พท.แนะรัฐใช้มาตรการการเงิน-การคลังให้ตรงจุด

พรรคเพื่อไทย 23 ส.ค.-เพื่อไทยจัดสัมมนาจากล็อกดาวน์สู่น็อกดาวน์ประเทศไทย ชี้ รัฐบาลล้มเหลว ขอกำหนดเป้าหมาย อย่าเหมารวม แนะใช้มาตรการการเงิน-การคลังให้ตรงจุด รวดเร็ว ทันสถานการณ์


พรรคเพื่อไทยจัดงานสัมมนาจากล็อกดาวน์สู่น็อกดาวน์ประเทศไทย มีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ผอ.ศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทยเข้าร่วม โดยนายพิชัย กล่าวว่า รัฐบาลล้มเหลวทุกด้าน เศรษฐกิจที่แย่อยู่แล้วยิ่งหนัก ไตรมาสแรกของปี 2564 จีดีพีติดลบ 2.6% และไตรมาสต่อไปจะติดลบหนักขึ้น ขณะที่หนี้ครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 93% ในปลายปีนี้ ซึ่งถือว่าสูงมาก จนสำนักข่าวบลูมเบิร์ครายงานว่าประเทศไทยประสบกับภาวะการขาดดุลแฝง คือการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและการขาดดุลทางการคลังพร้อมกัน

“หลังจากไม่ได้เจอสภาวะนี้มา 10 ปี เพราะรายจ่ายมากกว่ารายรับ แม้สภาวะดังกล่าวจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลดีต่อการส่งออก แต่ทำให้ต่างชาติไม่มีความมั่นใจต่อประเทศไทยในระยะยาวได้ จึงเสนอทางออก 5 ข้อได้แก่ รัฐบาลต้องเตรียมพร้อมหามาตรการรองรับการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ออกนโยบายคนละครึ่ง รัฐบาลครึ่งหนึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทยครึ่งหนึ่ง ลงขันกันออกนโยบายเศรษฐกิจ เช่น นโยบายตัดต้นตัดดอก ต้องคิดล่วงหน้า นำเอาเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ เช่น เร่งจองวัคซีนเทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้ประชาชนอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ หยุดทำร้ายประชาชนที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องวัคซีนที่มีคุณภาพ ดำเนินการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่ทำร้ายประชาชนอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง” นายพิชัย กล่าว


นพ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ล้มเหลว ทำให้ประชาชนล้มตายจำนวนมาก ทั้งที่การแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องยากซับซ้อน แต่รัฐบาลทำล่าช้าซ้ำซาก โรคจึงระบาดเพราะควบคุมการระบาดไม่ได้ การล็อกดาวน์ยาวนานขนาดนี้ หากบริหารจัดการดี ความสูญเสียจะลดลงไปมาก โดยเฉพาะการจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพทันต่อการกลายพันธุ์ของเชื้อโรค ต้องจัดหามาอย่างรวดเร็วและทันการณ์ ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบัน คนไทยได้รับวัคซีนเข็มแรก 18% เข็มสอง 6.9% หรือเพียง 24% ขณะที่ทั่วโลกได้รับวัคซีนเฉลี่ยอยู่ที่ 31% สิงคโปร์ 77% นอกจากนี้ ควรควบคุมโรคเชิงรุกด้วย ATK อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ ถ้ารัฐบาลฟังข้อเสนอและเร่งจัดซื้อ เพื่อปูพรมตรวจและคัดแยกตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ประเทศไทยจะไม่เดินมาถึงจุดนี้

“การรักษาคนไข้ไม่ให้เกิดเหตุนอนตายที่บ้าน รัฐบาลต้องจัดการเป็นพิเศษ ตั้งวอร์รูมรับ-ส่งต่อ และกระจายการรักษาคนไข้ไปยังพื้นที่มีศักยภาพอย่างถูกวิธีด้วยระบบปิด อุปกรณ์ สถานที่ และบุคลากร รัฐจะต้องจัดสรรให้และต้องมีประสิทธิภาพ” นพ.กิตติศักดิ์ กล่าว

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า การล็อกดาวน์ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาล้มเหลว และกำลังนำไปสู่การพังทลายของระบบเศรษฐกิจ เป็น 6 ขั้นบันไดสู่หายนะทางเศรษฐกิจจากการล็อกดาวน์ ได้แก่ 1.ล็อกดาวน์ : ช้าและไร้ประสิทธิภาพ รัฐบาลปล่อยให้เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าระบาดทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานครแล้วจึงล็อกดาวน์ และยังเป็นการล็อกดาวน์แบบเหมาเข่งซึ่งทั่วโลกไม่ทำซึ่งการล็อกดาวน์ที่หลายประเทศดำเนินการ คือการเล็งเป้าหมายในการล็อกดาวน์ ไม่ล็อกดาวน์ภาคธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะทำให้เกิดความเสียหายในราคาสูง โดยศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทยเคยประเมินว่า ความเสียหายจากการล็อกดาวน์ครั้งนี้อยู่ที่เดือนละ 2.6 แสนล้าน หรือวันละ 8,000 ล้านบาท เมื่อความเสียหายมีราคาสูง ทุกวันจึงมีคุณค่า การล็อกดาวน์ก็ต้องคุ้มค่าที่จะจ่าย


“2.เทิร์นดาวน์ : รัฐบาลไม่รับฟังข้อเสนอจากภาคส่วนต่างๆ นำเสนอเป็นจำนวนมาก เช่น พรรคเพื่อไทยเคยนำเสนอมาตรการคงการจ้างงาน ซึ่งไม่ใช่การแจกเงินทั่วไป แต่ต้องจ่ายตรงไปที่นายจ้าง เพื่อให้นายจ้างรักษางานเก่าของแรงงานไว้ให้ได้อย่างน้อย 90% ไม่ใช่รอตกงานแล้วหางานใหม่ให้ ซึ่งต้นทุนทางงบประมาณสูงกว่า ทั้งนี้ แม้รัฐบาลจะดำเนินมาตรการคงการจ้างงาน แต่ทำไปโดยไม่เข้าใจวิธีการอย่างแท้จริง” นายเผ่าภูมิ กล่าว

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า 3.สโลว์ดาวน์ : การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ เกิดจากรัฐบาลสโลวไลฟ์ที่ออกมาตรการช้าและไม่ถูกทิศทาง เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงิน 5 แสนล้านบาท ยอดวงเงินน้อยมากเพียงครึ่งหนึ่งของความต้องการของระบบอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท นับตั้งแต่ออกมาตรการซอฟต์โลนมาเป็นระยะเวลา 1 ปี 4 เดือน ปล่อยสินเชื่อได้เพียง 2.5 แสนล้านบาท หรือครึ่งหนึ่งของวงเงินสินเชื่อ คิดเป็น 1 ใน 4 ของความต้องการเท่านั้น 4.ชัตดาวน์ : ภาคเอกชนทยอยปิดกิจการลงเรื่อยๆ จนไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ให้กับธนาคาร เมื่อปิดกิจการก็ต้องปลดคนงาน คนงานไม่มีเงินจ่ายหนี้ ส่งผลต่อรายรับของธนาคาร

“5.เบรกดาวน์ : ภาคสถาบันการเงินจะเริ่มมีปัญหาและอาจพังลง เพราะความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้น้อยลง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบระหว่างความอันตรายของการให้สินเชื่อในช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด ยังน้อยกว่าการไม่ให้สินเชื่อซอฟต์โลน 1 ล้านล้านบาท แล้วปล่อยให้ภาคเอกชนพังลงแบบนี้ 6.น็อคดาวน์ : เมื่อสถาบันการเงิน ภาคเอกชน ตลาด ภาคครัวเรือน มีปัญหา เศรษฐกิจไทยจะถูกน็อกดาวน์ หากเปรียบเป็นมวยที่แพ้เพราะถูกหมัดน็อกจนล้มลง เป็นความเสียหายถาวร ห่วงโซ่การผลิต การลงทุนจากต่างประเทศ การท่องเที่ยว ชื่อเสียง ความเชื่อมั่นจากต่างประเทศเสียหายอย่างถาวร” นายเผ่าภูมิ กล่าว

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังก้าวไปสู่บันไดขั้นที่ 5 แม้จะยังไม่ถึงในตอนนี้ แต่มีแนวโน้มและใกล้เคียง เป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องป้องกันความเสียหายอย่างทันท่วงที สิ่งเหล่านี้ในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ถือว่าเป็นความเสียทางเศรษฐกิจที่รุนแรง หากปล่อยไว้จะยิ่งไหล – รั่ว- พัง รัฐบาลควรใช้มาตรการทางการเงินและมาตรการทางการคลัง ให้ตรงจุด รวดเร็ว ทันการณ์และชาญฉลาด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับบ้านพร้อมหน้า

อุบลราชธานี 8 ส.ค. – ฝนชะล้างความเศร้า ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับเข้าบ้านเรือนเกือบหมดแล้ว ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งในรอบกว่า 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่เกิดเหตุไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา .-สำนักข่าวไทย

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]