รัฐสภา 28 เม.ย.-“สมชัย” เตรียมยื่นเอาผิด 1 กกต. หลบประชุมลงมติใบส้ม “สุรพล” อดีต ส.ส.เชียงใหม่ ชี้ อาจเข้าข่ายความผิดมาตรฐานจริยธรรม
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการยื่นหนังสือถึงกกต. เพื่อขอให้ชี้แจง 2 เรื่อง คือ กรณีที่กกต.ให้ใบส้ม นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย จากคำพิพากษาของศาล กกต.มีมติเอกฉันท์ 6 ต่อ 0 แต่ กกต.มีทั้งหมด 7 คน แสดงว่ามี 1 คนที่ไม่ร่วมประชุมครั้งนั้น โดยในรายงานการประชุม พบว่า การประชุมในวันที่ 27 เมษายน 2562 มีกกต.เข้าประชุมครบทุกคน แต่เมื่อถึงวาระที่ 5.1 เป็นต้นไป จนถึงวาระที่ 5.4 เป็นการพิจารณาให้ใบส้ม มี กกต.1 คน ได้เดินออกจากที่ประชุม โดยให้เหตุผลว่า ติดภารกิจ ซึ่งกรณีนี้ ถือว่าสำคัญมาก เพราะเมื่อจะต้องตัดสินคดีที่สำคัญ จำเป็นต้องมี กกต.อยู่ในที่ประชุม และถ้าหากไม่อยู่ในที่ประชุมโดยไม่มีเหตุผลสมควร ก็ถือว่าเป็นความผิดทางมาตรฐานจริยธรรม
“อยากให้ถามกับรอยืนยันว่าในวันนั้น มี กกต.เดินออกจากห้องประชุมหรือไม่และเป็นใคร และเหตุผลในการเดินออกจากห้องประชุมคืออะไร กกต.ได้มีการพิจารณาแล้วหรือไม่ว่าสมควร ซึ่งคำตอบนี้จะเป็นเหตุผลในการที่จะยื่นต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ด้วยหรือไม่ และในความผิดมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ ถ้าคำตอบมาเห็นสมควร เรื่องนี้ก็จบไป แต่ถ้าคำตอบไม่สมควร ก็จะยื่นป.ป.ช.ต่อไป” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย ยังกล่าวถึงการยื่นกกต. เพื่อให้ตรวจสอบกรณีคลิปเสียงของนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กับนางจุรีพร สินธุไพร ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่า เนื่องจากเนื้อหาช่วงต้นคลิป เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งปี 62 มีการยืมเงิน 15 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งไปถึง 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นการพูดในเชิงสนับสนุนร่วมกับนางจุรีพรว่าใช่ เพราะเดินหาเสียงด้วยกัน ดังนั้น จึงอยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้งสอบสวนและไต่สวนประเด็นดังกล่าว เพื่อเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทำการสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
“คำพูดในคลิปมีการเข้าข่ายความผิด 3 กรณี ซึ่งกกต.จะต้องตรวจสอบ คือ 1.ใช้จ่ายเงินเกินกรอบที่กำหนดหรือไม่ ซึ่งตามกฎหมายกำหนดให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งใช้จ่ายเงินได้ไม่เกิน1.5 ล้านบาทเท่านั้น 2.เรื่องการรายงานค่าใช้จ่ายเป็นเท็จหรือไม่ เพราะมีการรายงานค่าใช้จ่ายมาเพียง 800,000 กว่าบาท 3.แนวโน้มในการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพื่อซื้อเสียงหรือไม่ เพราะถ้าหากใช้เงิน 100 ล้านจริง คงไม่ใช้เพื่อหาเสียง แต่จ้างวานประชาชนมาใช้สิทธิเลือกตั้งออกเสียงให้ตนเอง” นายสมชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย