ยื่นร่าง กม.ลูกเลือกตั้ง ส.ส.-พรรคการเมือง

รัฐสภา 16 ธ.ค.-เพื่อไทย เสนอร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.-พรรคการเมือง ให้ปรับระบบแบ่งเขต การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกระบวนการไพรมารีโหวต คาดเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ม.ค.นี้

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรค ยื่นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง  ฉบับของพรรคเพื่อไทย ถึงประธานรัฐสภา หลังมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ที่มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วน ส.ส. ทำให้เขตเลือกตั้งเพิ่มขึ้น รวมถึงระบบบัตรเลือกตั้ง ที่กลับไปใช้บัตร 2 ใบ จึงจะต้องแก้ไขให้มีกฎหมายมีความสอดคล้องกัน


นายแพทย์ชลน่าน ชี้แจงรายละเอียดถึงร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า ได้มีการเสนอแก้ไขหมายเลขผู้สมัครเลือกตั้ง ให้เป็นหมายเลขเดียวกันทั้งประเทศ ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ และได้มีการแก้ไขการกำหนดเขตเลือกตั้ง โดยให้กำหนดเขตที่ติดต่อกัน และมีสัดส่วนประชากรใกล้เคียงกัน เป็นเขตการเลือกตั้ง รวมถึงการคำนวณคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้เป็นสัดส่วนโดยตรง สัมพันธ์กับคะแนนของทุกพรรค หากมีเศษเหลือ เมื่อคำนวณแล้ว ยังไม่ครบจำนวน จะต้องพิจารณาตามจำนวนเศษทศนิยมที่เหลือที่มากที่สุดก่อน

ส่วนร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น นายแพทย์ชลน่าน คาดว่า คณะรัฐมนตรี จะไม่มีการเสนอแก้ไข แต่พรรคเพื่อไทย เห็นว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญจำนวน ส.ส. จึงควรแก้ไขให้สอดคล้องกันด้วย โดยเฉพาะ การจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองประจำเขต โดยยังคงยืนยันเจตนารมณ์การทำไพรมารีโหวต แต่วิธีการได้เสนอให้ใช้สาขา หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดเพียงแห่งเดียว ก็สามารถส่งผู้สมัครได้ทุกเขตเลือกตั้งในจังหวัดนั้น แทนการกำหนดให้มีสาขาทุกเขตเลือกตั้ง รวมถึงข้อจำกัดค่าบำรุงสมาชิกพรรค การเมือง ที่พรรคเพื่อไทย เสนอให้ยกเลิกการจัดเก็บค่าบำรุง โดยให้แต่ละพรรคการเมือง ไปกำหนดการชำระค่าสมาชิกเองตามความเหมาะสม รวมถึงการยกเลิกการวางนโยบายการหาเสียง ที่จะต้องไปพิจารณากรอบวินัยการเงินการคลัง แหล่งรายได้ เป็นต้น รวมถึงการยกเลิก และแก้ไขข้อจำกัดอื่นๆ


ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการยื่นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่า ฝ่ายค้านจะไม่มีการยื่นร่างดังกล่าวของพรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกัน เพื่อให้เป็นอิสระ โดยจะให้แต่ละพรรคการเมือง สามารถยื่นเสนอกันได้เอง ทั้งนี้ คาดว่าที่ประชุมร่วมรัฐสภา จะสามารถพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ในวาระแรกได้ ในช่วงเดือนมกราคมนี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ภัยตึก สตง.ถล่ม

นายกรัฐมนตรี เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ภัย ค้นหาผู้สูญหายเหตุตึก สตง.ถล่ม พร้อมสอบถามถึงอุปสรรคในการทำงานและความต้องการเพิ่มเติม

ปรับวิธีรายงานยอดผู้เสียชีวิต ให้นิติเวชยืนยันก่อน

รองผู้ว่าฯ กทม. เผยยอดผู้เสียชีวิตเหตุตึกถล่ม ที่ผ่านการพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว อยู่ที่ 16 ราย และอยู่ระหว่างการค้นหาอีก 78 ราย พร้อมแจงปรับวิธีรายงานยอดผู้เสียชีวิต ให้นิติเวชยืนยันก่อน