักโทษยาเสพติดถึง 81% และวันนี้อย่าเสพติดราคาถูก หาได้ง่าย ดังนั้นพลเอกประวิตร จะต้องรับผิดชอบ รวมทั้งพลเอกประยุทธ์ ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะพลเอกประวิตร ถือว่าเป็นผู้มีบารมี จึงอยากใช้บารมีในการสั่งปราบยาเสพติดให้หน่อย และวันนี้พวกตนไม่แน่ใจว่าทำถูกหรือผิด ที่ยอมผ่านกฎหมายยาเสพติดให้ แก้โทษให้ผู้ครอบครองยาเสพติด

ขณะที่ข้อกล่าวหาของพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประเด็นทุจริตประปาส่วนภูมิภาค จ.ปทุมธานี ที่มีบริษัทเอกชน เช่าและทำประปาสัมปทานมาหลายปี เมื่อหมดสัญญา ก็มี 2 ทาง คือ เปิดให้เอกชน หรือเจ้าเดิม มารับสัมปทาน หรือให้การประปา ทำเอง

ทั้งนี้ จากผลการศึกษา การประปาทำเองดีกว่า ไม่ต้องจ้างเอกชน จนเป็นที่มาของการเสนอเรื่องไปยังบอร์ดบริหาร และส่งมายังรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบที่ให้การประปาทำเอง ซึ่งในครั้งนี้ เอกชนขอสู้ด้วยการทำกระบวนการ เพื่อเปลี่ยนแปลงมติบอร์ด ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง ที่จะให้เอกชนทำต่อ ทำให้เชื่อได้ว่า อาจเป็นการทุจริต มีผลประโยชน์ทับซ้อนไม่น้อยกว่ากรณีท่อส่งน้ำอีอีซีของบริษัทอีสวอเตอร์ ซึ่งการที่พลเอกอนุพงษ์ ลุกขึ้นชี้แจงอย่างผิดความคาดหมาย ที่ยืนยันว่า จะไม่ยอมให้เอกชนทำนั้น ทำให้เห็นว่า การอภิปรายครั้งนี้สามารถยับยั้งบางเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นจนทำให้รัฐมนตรีคิดได้ หากไม่ทักท้วง ก็อาจจะเซ็นเอกสารให้ภาคเอกชนทำไปแล้ว ก็ต้องขอบคุณรัฐมนตรีด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยภาคเหนือ-ภาคใต้ ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 17 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 30% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับร่องมรสุมกำลังอ่อนพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย