ศบค.ปรับมาตรการผ่อนคลายมากขึ้น

ทำเนียบรัฐบาล 20 ม.ค.-ศบค.ผ่อนคลายมาตรการ ปรับสีพื้นที่ ขยายเวลาดื่มสุราจาก 3 ทุ่มเป็น 5 ทุ่ม ให้กลับมาลงทะเบียน Test & Go 1 ก.พ.นี้ ปรับความพร้อมการให้บริการข้อมูลแก่ปชช.


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานผู้ติดเชื้อระรอกที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 1 – 20 มกราคม 2565 โดยเป็นผู้ติดรายใหม่วันนี้ 8,129 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 129,627 ราย หายป่วยเพิ่ม 6,978 ราย รวมหายป่วยสะสม 79,847 ราย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 82,734 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 533 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 118 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 19 คน รวมเสียชีวิตสะสม 289 คน ผู้ติดเชื้อในประเทศ 7,861 ราย แบ่งเป็น ผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและบริการ 7,776 ราย จากการคัดกรองเชื้อโรคในชุมชน 85 ราย ในเรือนจำ 54 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 214 ราย//ส่วนผู้เสียชีวิต 19 คน เป็นชาย 10 คน หญิง 9 คน เป็นคนไทย 18 คน เบลเยี่ยม 1 คน อายุระหว่าง 16 ถึง 96 ปี เป็นผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี ร้อยละ 58 เป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ร้อยละ 32 

“ที่ประชุมศบค.เห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 2 เดือน เป็นครั้งที่ 16 เพื่อป้องกันและควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม 2565// และให้ปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ จึงเป็นการปรับพื้นที่ควบคุม(สีส้ม) เหลือ 44 จังหวัด จาก 69 จังหวัด เป็นพื้นที่เฝ้าระวังสูง(สีเหลือง) 25 จังหวัด และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว(สีฟ้า) 8 จังหวัด รวมกับจังหวัดที่ดำเนินการบางพื้นที่อีก 18 จังหวัด” โฆษกศบค. กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับการปรับเปลี่ยน พื้นที่สีเหลือง สามารถรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมไม่เกิน 1,000 คน พื้นที่สีส้มไม่เกิน 500 คน การใช้อาคารสถานที่สามารถทำได้ทั้ง 2 พื้นที่(สีเหลือง สีส้ม) ส่วนโรงเรียน สถาบันการศึกษาที่ยังไม่สามารถเปิดได้กว่า 10,000 โรงเรียน เนื่องจากมีนักเรียนมากกว่า 1,000 คน ทำให้มีข้อจำกัดเรื่องการเว้นระยะห่างของนักเรียนในชั้นเรียน ซึ่งผอ.ศบค.เห็นความสำคัญและต้องการให้นักเรียนกลับมาเรียนได้เหมือนเดิม จึงสั่งการให้ผอ.ศปก.ศบค.หารือกับกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข เพื่อผ่อนคลายให้นักเรียนกลับมาเรียนได้ต่อไป

“พื้นที่สีเหลือง ดื่มสุราในร้านได้ไม่เกิน 23.00 น. จำกัดประเภทร้านอาหารที่บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยต้องเป็นร้านที่ผ่านมาตรฐาน Sha plus หรือ thai stop covid 2 plus และตามมาตรการ covid free setting เท่านั้น หากไม่สามารถทำได้จะถูกสั่งปิดทันที โรงแรม แสดงสินค้า พื้นที่สีส้มจะได้ไม่เกิน 1,000 คน สีเหลืองจัดได้ตามความเหมาะสม” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนมาตรการ work from home ที่ประชุมไม่ขยายระยะเวลา โดยให้เป็นไปตามความเหมาะสมและการพิจารณาของหน่วยงาน สำหรับสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะที่ต้องการปรับเป็นร้านอาหาร ให้ผู้ประกอบการปรับมาตรการตามที่กำหนดและสามารถขออนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเมื่อมีความพร้อมโดยไม่กำหนดระยะเวลา


