สหรัฐคงสถานะไทย ประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List)

นนทบุรี 9 พ.ค.- แจ้งข่าวดี สหรัฐคงสถานะไทยในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List) ชื่นชมพัฒนาการและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐของไทย


นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (United States Trade Representative: USTR) ได้ประกาศสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้ารายสำคัญ ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐ มาตรา 301 พิเศษ (Special 301) ประจำปี 2566 โดยคงสถานะไทยอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) ซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญาพร้อมเดินหน้าชี้แจงสหรัฐ ถึงพัฒนาการด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทย และเร่งขับเคลื่อนแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Work Plan) โดยเชื่อมั่นว่าหากดำเนินการตามแผนงานได้สำเร็จไทยจะหลุดจากบัญชี WL ในปีต่อไปอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ จากการที่ประเทศไทยยังคงอยู่ในสถานะประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) นั้น สหรัฐได้ตระหนักถึงพัฒนาการด้านการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทย โดยเฉพาะการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์ รองรับกลไกแจ้งเตือนและนำออก (Notice and Takedown) สำหรับให้เจ้าของสิทธิแจ้งให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์นำงานละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากระบบหรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพิ่มการคุ้มครองมาตรการทางเทคโนโลยี (Technological Protection Measure: TPM) ขยายอายุความคุ้มครองภาพถ่าย และการที่ไทยเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO Copyright Treaty: WCT) เพื่อคุ้มครองลิขสิทธิ์ในยุคดิจิทัล


นอกจากนี้ สหรัฐ ได้ชื่นชมความพยายามของหน่วยงานไทยในการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การบูรณาการภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดทำระบบฐานข้อมูลเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ของกรมศุลกากร (Thai Customs IPR Recordation System (TCIRs) การจัดทำบันทึกข้อตกลงภาครัฐ – เอกชน เพื่อร่วมมือกันคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาบนอินเทอร์เน็ต และตัดรายได้โฆษณาของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา อย่างไรก็ดี สหรัฐยังคงมีข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับปัญหาการลักลอบบันทึกภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ การแอบอ้างสิทธิในการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนอินเทอร์เน็ต ความล่าช้าในการดำเนินคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากรมฯ ได้เร่งพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศอย่างต่อเนื่อง และมีพัฒนาการที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ Smart DIP ซึ่งอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้กับประชาชนในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาเช่น บริการ Fast Track จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และจดสิทธิบัตรด้านการแพทย์และสาธารณสุข บริการ Image Search สำหรับประชาชนตรวจสอบเครื่องหมายการค้าด้วยตนเองก่อนยื่นคำขอ และการพัฒนาระบบการสืบค้นฐานข้อมูลสิทธิบัตรไทยด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) และบริการให้คำปรึกษาภาคธุรกิจแบบครบวงจรผ่านศูนย์ให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IPAC)

นอกจากนี้ กรมฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ภาคเอกชน และเจ้าของสิทธิ์ในการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งร่วมกันจัดกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกรมฯ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เห็นถึงความสำคัญของการคุ้มครองและการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี


“กรมฯ จะเร่งผลักดันให้ไทยหลุดจากบัญชี WL ให้สำเร็จโดยเร็ว โดยขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างการจัดทำแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Work Plan) ร่วมกับสหรัฐ ซึ่งจะเป็นกรอบในการดำเนินการและเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ไทยหลุดจากบัญชีดังกล่าว โดยที่ไทยได้เสนอร่างแผนงานดังกล่าวให้ฝ่ายสหรัฐแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอสหรัฐ พิจารณาให้ความเห็นชอบร่วมกัน และต่อไปกรมฯ จะเดินหน้าชี้แจงสหรัฐฯ ถึงพัฒนาการด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทยอย่างต่อเนื่อง และเร่งดำเนินการตามแผนงานฯ โดยเชื่อมั่นว่าหากไทยสามารถดำเนินการตามแผนงานฯ ได้สำเร็จ จะทำให้ไทยหลุดจากบัญชี WL ในปีต่อไป” นายวุฒิไกรกล่าว

สำหรับสถานะ Special 301 ประจำปี 2566 มี 7 ประเทศถูกจัดอันดับอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (Priority Watch List) ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย อินเดีย รัสเซีย อาร์เจนตินา ชิลี และเวเนซุเอลา และมี 22 ประเทศที่ถูกจัดให้อยู่ในบัญชี WL ได้แก่ เวียดนาม ปากีสถาน เติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน อียิปต์ อัลจีเรีย ตุรกี บาร์เบโดส เบลารุส บัลแกเรีย โบลิเวีย บราซิล แคนาดา โคลอมเบีย สาธารณรัฐโดมินิกัน เอกวาดอร์ กัวเตมาลา เม็กซิโก ปารากวัย เปรู ตรินิแดดและโตเบโก และไทย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

สิ้นตำนานเจ้าแม่รถทัวร์แห่งเมืองย่าโม

กรุงเทพฯ 28 ก.ย.- อาลัย “เจ๊เกียว” สิ้นตำนานเจ้าแม่รถทัวร์แห่งเมืองย่าโม เสียชีวิตอย่างสงบ สิริอายุ 88 ปี ครอบครัวเชิดชัย แจ้งว่า นางสุจินดา เชิดชัย หรือ “เจ๊เกียว” เจ้าแม่รถทัวร์เมืองไทย เสียชีวิตอย่างสงบ สิริอายุ 88 ปี เจ๊เกียว เกิดเมื่อ 20 มีนาคม 2480 ณ จังหวัดนครราชสีมา เสียชีวิตในช่วงบ่ายของวันที่ 27 ก.ย.68 ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ กทม. ด้วยอาการชรา ประกอบกับอายุมาก มีโรคประจำตัวหลายโรค เจ๊เกียว เป็นลูกคนที่ 6 ของครอบครัว เป็นเด็กเรียนดี สอบได้ที่ 1 มาตลอด ครอบครัวมีกำลังให้เรียน ป.4 เจ๊เกียว ตั้งปณิธานกับตัวเอง “จะต้องรวยกว่าแม่ให้ได้” จึงกลายเป็นแรงผลักดัน ตลอดเส้นทางดำเนินชีวิต นับว่า เจ๊เกียว มีประวัติสู้ชีวิตตั้งแต่เด็กๆ หลังออกจากโรงเรียน […]

เชียงใหม่เตรียมรับมือพายุบัวลอย

เชียงใหม่ 28 ก.ย.- เชียงใหม่เร่งระบายน้ำปิงต่อเนื่อง เตรียมรับมือพายุบัวลอย จ่อขึ้นฝั่งเวียดนาม พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) ขณะที่ชาวบ้านจุดเสี่ยงริมแม่น้ำปิง แห่ขนกระสอบทรายมากั้น ป้องกันน้ำทะลักเข้าบ้าน เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากที่ทราบข่าวพายุบัวลอย ประชาชนที่อยู่ในจุดเสี่ยงริมแม่น้ำปิง จ.เชียงใหม่ พากันนำรถยนต์ ไปขนกระสอบทรายบริเวณสวนสาธารณะรถไฟ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นกระสอบทรายที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นำมาแจกให้ฟรี กว่า 25,000 ใบ โดยมีทหารจิตอาสา จากค่ายกาวิละ ไปช่วยตักทรายใส่กระสอบ แต่ประชาชนมีจำนวนมาก บางรายก็ตักทรายกันเอง เอาใส่กระสอบ และทยอยขนขึ้นใส่รถอย่างเร่งรีบ เพื่อนำกระสอบทรายไปกั้น ป้องกันน้ำจะทะลักเข้าบ้าน ขณะที่เวลา 24.00 น. ระดับน้ำ P1 เชิงสะพานนวรัฐ อยู่ที่ความสูง 3.92 เมตร แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยทางจังหวัดยืนยันว่าตลิ่งสามารถป้องกันได้ถึง 4.20 เมตร จะมีเพียงพื้นที่ลุ่มต่ำเท่านั้น ที่อาจได้รับผลกระทบ ล่าสุดเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำในแม่น้ำปิงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เขตพื้นที่เมืองเชียงใหม่ จนถึงประตูระบายน้ำแม่สอย ที่เป็นตัวสุดท้ายของลำน้ำปิง โดยที่ประตูระบายน้ำท่าวังตาล ได้มีการยกบานพ้นน้ำทั้ง 6 […]

ครึ่งวันเช้าเรียบร้อยดี เลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ คนทยอยใช้สิทธิ

ศรีสะเกษ 28 ก.ย.- ครึ่งวันเช้าเรียบร้อยดี ประชาชนทยอยใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 คึกคัก เผยแม้กังวลสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แต่อยากออกมาใช้สิทธิในฐานะคนไทย ด้านเลขาฯ กกต. ระบุตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเวลาเปิดหีบ ยังไม่พบสิ่งบ่งชี้เหตุฉุกเฉิน -สำนักข่าวไทย

เร่งเทปูนใต้อาคาร สน.สามเสน “พิพัฒน์” คาดคืนผิวจราจร 8 ต.ค.

28 ก.ย.- จนท.เร่งเทปูนทำฐานรากใต้อาคาร สน.สามเสน ให้สูงถึงระดับเสาเข็มที่ขาดไป และจะใช้เครนขนาดใหญ่ยกวัสดุสิ่งของในหลุมขึ้นมา ก่อนถมดิน-หินคลุก เพื่อคืนพื้นผิวถนน ด้าน “พิพัฒน์” ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้า หวังทุกอย่างเป็นตามเป้าหมาย คืนผิวจราจรได้ 8 ต.ค.นี้ -สำนักข่าวไทย