ก้าวไกลเรียกร้องนายกฯแจงบัญชีWatch list

พรรคก้าวไกล อาคารอนาคตใหม่ 10 ส.ค. -“ ก้าวไกล  เรียกร้อง “พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร”แจง บัญชี Watch list สั่งจับตา 183 คน วิจารณ์รัฐบาล เชื่อรู้เห็น ตั้งคำถามใช้กฎเกณฑ์ใดระบุเป็นภัยคุกคาม


นาย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงถึงกรณีที่มีเอกสาร “บัญชีความมั่นคง” ถูกเผยแพร่ทาง social media เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564  โดยในเอกสารดังกล่าวปรากฏรายชื่อผู้ที่ถูกขึ้นบัญชี watchlist หรือให้ “จับตา” จำนวน 183 คน รวมถึงบัญชี social media อีก 19 ราย บันทึกล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 โดยสารวัตรกองกำกับการสืบสวนปราบปรามกองบัญชาการตรวจคนเข้าเมือง 2 และประทับตราว่าเป็นเอกสาร “ลับที่สุด”ว่า  พรรคก้าวไกลได้ตรวจสอบและพิจารณาเอกสาร watchlist ดังกล่าวแล้ว มีความเห็นและข้อสังเกต ว่า รายชื่อบุคคลที่ถูกจับตาในบัญชีความมั่นคงนี้ ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยประชาชนและนักกิจกรรมที่ออกมาแสดงออกทางการเมืองวิพากษ์วิจารณ์และขับไล่รัฐบาล รวมทั้งบุคคลที่ออกมาเรียกร้องการปฏิรูปสถาบัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่อายุไม่เกิน 30 ปี และมีเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี อย่างน้อย 2 ราย นอกจากนี้ยังมี สื่อมวลชน ศิลปิน เอ็นจีโอ นักกฎหมาย และนักสิทธิมนุษยชนหลายราย โดยในบัญชีความมั่นคงนี้ ยังมีนักการเมืองอีก 8 คน ซึ่ง 7 คนอยู่ในพรรคก้าวไกลและอดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้แก่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค, นางอมรัตน์ โชคปมิตกุล กรรมการบริหารพรรค, นายรังสิมันต์ โรม รองเลขาธิการพรรค , นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล, และน.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า

“พรรคก้าวไกล พิจารณาลักษณะของเอกสารดังกล่าวแล้วเห็นว่า บัญชีความมั่นคงนี้น่าจะเป็นเอกสารจริง ซึ่งสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับพวกเราในช่วงที่ผ่านมา เช่น กรณีของ นายปิยบุตร เดินทางไปต่างประเทศเพื่อเยี่ยมภรรยา เมื่อไปที่เคาน์เตอร์ออกตั๋วที่สนามบินก็เกิดปัญหาไม่สามารถเช็คอินน์ได้ในทันที จนต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ว่าตนเองไม่ได้มีหมายจับหรือคำสั่งศาลห้ามเดินทางออกนอกประเทศ นอกจากนี้ที่ผ่านมา ก็ถูกเจ้าหน้าในเครื่องแบบติดตามตลอดเวลา ทั้งจอดรถรถเฝ้าหน้าหมู่บ้านหรือการขับรถติดตาม กรณีของน.ส.พรรณิการ์ พบว่ามีคนแอบเอาเครื่อง gps ติดตามไว้ใต้รถ ซึ่งพบโดยบังเอิญเมื่อนำรถไปล้างแล้วเจอแผ่นโลหะสีดำติดอยู่ใต้ท้องรถ ขณะที่นายธนาธร นายพิธา นายรังสิมันต์ นางอมรัตน์ และผมก็ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบติดตามเป็นประจำ”นายชัยธวัช กล่าว


เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า จากพฤติการณ์ที่กล่าวมาเห็นชัดว่า การติดตามบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีเฝ้าระวังไม่ได้จำกัดเฉพาะที่ ตม. เท่านั้น เอกสารของ ตม. ที่ปรากฏออกมานั้นเป็นแค่ปลายทาง แต่เชื่อว่าบัญชีความมั่นคงเหล่านี้ถูกส่งมาจากหน่วยงานความมั่นคงที่เหนือกว่านั้นและกระจายไปยังกลไกต่างๆ ของทั้ง ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานในกระทรวงมหาดไทย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง จะต้องมีส่วนรู้เห็นและรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ ดังนั้นจะต้องตอบคำถามต่อสาธารณะให้ชัดเจนว่า ใช้กฎเกณฑ์อะไรในการกำหนดชื่อของประชาชนที่เป็นภัยต่อความมั่นคง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามและมีพฤติการณ์คุกคามต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนเหล่านี้ และอยากถามว่า เป็นการใช้อำนาจที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ จึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุติพฤติกรรมเหล่านี้โดยเด็ดขาด และหยุดมองประชาชนเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ส่วนจะมีการพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เบื้องต้นได้มีการสอบถามความเห็นบุคลอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในพรรคการเมือง และหากพบว่ามีความชัดเจนว่ามีการใช้อำนาจโดยมิชอบก็จะดำเนินการทางกฎหมายทันที โดยอาจยื่นฟ้องตามมาตรา157ต่อศาลทุจริต  ซึ่งกรณีเช่นนี้ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครแจ้งความ และโดยส่วนใหญ่เป็นการใช้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ การจะมีหลักฐานจึงเป็นเรื่องยาก. สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

บุกจับกำนันหญิงแหนบทองคำ ฉ้อโกง 41 ล้าน

ตำรวจพิษณุโลกเปิดปฏิบัติการ “หักขาไก่” นำ 10 หมายจับ รวบตัว “กำนันหญิงแหนบทองคำ” ประธานกองทุนหมู่บ้าน กับคณะกรรมการกองทุนฯ ร่วมฉ้อโกงประชาชน หลังชาวบ้าน 140 ราย แจ้งความ มูลค่าความเสียหาย 41 ล้านบาท

ชาวเมียวดีหวั่นถูกตัดไฟฟ้า เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์

ชาวบ้านเมียวดี ฝั่งเมียนมา ตรงข้ามชายแดนแม่สอด จ.ตาก หวั่นไทยตัดไฟฟ้า กระทบวงกว้าง เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์-เครื่องปั่นไฟ รับมือ ด้าน PEA ชี้ตัดไฟเมียนมาอาจสูญเปล่า หากไม่พิจารณาให้ครบถ้วน

ข่าวแนะนำ

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

นายกฯพบสีจิ้นผิง

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง”

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง” ย้ำความสัมพันธ์ทางการทูตและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ด้านจีนหนุนไทยมีบทบาทในเวที ระดับโลกและภูมิภาค

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟเมื่อวาน

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ขอทำไปประเมินไป อย่าทำให้เป็นประเด็น มองเป็นสิทธิฝั่งเมียนมาซื้อไฟฟ้าจากลาว ลั่นเดี๋ยวต้องคุยอีก ย้ำตัดไฟครั้งนี้ไม่ได้ใช้อารมณ์ รู้อยู่กระทบเศรษฐกิจบ้าง แต่แค่ 0.1%

รวบแล้วนักโทษหนีเรือนจำนนทบุรี จนมุมที่ จ.ชลบุรี

จับได้แล้วนักโทษชายหนีเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ระหว่างออกกองงานภายนอก จนมุมที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางแสน จ.ชลบุรี ก่อนนำตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนนทบุรี