‘อนุชา-ผอ.พศ.’กำชับคณะปกครองเข้มงวดพระ รับสอบอดีตพระกาโตะล่าช้า

ทำเนียบรัฐบาล 9 พ.ค.- ‘อนุชา-ผอ.พศ.’ตั้งโต๊ะแถลง ยันไม่นิ่งนอนใจ ข่าวฉาววงการสงฆ์ กำชับคณะปกครองเข้มงวดกวดขันพระภิกษุ ยันไม่ช่วยเหลือทางคดี ‘อดีตพระกาโตะ’ แจงพศ.ไม่เกี่ยวจัดการสัทธิแปลกๆ ด้าน ‘ผอ.พศ.’รับสอบ ‘อดีตพระกาโตะ’ ล่าช้าไปบ้าง เหตุต้องรอบคอบ


นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พร้อมด้วยนายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ร่วมกันแถลงข่าวกรณีมีข่าวเกี่ยวกับพระสงฆ์ที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมและสร้างความเสื่อมเสียหลายกรณีในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา โดยอนุชา กล่าวย้ำว่า มหาเถรสมาคม (มส.) และพศ.ไม่ได้นิ่งนอนใจกลับประเด็นที่เกิดขึ้นในสังคมและและได้นำเรื่องนี้ร่วมหารือในที่ประชุมมส.และมติมส.ที่ 391/2565 เรื่องพระภิกษุมีจริยวัตรไม่เหมาะสมประพฤติตนไม่เอื้อต่อพระธรรมวินัย โดยพศ.เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากความไม่เข้มงวดกวดขันและตรวจตราพระภิกษุในปกครองอย่างเคร่งครัดของเจ้าคณะปกครองแต่ละระดับ โดยเฉพาะเจ้าคณะปกครองใกล้ชิดการที่จะทำให้ปัญหาต่างๆ นี้ยุติลงหรือป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้ เจ้าคณะปกครองทุกระดับต้องให้ความสำคัญและเข้มงวดกวดขันในการตรวจตราพระภิกษุในบังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด

นายอนุชา กล่าวต่อว่า พร้อมกันนี้ที่ประชุมมส.มีมติแจ้งให้เจ้าคณะผู้ปกครองทุกระดับทุกระดับปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด คือ 1.กำชับให้พระอุปประชาปฏิบัติตามกฎมส.ต้องเข้มงวดในการคัดกรองบุคคลที่จะเข้ามาบรรพชาอุปสมบทอย่างเคร่งครัด 2. กำชับให้เจ้าอาวาส ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด ควบคุมบังคับบัญชา พระภิกษุสามเณรในปกครองประพฤติตาม พระธรรมวินัย กฎหมาย กฎ มส.ข้อบังคับ ระเบียบคำสั่งประกาศและมติของมส.อย่างเคร่งครัด และ3.กำชับให้เจ้าคณะปกครองในแต่ละระดับตรวจตรา พระภิกษุ ผู้ปกครองในแต่ละระดับประพฤติให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากพบเห็นหรือทราบข่าวเกี่ยวกับพฤติการณ์พระภิกษุในปกครองที่ไม่เหมาะสมให้ดำเนินการแก้ปัญหาให้ยุติโดยเร็ว ขณะเดียวกันมส.ได้มีมติมอบหมายให้ประธานฝ่ายปกครอง คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ตั้งคณะกรรมการเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ และโทษกับพระที่ปฏิบัติไม่เหมาะสม และเจ้าคณะผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยให้มีการประพฤติที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาบทลงโทษ


นายอนุชา กล่าวอีกว่า ตนประชุมสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) เพื่อดูแลสอดส่องร่วมกับพระผู้ปกครองในการเข้มงวดกวดขัน และเป็นหูเป็นตา ซึ่งตนเคยประชุมร่วมกับพศจ.ทุกจังหวัดแล้ว และเคยกำชับไปแล้ว ทั้งนี้ ทางสำนักงานพระพุทธศาสนา(พศ.) บางครั้งไม่สามารถตัดสินหรือก้าวก่ายได้ ก็คงจะต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของพระ และส่วนตัวเป็นฆราวาสไม่สามารถไปชี้ว่าอันไหนถูกอันไหนผิดอันไหนเหมาะสม ถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร คงต้องให้มหาเถรสมาคม (มส.) ทราบปัญหาและแก้ไขเราเพียงแค่มีส่วนช่วย และสนับสนุนการทำงานของพระผู้ปกครองและมหาเถรสมาคม เพื่อให้การปกครองของพระภิกษุ เป็นไปด้วยความราบรื่น และถูกต้อง จะจากข้อท้วงติ่งแล้วก็ขัดแย้งทางสังคมที่อาจจะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดังนั้นเราต้องช่วยพระและมหาเถรสมาคมช่วยสอดส่องดูแลและรายงานเรื่องต่างๆให้ทันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม

เมื่อถามว่าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดและกิจกรรมต่างๆมีการดำเนินการอย่างไร นายสิปป์บวร กล่าวว่า การจัดทำบัญชีของวัดปัจจุบันได้มีการจัดทำบัญชีพื้นฐานรับและจ่าย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการประสานความร่วมมือกับเจ้าคณะผู้ปกครองให้รายงานสถานะทางการเงินของวัดมายังพศ.

เมื่อถามถึงกรณีอดีตพระกาโตะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นมีความคืบหน้าอย่างไร นายอนุชา กล่าวว่า ในส่วนนี้การสอบสวนมีหลายขั้นตอน ทางพระผู้ปกครองและฝ่ายบ้านเมืองได้ทำการสอบอย่างจริงจังเข้มงวด ยืนยันว่าไม่มีการช่วยเหลือกันอย่างแน่นอน ยืนยันว่าทางองค์กรสงฆ์ได้ทำหน้าที่ของพระฝ่ายปกครองอย่างเต็มที่แม้กระทั่งการกำหนดขั้นตอนในส่วนของการปาราชิกให้มีผลย้อนหลังไปก่อนที่อดีตพระกาโตะจะสึก ซึ่งจะขาดตั้งแต่ที่ได้กระทำความผิดพระวินัย ทั้งนี้ ผลสอบอย่างเป็นทางการไม่ได้มีการขีดเส้นตาย เพราะมีรายละเอียดเรื่องของบัญชีต่างๆ คงต้องรอรายละเอียดที่ชัดเจนไม่ให้เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของสังคม


นายอนุชา กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องลัทธิแปลกๆ ทางพศ.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของลัทธิ ลัทธิเป็นเรื่องของความเชื่อ ซึ่งเป็นเรื่องของคนที่ปฏิบัติการสร้างความเชื่อของลัทธิต่างๆ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องของฝ่ายปกครองที่ตรวจสอบ ถ้าลัทธิที่ทำคุณงามความดี สามารถทำเป็นสมาคมที่จะสร้างประโยชน์ให้กับสังคม แต่ถ้าสร้างลัทธิขึ้นมาแล้วทำความเดือดร้อนให้สังคมเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครองและกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมจะต้องเข้าไปตรวจสอบ

ด้าน นายสิปป์บวร กล่าวถึงการตรวจสอบอดีตพระกาโตะ ว่า ได้มีการสอบอย่างละเอียด แต่ต้องทำอย่างรอบคอบ อาจจะช้าไปบ้าง ส่วนเรื่องการปาราชิกจะเกิดขึ้นตั้งแต่มีการเสพเมถุนตั้งแต่บนสันเขื่อน ซึ่งจะทำให้อดีตพระกาโตะไม่สามารถกลับมาบวชได้ตลอดชีวิต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]