postcards of Pope Francis

เปิดหนังสืออัตชีวประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย. – สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรกที่เขียนอัตชีวประวัติขณะยังทรงดำรงตำแหน่ง เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 เว็บไซต์ข่าววาติกันนิวส์ (Vatican News) ซึ่งเป็นเว็บท่าข่าวอย่างเป็นทางการของสันตะสำนักรายงานว่า หนังสืออัตชีวประวัติของพระองค์ชื่อ โฮป (Hope) ได้วางจำหน่ายใน 80 ประเทศทั่วโลกในวันดังกล่าว เนื้อหาทั้งหมดเขียนโดยพระองค์เอง ภายในหนังสือมีภาพถ่ายและวัสดุที่ไม่เคยเผยแพร่มาก่อนที่ทรงมอบให้เป็นการส่วนพระองค์ และใช้เวลาในการเขียน 6 ปี อัตชีวประวัติที่สมบูรณ์เล่มนี้เริ่มต้นจากปีแรกๆ ของศตวรรษที่ยี่สิบ โดยเล่าถึงรากเหง้าของพระองค์ในอิตาลีและการที่บรรพบุรุษของพระองค์อพยพอย่างกล้าหาญไปยังลาตินอเมริกา จากนั้นเล่าถึงวัยเด็ก ความหลงใหลและความกังวลในวัยรุ่น การอุทิศตัว ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ และตลอดระยะเวลาการเป็นพระสันตะปาปาของพระองค์จนถึงปัจจุบัน ในการบอกเล่าความทรงจำของพระสันตะปาปา พระองค์ทรงเล่าถึงช่วงเวลาสำคัญในสมัยการเป็นพระสันตะปาปาและประเด็นสำคัญและขัดแย้งในยุคปัจจุบัน เช่น สงครามที่ทำลายล้างโลก อนาคตของคริสตจักรและศาสนา นโยบายสังคม การอพยพ วิกฤตสิ่งแวดล้อม ผู้หญิง การพัฒนาเทคโนโลยี และเรื่องเพศ สำนักพิมพ์แรนดอมเฮาส์ (Random House) ผู้จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้สำหรับจำหน่ายในสหรัฐระบุว่า เป็นบันทึกชีวิตที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยมนุษยธรรม […]

Michigan book lovers form human chain to move entire bookstore

ทำโซ่มนุษย์ช่วยย้ายร้านหนังสือโดยไม่ต้องใช้รถขน

เชลซี 19 เม.ย. – กลุ่มคนรักหนังสือในสหรัฐร่วมใจกันทำโซ่มนุษย์ ช่วยย้ายหนังสือทั้งหมดออกจากร้านหนังสือแห่งหนึ่งจากสถานที่เดิมไปยังสถานที่ใหม่ โดยใช้ในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง และไม่ต้องใช้รถขนหนังสือ ภาพความสามัคคีดังกล่าวเกิดขึ้นที่เมืองเชลซีในรัฐมิชิแกนของสหรัฐเมื่อวันที่ 13 เมษายนตามเวลาท้องถิ่น เมื่อคนรักหนังสือราว 300 คน มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มายืนเรียงกันบนทางเท้าเป็นแถวยาวต่อเนื่อง ช่วยกันรับส่งหนังสือทั้งหมดออกจากร้านหนังสือเซเรนดิพิตี บุ๊กส์ (Serendipity Books) ที่เจ้าของกำลังย้ายร้านไปอยู่ในทำเลใหม่ โดยขอแรงอาสาสมัครมาช่วยย้าย อาสาสมัครเหล่านี้ช่วยกันย้ายหนังสือกว่า 9,100 เล่มจากร้านเก่าสู่ร้านใหม่ โดยรับส่งกันเป็นทอด ๆ หนังสือทั้งหมดขึ้นไปอยู่บนชั้นวางในร้านใหม่เป็นที่เรียบร้อยภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง คลิปความน่ารักนี้กลายเป็นไวรัลในสื่อโซเชียล เฉพาะในติ๊กต็อกมียอดวิวมากกว่า 1.6 ล้านวิวในเวลา 2 วัน.-816(814).-สำนักข่าวไทย

ปิดฉาก! งานสัปดาห์หนังสือฯ นักอ่านแห่ร่วมงานทะลุ 1.3 ล้านคน

ปิดฉาก! งานสัปดาห์หนังสือครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 เผยนักอ่านแห่เข้าร่วมงานทะลุ 1.3 ล้านคน สูงกว่าเป้า ท่ามกลางปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งแผ่นดินไหว วิกฤตเศรษฐกิจ “Gen Z” ครองแชมป์นักอ่านที่เข้าร่วมงานมากสุด สร้างสีสัน ปลุกบรรยากาศคึกคัก มั่นใจกระแสตอบรับจากพันธมิตรต่างชาติ หนุนไทยขึ้น “ฮับอาเซียน” ในปี 2569

รัสเซียเปิดตัวหนังสือเรียนสงครามยูเครน

รัสเซียเปิดตัวหนังสือเรียนเล่มใหม่ เปรียบเทียบสงครามของรัสเซียในยูเครน กับการต่อสู้ของสหภาพโซเวียตกับกองทัพนาซี และระบุว่า รัสเซียถูกบังคับให้ต้องส่งทหารเข้าไปปฏิบัติการในยูเครน

ปลัด มท. ส่งหนังสือด่วนถึงผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เข้มใช้อาวุธปืน

“ปลัดมหาดไทย” ลงนามหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เข้มการใช้อาวุธปืนตามนโยบายรัฐบาล งดออกใบอนุญาต ขึ้นทะเบียนแบลงค์กันหรืออาวุธเทียม กวดขันสมาคมยิงปืน ไม่ให้มีอาวุธปืนติดตัว

นวนิยายเล่มแรกในรอบ 6 ปีของ “มูราคามิ” วางจำหน่ายแล้ว

นวนิยายผลงานล่าสุดของฮารุกิ มูราคามิ นักประพันธ์ วัย 74 ปี ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของญี่ปุ่น ออกวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วประเทศแล้วในวันนี้หลังจากห่างหายไปนานถึง 6 ปี

หนังสือเยียวยาแผลใจเด็กยูเครนหนีสงคราม

ลอนดอน 21 ก.พ.- อาสาสมัครชาวอังกฤษเชื้อสายยูเครนร่วมกับหลายคนจัดทำหนังสือขึ้นเพื่อเยียวยาบาดแผลทางจิตใจให้แก่เด็กชาวยูเครนที่ต้องอพยพจากบ้านเกิด ซึ่งตกอยู่ในภาวะสงครามมาตั้งแต่ 1 ปีก่อน อันนา เชฟเชนโก นักเขียนวัย 58 ปี เดินทางไปโรมาเนียหลังจากรัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนได้ไม่กี่วัน เพื่อเป็นอาสาสมัครช่วยดูแลแม่และเด็กชาวยูเครนที่หนีสงคราม สิ่งหนึ่งที่เธอสังเกตเห็นคือ เด็ก ๆ ทุกคนมีเป้หลังเป็นของล้ำค่าประจำตัว เพราะเป็นสิ่งที่พวกเขานำติดตัวมาจากบ้านเกิด ดังนั้นเมื่อเดินทางกลับถึงอังกฤษ เธอจึงคิดจะนำเป้หลังมาใช้ในโครงการเยียวยาแผลใจให้แก่เด็กชาวยูเครน โดยได้ประสานงานกับชาวยูเครนในต่างประเทศที่เต็มใจช่วยเหลือ และขอให้ไดแอน เรดมอนด์ นักเขียนหนังสือสำหรับเด็กชื่อดังชาวอังกฤษแต่งเรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจจากแนวคิดที่ว่า ความทรงจำของเด็กชาวยูเครนลี้ภัยทุกคนถูกบรรจุไว้ในเป้หลังหนึ่งใบ จากนั้นให้ลิเลีย มาร์ตินยุก นักวาดภาพประกอบชาวยูเครน วาดภาพที่มีชีวิตชีวาและทรงพลังจากชั้นใต้ดินในเมืองซาปอริชเชียในยูเครนที่เป็นเมืองหน้าด่านสงคราม หนังสือชื่อ “เป้หลัง (Rucksack)” ถูกนำไปแจกจ่ายตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 ให้แก่โรงเรียนในอังกฤษที่เป็นศูนย์กลางการดูแลเด็กยูเครนลี้ภัยและกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเปิดทางให้เด็กและผู้เป็นห่วงเด็กสามารถพูดคุยกันเกี่ยวกับสงคราม จากเดิมที่คิดว่าไม่ควรพูดถึงเพราะเกรงจะกระทบกระเทือนจิตใจเด็ก นอกจากนี้ยังช่วยให้เด็กชาวอังกฤษเข้าอกเข้าใจเพื่อนชาวยูเครนในวัยเดียวกันมากขึ้นด้วย.-สำนักข่าวไทย

