กรุงเทพฯ 21 ก.ค.-“เจษฎ์” ชี้ยังไม่มี รมต.ชี้แจงชัดเจน คะแนนฝ่ายค้าน-รัฐบาลยังสูสี แต่สุดท้ายมติให้รัฐบาลผ่าน ระบุอภิปรายเรื่องส่วนตัวได้ แต่ต้องไม่มากเกินไป ควรจับเรื่องงานเป็นหลัก
นายเจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงภาพรวมการอภิปราย 3 วันที่ผ่านมาว่า มีทั้งเรื่องที่รัฐบาลตอบได้ดี อธิบายได้ชัดเจน สามารถนำเสนอเชิงเอกสารได้ ขณะที่คำถามของฝ่ายค้านจำนวนมาก เจาะได้ตรงเป้าและเปิดประเด็นในแง่ของการทุจริตประพฤติมิชอบ ซึ่งรัฐบาลตอบได้ไม่ชัดเจน เรื่องนี้ทำให้คะแนนของฝ่ายค้านดีกว่า แต่ดูโดยรวมในคะแนนของเนื้อหา ยังไม่มีใครกินกันลง เพราะหลายเรื่องเมื่อฝ่ายค้านแรงมา นายกรัฐมนตรีก็จะตอบโต้กลับ ก็จะกลายเป็นสูสีกัน แต่ท้ายที่สุดมองว่าจะลงมติให้รัฐบาลผ่าน เพราะพรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นตัวชี้วัด
“นอกจากบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล เขาจะอยากเปลี่ยนตอนนี้หรือ นอกเสียจากมีกรณีเดียว แต่ก็ต้องคิดหนัก คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล อยากเป็นนายกรัฐมนตรี และจะได้เสียงสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าต้องเอาเสียงพรรคภูมิใจไทยไปล้ม และถ้าสุดท้ายต้องกลับมาทำงานร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ จะมองหน้ากันได้หรือไม่ และถ้าทำวิธีนี้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะได้อะไร อาจจะได้ความสะใจร่วมด้วย แต่ก็ไม่ได้มาร่วมทำงาน ดังนั้น ก็คงไม่ทำเช่นนี้ เพราะพรรคภูมิใจไทยก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว และได้กระทรวงที่ต้องการสุดท้ายคะแนนการลงมติก็เป็นของฝ่ายรัฐบาลเพียงแต่รัฐมนตรีแต่ละคนจะได้ไม่เท่ากัน ส่วนเรื่องของงูเห่าจะมีมากหรือน้อยก็ไม่ทราบได้ คงไม่มีใครถึงขั้นถูกลงมติไม่ไว้วางใจ” นายเจษฎ์ กล่าว
นายเจษฎ์ กล่าวว่า ส่วนรัฐมนตรีที่ยังชี้แจงไม่ชัดเจน ก็มีหลายคน รวมถึงนายกรัฐมนตรีเองก็ยังไม่ชัดเจน โดยใช้วิธีอธิบายไปเรื่อยๆ ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีประเด็นที่ตอบใด้ชัดเจน ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ ยังมีความคลางแคลงอยู่ ส่วนนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์นั้น มองว่าเรื่องงานพอได้ แต่เรื่องส่วนตัวนั้นลำบาก ซึ่งสังคมจะมองในเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องงาน โดยรวมสรุปยังไม่มีรัฐมนตรีคนใดที่ตอบได้ชัดเจน
“ส่วนการนำเรื่องส่วนตัวมาอภิปรายมีความเหมาะสมหรือไม่ ตนมองว่าถูกทั้งสองด้าน แต่เรื่องส่วนตัวไม่ควรนำมาพูดมากจนเกินไปจนไปกลืนเรื่องงาน แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมร้ายแรง สามารถยกขึ้นมาพูดได้ แต่พูดในภาพรวมที่ทำให้เห็นว่ารัฐมนตรีไม่ควรมีเรื่องนั้นๆ แต่ไม่ควรลงลึกในรายละเอียดมากจนเกินไป เพียงแค่ชี้ให้เห็นว่ามีเรื่องนี้เท่านั้นพอ และควรโฟกัสที่เรื่องงานเป็นหลัก” นายเจษฎ์ กล่าว
นายเจษฎ์ กล่าวถึงท่าทีของพรรคเล็กว่า พรรคเล็กตั้งใจว่าจะทำให้พรรคใหญ่ได้เห็นศักยภาพ และเข้าไปมีที่ยืนในพรรคใหญ่ ซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายในการต่อรองและแสดงศักยภาพ เพราะถ้าหมดจากตรงนี้ไป ก็ไม่มีอะไรให้แสดงแล้ว แต่เชื่อว่าจะไม่สามารถล้มรัฐบาลได้.-สำนักข่าวไทย