สกลนคร 15 มิ.ย.-นายกฯ ชื่นชมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโคขุนโพนยางคำ มีความเข้มแข็ง แนะต้องพัฒนาคุณภาพ เชื่อโคขุนไทยสู้ต่างชาติได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่จ.สกลนคร ในช่วงบ่าย ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ได้ตรวจเยี่ยมการส่งเสริมปศุสัตว์เกษตรมูลค่าสูง การพัฒนาโคเนื้อ จ.สกลนคร โดยทันทีที่มาถึงนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นรถราง เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโคขุนโพนยางคำ ซึ่งนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้สวมเสื้อหมักโคลนย้อมคราม และเยี่ยมชมกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ลดต้นทุนตามนโยบายรัฐบาล พร้อมร่วมชิมเนื้อโคขุนคุณภาพโพนยางคำ และให้กำลังใจกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุน
นายกรัฐมนตรี ได้ให้อาหารวัว และพูดคุยกับวัว “ว่าอย่างไรลูก” และระบุว่าต้องให้อาหารวัวทุกตัว เพราะเดี๋ยววัวจะน้อยใจ เพราะวัวก็น้อยใจเป็น โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงวัว กล่าวว่า วันนี้ดีใจ จนเมื่อคืนนอนไม่หลับ นายกรัฐมนตรี จึงตอบกลับว่า นายกฯ ก็นอนไม่หลับเหมือนกัน
จากนั้นนายกรัฐมนตรี พบปะเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงโค โดยเกษตรกร กล่าวกับนายกรัฐมนตรี ว่า อยากให้รัฐบาลช่วยส่งเสริมการบริโภคเนื้อโคขุน อยากให้สนับสนุนโรงงานแปรรูปอาหารฮาลาลให้ได้มาตรฐานสากล พร้อมระบุว่า ทุกวันนี้เกษตรกรโคขุนมีรายได้ที่พออยู่พอกิน ลืมตาอ้าปากได้ แต่ไม่ได้ร่ำรวย
นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมกลุ่มผู้เลี้ยงโคและกลุ่ม Young Smart Farmer ที่รู้จักปรับเปลี่ยนการเลี้ยงโคให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยเฉพาะการจัดหาอาหารที่มีคุณภาพราคาถูกกว่าท้องตลาด ถือเป็นตัวอย่างของความเข้มแข็ง อีกทั้ง อยากให้ประสานไปยังศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อให้ร่วมมือพัฒนาพันธุ์โคขุนให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น และจะทำอย่างไรที่จะเพิ่มมูลค่าอาหารได้ เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งอาหารโลกในอนาคต เชื่อว่าเนื้อโคขุนของไทยสามารถสู้กับของต่างชาติได้ เชื่อมั่นในความอดทนความพยายามของเกษตรกร ส่วนที่ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนโรงงานแปรรูปอาหารฮาลาลนั้น ต้องไปศึกษาและดูกระบวนการต่างๆ ว่าจะได้หรือไม่ ทั้งนี้ต้องสำรวจความต้องการของตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยต้องเพิ่มขีดความสามารถเกษตรกร รองรับการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โลกในอนาคต ขณะที่สินค้าการเกษตรอื่นๆ ก็ต้องพัฒนาไปด้วย ยืนยัน รัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้ความช่วยเหลือ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกร และขอให้รักษาความสัมพันธ์ของครอบครัวอย่าให้ใครมาแตกแยก .-สำนักข่าวไทย