“ที่ประชุมพูดถึงกรณีผู้สัมผัสใกล้ชิดหรือเสี่ยงสูงเพื่อให้เข้าใจตรงกัน ซึ่งสรุปว่าผู้สัมผัสใกล้ชิด ผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยและสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อที่เค้าขายยืนยันคือในวันที่เดิมป่วยหรือมีอาการสองถึงสามวันหรืออยู่ใกล้หรือพูดคุยกับผู้ติดเชื้อในระยะ 2 เมตรนานกว่า 5 นาทีหรือถูกไอจามรถจากผู้ป่วยหรืออยู่ในสถานที่ปิดร่วมกันนานกว่า 30 นาที” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ที่ประชุมรับทราบสถิติและประมาณการผู้เดินทางกลุ่ม test & go และ sandbox โดยให้เริ่มลงทะเบียน test & go ใหม่ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 อนุญาตให้เข้ามาได้ทุกประเทศ โดยจะต้องจองโรงแรมสำหรับวันที่หนึ่งและวันที่ห้าที่เดินทางมาถึง สำหรับพักรอผลการตรวจ rt pcr มีการประกันภัยวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 50000 ดอลลาร์สหรัฐ โรงแรมที่พักจะต้องได้รับมาตรฐาน Sha plus หรือ thai stop covid 2 plus ต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นหมอชนะทุกคน เพื่อใช้ในการติดตามตัว

“ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ เปิดพื้นที่ sandbox เพิ่มเติม จังหวัดชลบุรี ที่อำเภอบางละมุง อำเภอเมือง อำเภอศรีราชา อำเภอเกาะสีชัง อำเภอสัตหีบ(เฉพาะ ตำบลนาจอมเทียน ตำบลบางเสร่) จังหวัดตราด (เกาะช้าง) เปิดพื้นที่ให้เดินทางเชื่อมโยงในกลุ่มขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี(เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) ในช่วง 7 วันที่ต้องทำนักในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับแผนการบริหารจัดการวัคซีน เดือนกุมภาพันธ์ 2565 คือ การฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กอายุ 5 ถึง 11 ปี เป็นวัคซีนไฟเซอร์ผ่านระบบสถานศึกษา เริ่มจากกลุ่มที่เป็นโรคเรื้อรังก่อน ช่วงปลายเดือนนี้ / เร่งรณรงค์สร้างเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคโควิด19 ในจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว และพื้นที่ระบาด เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเปิดการเดินทาง / แผนการส่งคืนวัคซีนแลกเปลี่ยนกับสิงคโปร์และภูฏาน / และแผนการบริจาควัคซีนแก้ต่างประเทศ ทวีปแอฟริกา

“นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ช่วยกัน ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น พร้อมเน้นย้ำการทำงานของ ศบค. ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า มีแผนเผชิญเหตุ และทุกภาคส่วนจะต้องดำเนินการตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด  พร้อมกันนี้ขอให้มีการปรับปรุงการบริการให้กับประชาชนโดยเฉพาะกรณีสายด่วนต่าง ๆ และคู่สาย เช่น หากประชาชนต้องซักถามรายละเอียดต่างๆ จำนวนหลายสาย จะดำเนินการอย่างไร” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงเทศกาลตรุษจีน ช่วง 28 มกราคมถึง 3 กุมภาพันธ์ ว่านายกรัฐมนตรีฝากย้ำและจะมีนโยบายผ่านหน่วยงานต่าง ๆ เช่นสาธารณสุข จังหวัดหรือมหาดไทยเพื่อขอความร่วมมือจากประชาชนให้ผ่านเทศกาลตรุษจีนหรือปีใหม่จีนไปได้เช่นเดียวกับที่ผ่านเทศกาลปีใหม่ไทยไปแล้ว โดยขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังทุกระดับตั้งแต่การไหว้ที่บ้านหรือการออกไปข้างนอก การออกไปจับจ่ายใช้สอย ขอให้สังเกตเรื่องของความแออัดรวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวด้วย.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย