เตือนนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่น จะคุ้มค่าหรือไม่


ทำเนียบฯ 11 เม.ย.-นายกฯ ระบุนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ของเพื่อไทย เป็นการหาเสียงของแต่ละพรรค เตือนจะคุ้มค่าหรือไม่ ขอประชาชนช่วยกันคิด ขณะที่ ธปท.-คลัง ห่วงเสถียรภาพการเงินการคลัง


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ของพรรคเพื่อไทย ในฐานะนายกรัฐมนตรี มองว่าเป็นไปได้หรือไม่ ว่า วันนี้ได้ให้หน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจการเงินการคลังมาชี้แจง ซึ่งตนไม่อยากจะไปอะไรกับใคร เพราะเป็นการหาเสียงของแต่ละพรรค ซึ่งวันนี้ได้พูดคุยถึงการรักษาเสถียรภาพการเงินการคลังของประเทศ การใช้จ่ายเงินในช่วงที่ผ่านมาของเราว่าใช้จ่ายกันอย่างไร ซึ่งต้องใช้จ่ายพุ่งเป้าไปยังผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ ทำให้เกิดการยกระดับรายได้ในการประกอบอาชีพ ไม่ใช่ให้เงินเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะเห็นได้ว่า ในส่วนของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่รัฐบาลได้ดำเนินการมาแล้ว ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนไปได้มากพอสมควร แต่ก็ต้องดูเม็ดเงินด้วยว่าจะทำอะไรได้อีก ดังนั้น งบประมาณต่างๆ ในปี 2567 ที่ได้ตั้งมาแล้ว การแก้ไขอะไรต่างๆ ก็ต้องไปแก้ไขในสภา ในรัฐบาลหน้า เพราะเป็นระเบียบของงบประมาณที่ต้องทำไว้ก่อนแล้ว ต้องทำสิ่งต่างๆ ที่จะต้องทำต่อในเรื่องของการลงทุน ซึ่งก็มีกฎหมายชัดเจนว่า แต่ละหน่วยงานจะต้องใช้กี่เปอร์เซ็นต์ และมีเงินเหลือเท่าไหร่ และมีงบประมาณในการใช้หนี้ ในการเติมเงินคงคลังที่ได้สำรองจ่ายไปในช่วงโควิด เพราะจะต้องมองในบริบทใหญ่ ดังนั้น วันนี้มองในภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะร่ำรวยได้หมด แต่ทำให้สถานะทางการเงินแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สิ่งที่เห็นได้คือเรื่องการท่องเที่ยวที่มีคนเข้ามาหลายสิบล้านคน แล้วจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมากในช่วงโลว์ซีซั่น ถือเป็นการจัดหารายได้เพิ่มเติม ซึ่งจะต้องเตรียมความพร้อมในการรองรับการท่องเที่ยว ตลอดจนด้านการลงทุนใหม่ ซึ่งช่วงต้นปีที่ผ่านมามีการลงทุนเพิ่มถึง 40% เป็นจำนวนหลายแสนล้านบาท และมีการลงทุนจากภายนอกประเทศมาอีกในเรื่องอุตสาหกรรมใหม่ๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีให้มากยิ่งขึ้น วันนี้ได้เดินหน้าไปแล้ว ซึ่งจะเป็นรายได้ที่นำมาตอบสนองความต้องการของประชาชนที่หลายคนต้องการและอยากจะได้มากขึ้น ถ้าหาเงินไม่ได้ก็จะลำบาก

“เพราะฉะนั้น การจะทำอะไรใหม่ๆ ก็ตาม ต้องคำนึงว่าเรามีทรัพยากรอยู่เท่าไหร่ ดูแลใครได้บ้างและมากน้อยแค่ไหน ถ้าการทำอะไรต่างๆ มากเกินไป สิ่งที่ทำอยู่แล้วเดิมก็จะสูญเสียไปทั้งหมด อะไรที่เคยได้ก็จะไม่ได้ เพราะไปทำเรื่องใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะคุ้มค่าหรือไม่ กับการที่ต้องสูญเสียไป ซึ่งตนก็ไม่รู้เหมือนกัน เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องช่วยกันคิด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


ส่วนทางธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง มีข้อเสนอแนะห่วงใยอย่างไรบ้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ขอให้ระมัดระวังในเรื่องความมีเสถียรภาพทางการเงินการคลังของประเทศ ซึ่งวันนี้เราถือเป็นประเทศลำดับต้นๆ ในการรักษามาตรฐานตรงนี้ไว้ได้ ในองค์กรทางด้านการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งได้รับความชื่นชมว่าบริหารจัดการได้ดี การเงินมีเสถียรภาพ หลายอย่างดีขึ้น เพียงแต่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจของประชาชนโดยรวม ซึ่งต้องเห็นใจรัฐบาลด้วย ถ้ามีก็จะดูแลให้หมด ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลา ซึ่งต้องระมัดระวังที่สุดในเรื่องของการใช้จ่ายเงิน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

อัญเชิญเรือพระที่นั่งกลับพิพิธภัณฑ์

หลังสร้างความตราตรึงให้กับชาวไทยและคนทั้งโลก กับความงดงามของขบวนพยุหยาตราทางชลมารค กองทัพเรือ และกรมศิลปากร เริ่มอัญเชิญเรือพระที่นั่ง และเรือพระราชพิธี กลับเข้าสู่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องใช้ความละเอียด รอบคอบ เพราะเรือทุกลำถือเป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดิน

ย้อนรอยเส้นทางชีวิต “บิ๊กโจ๊ก”

เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้วที่เส้นทางตำรวจของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ต้องยุติลง หลังถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน กรณีพัวพันเว็บพนันออนไลน์ จากนี้ชะตาชีวิต “บิ๊กโจ๊ก” ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช. ว่าจะได้กลับมาสวมชุดตำรวจอีกหรือไม่

“ปานเทพ” เปิดหลักฐานสัญญาชัด 71 ล้านเป็นชื่อ “มาดามอ้อย”

“อ.ปานเทพ” เปิดหลักฐานหนังสือสัญญาบอกชัด 71 ล้านบาท เป็นชื่อ “มาดามอ้อย” เปิด 3 รายชื่อให้เร่งตรวจสอบ หวั่นโยกย้ายทรัพย์สิน