“ฮารูกิ มูราคามิ” จะออกนิยายเล่มใหม่ในรอบ 6 ปี

โตเกียว 1 ก.พ. – ฮารูกิ มูราคามิ นักเขียนชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงระดับโลก จะออกนวนิยายเล่มใหม่ในรอบ 6 ปีที่มีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนเมษายนนี้ สำนักพิมพ์ชินโชชาของญี่ปุ่นระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า มูราคามิ วัย 74 ปี จะออกนวนิยายเล่มใหม่ในรอบ 6 ปี ซึ่งมีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 13 เมษายนนี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อหนังสือหรือรายละเอียดเกี่ยวกับโครงเรื่องได้ นวนิยายเล่มใหม่จะตีพิมพ์เป็นภาษาญี่ปุ่นก่อน และจะได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศในภายหลัง แต่ยังยืนยันไม่ได้ว่านวนิยายฉบับแปลนั้นจะวางจำหน่ายเมื่อใด ทั้งยังไม่ทราบว่านวนิยายเล่มนี้จะมีกี่หน้าเมื่อได้รับการตีพิมพ์ แต่ต้นฉบับที่เขียนด้วยลายมือเป็นภาษาญี่ปุ่นของมูราคามินั้นมีความยาว 1,200 หน้า ทั้งนี้ มูราคามิได้ตีพิมพ์นวนิยายเล่มล่าสุดชื่อ ‘คิลลิง คอมเมนดาทอร์’ (Killing Commendatore) หรือมีชื่อไทยว่า ‘สังหารจอมทัพอัศวิน’ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 มูราคามิเป็นนักเขียนและนักแปลที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกในด้านสไตล์การเขียนเป็นของตัวเองและไม่เหมือนใคร ผลงานของเขามีส่วนผสมที่ลงตัวในด้านความเหนือจริงที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมประชานิยม หรือป๊อบ คัลเจอร์ (pop culture) จนทำให้ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศมากถึง 50 ภาษา เมื่อครั้งที่มูราคามิวางจำหน่ายนวนิยายเรื่อง ‘สังหารจอมทัพอัศวิน’ ในปี 2560 ก็สร้างปรากฏการณ์ให้ร้านหนังสือใหญ่หลายแห่งในกรุงโตเกียวต้องเปิดร้านไปจนถึงหลังเที่ยงคืนเพื่อให้แฟนหนังสือตัวยงมีโอกาสซื้อหนังสือของมูราคามิได้อย่างรวดเร็วขึ้น.-สำนักข่าวไทย

“บอริส จอห์นสัน” เตรียมเขียนหนังสือบันทึกความทรงจำ

นายบอริส จอห์นสัน อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่มีแผนการจะเขียนประวัติของวิลเลียม เชกสเปียร์ กวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษ คงจะพักแผนการเอาไว้ก่อนหลังจากบรรลุข้อตกลงกับสำนักพิมพ์อังกฤษในการเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเขาเองเพื่อตีพิมพ์จำหน่าย

หนังสือ “สแปร์” ของเจ้าชายแฮร์รี่ขายได้ 1.4 ล้านเล่มในวันแรก

หนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รี่เรื่อง “สแปร์” (Spare) ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ตัวสำรอง” ทำยอดขายเป็นสถิติ 1.4 ล้านเล่มภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ในขณะที่สมาชิกพระราชวงศ์อังกฤษยังไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ

หนังสือ “สแปร์” ของเจ้าชายแฮรี่ วางจำหน่ายแล้ววันนี้

หนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รีเรื่อง “สแปร์” (Spare) ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ตัวสำรอง” ออกวางจำหน่ายในสหราชอาณาจักรแล้วในวันนี้

“แฮร์รี” อาจถูกสหรัฐให้ออกนอกประเทศหลังยอมรับเคยเสพยา

ลอนดอน 8 ม.ค.- ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซ็กซ์ของอังกฤษอาจถูกสหรัฐให้ออกนอกประเทศ และทำให้วีซ่าเข้าเมืองตกอยู่ในความเสี่ยง หลังจากยอมรับในหนังสือที่จะวางแผงในเร็ว ๆ นี้ว่า เคยเสพยาเสพติด เจ้าชายแฮร์รี พระชันษา 38 ปี ทรงยอมรับในหนังสือชื่อสแปร์ (Spare) ที่จะวางจำหน่ายในวันที่ 10 มกราคมนี้ว่า เริ่มเสพโคเคนครั้งแรกเมื่อพระชันษา 17 ปี จากนั้นเสพอีกหลายครั้ง นอกจากนี้ยังรับประทานเห็ดเมาในงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยคนดังที่รัฐแคลิฟอร์เนีย และสูบกัญชาหลังจากมีนัดครั้งแรกกับเมแกนที่กรุงลอนดอนในปี 2559 หนังสือพิมพ์ซันเดย์ไทมส์ในอังกฤษรายงานว่า แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐเผยว่าการให้วีซ่าเข้าประเทศจะพิจารณาเป็นราย ๆ ไป แต่ระเบียบของสหรัฐกำหนดไว้ว่า ผู้ที่ปัจจุบันหรือในอดีตมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรืออาชญากรรมอาจทำให้ขาดคุณสมบัติในการยื่นขอวีซ่า หนังสือพิมพ์เดลีเมลในอังกฤษรายงานว่า ยังไม่ชัดเจนว่าเจ้าชายแฮร์รีที่ย้ายไปพำนักในรัฐแคลิฟอร์เนียพร้อมเมแกน พระชายาในปี 2563 ได้แจ้งเรื่องใช้สารเสพติดในการยื่นขอวีซ่าหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากพระองค์โกหก ก็อาจถูกเพิกถอนวีซ่าได้ ผู้เชี่ยวชาญคาดเดาว่า พระองค์อาจถือวีซ่าคู่สมรสเนื่องจากเมแกนเป็นชาวอเมริกัน หรือถือวีซ่าโอ-วัน (O-1) สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษที่สหรัฐมักให้แก่ผู้มีชื่อเสียงและนักกีฬา ซึ่งจะต้องต่ออายุทุก 3 ปี.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 5
...