นายกฯ เผย ครม.มีมติลดค่าใช้จ่ายทางการศึกษา

ทำเนียบรัฐบาล 27 ก.ค.-นายกฯ โพสต์เฟซบุ๊ก เผยผลประชุม ครม.มีมติลดค่าใช้จ่ายทางการศึกษาช่วยเหลือผู้ปกครองและนักศึกษาทั่วประเทศ งบประมาณรวม 33,000 ล้านบาท พร้อมกำชับกระทรวงต่างๆ แก้ปัญหาข่าวปลอมอย่างจริงจังและรวดเร็ว

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ระบุว่า มีประเด็นสำคัญที่อยากจะเรียนแจ้งพี่น้องประชาชนดังต่อไปนี้ครับ


  1. “การลดค่าใช้จ่ายทางการศึกษา”
    ครม. มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงอุดมศึกษาฯ ให้ช่วยเหลือผู้ปกครองและนักศึกษารวมทั้งสถานศึกษาทั่วประเทศ ในการลดค่าใช้จ่ายทางการศึกษา ในภาคเรียนที่ 1/2564 งบประมาณรวม 33,000 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
    1.1 สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองในอัตรา 2,000 บาท ต่อนักเรียน 1 คน ครอบคลุมนักเรียนทั่วประเทศ ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอาชีวศึกษา จำนวนมากกว่า 10 ล้านคน
    1.2 จะจัดสรรค่าใช้จ่ายและอุปกรณ์เพื่อช่วยสถานศึกษา เพื่อรองรับการเรียนออนไลน์ โดยเฉพาะในพื้นที่มีความจำกัดทางทรัพยากร
    1.3 ขอความร่วมมือโรงเรียนเอกชนให้ลด ชะลอ หรือตรึงค่าใช้จ่าย
    1.4 สำหรับสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ให้ลดค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษา โดยในส่วนที่ไม่เกิน 50,000 บาท ให้ลดลง 50% ส่วนที่มากกว่า 50,000 ถึง 100,000 บาท ให้ลดลง 30% และส่วนที่เกิน 100,000 ให้ลดลง 10% โดยรัฐบาลจะร่วมจ่ายกับสถาบันอุดมศึกษาในอัตรา 6:4 ของส่วนลด
    1.5 สำหรับสถาบันอุดมศึกษาเอกชน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าเล่าเรียนให้นักศึกษา คนละ 5,000 บาท และขอให้แต่ละสถาบันพิจารณาลดค่าเล่าเรียนเพิ่มเติม หรือสนับสนุนมาตรการอื่นๆ เช่นขยายเวลาหรือผ่อนชำระ จัดหาอุปกรณ์ ลดค่าหอพัก
  2. “การจัดการเรื่องข่าวปลอม”
    ขณะที่เรากำลังเผชิญกับปัญหาโควิด และหน่วยงานรัฐกำลังแก้ไขสถานการณ์กันอย่างเต็มที่ แต่เรากลับต้องเผชิญกับปัญหาข่าวปลอม หรือ Fake News ที่กำลังกลายเป็นปัญหาสำคัญ ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายในสังคมเป็นอย่างมาก มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือการจงใจตัดต่อบิดเบือนคำพูดเพื่อสร้างความเข้าใจผิดเป็นจำนวนมาก ทั้งจากสื่อมวลชน ผู้มีชื่อเสียง และผู้ใช้สื่อทั่วไป ทั้งที่ในขณะนี้ประเทศไทยอยู่ภายใต้ พรก.ฉุกเฉิน ผมขอเรียนให้ทราบว่า ผมให้ความสำคัญกับการจัดการข่าวปลอมที่ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างยิ่ง และได้สั่งการโดยตรงให้แต่ละกระทรวง ดำเนินการแก้ปัญหาข่าวปลอมอย่างจริงจังและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ดังนี้
    2.1 ขอให้แต่ละกระทรวง จัดตั้งฝ่ายที่รับผิดชอบในการตรวจสอบและแก้ไขข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับแต่ละกระทรวงทันที และให้เป็นตัวแทนหน่วยงานแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดด้วย
    2.2 ศูนย์ข่าวปลอมของกระทรวงและจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและประกาศ
    ลงสื่อของกระทรวงและหน่วยงานภายใน 24 ชั่วโมง ให้เข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด หลังจากได้รับการแจ้งจากประชาชน หรือหน่วยงานรัฐอื่นๆที่เกี่ยวข้อง และส่งข้อมูลหรือประกาศชี้แจงแก้ไขข่าวปลอมให้ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และ กสทช. ทันทีที่ลงสื่อของกระทรวงด้วย
    2.3 ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปอท. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ศปก.ศบค. ร่วมปรึกษาหารือกันอย่างเร่งด่วน ในการนำเอาข้อกำหนดข้อที่ 11 จากประกาศฉบับที่ 27 ของ พรก.ฉุกเฉิน ว่าด้วยเรื่องการห้ามบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร มาเป็นแนวปฏิบัติของมาตรการที่ชัดเจน
    2.4 ให้กรมประชาสัมพันธ์ โฆษกทุกกระทรวง และกสทช. สื่อสารให้ทุกหน่วยงานและประชาชนได้รับทราบถึงมาตรการนี้อย่างทั่วถึง
    2.5 ให้กระทรวง DES, ปอท. สตช. ดำเนินการในแนวปฏิบัติจากมาตรการนี้อย่างจริงจังและรวดเร็วยิ่งขึ้น ชัดเจน โปร่งใส เป็นธรรม ดำเนินคดีกับคนผิดได้จริงๆโดยเฉพาะผู้ปล่อยรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน คนดัง หรือเพจต่างๆ ไม่ใช่จับแค่ชาวบ้านทั่วไปเท่านั้น
    โดยข้อสั่งการทั้งหมดนี้ ผมจะติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด โดยขอให้ดำเนินการให้เร็วที่สุด และขอให้รายงานความคืบหน้าต่อผมก่อนการประชุม ครม. ครั้งหน้า และรายงานต่อเนื่องก่อนการประชุม ครม. ทุกครั้ง
  3. “แก่งกระจาน มรดกโลก”
    เรื่องสุดท้าย ครม.ได้รับทราบข่าวดีที่น่าภูมิใจ นั่นคือผลการพิจารณาขององค์การยูเนสโก มีมติเห็นชอบให้ “พื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน” เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ภายใต้เกณฑ์ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นความสำเร็จของการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่หายาก ใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด มีความโดดเด่นระดับโลก หลังจากที่เราพยายามผลักดันมาแล้ว 3 ครั้ง เป็นเวลาถึง 6 ปี ซึ่งถือเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 3 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ต่อจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ในปี 2534 และกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ในปี 2548

ต่อจากนี้รัฐบาลดำเนินการยกระดับการอนุรักษ์พื้นที่ด้วยการบริหารจัดการตามมาตรฐานสากล จะมุ่งมั่นส่งเสริมการอนุรักษ์และฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ควบคู่ไปกับการดูแลพัฒนาคุณภาพชีวิต และสิทธิมนุษยชน ของประชาชนในพื้นที่ ที่อาศัยอยู่ร่วมกับป่า ให้ทุกภาคส่วนร่วมจัดการพื้นที่มรดกโลกร่วมกัน (Co-Management) และเกิดความตระหนักในคุณค่าของการเป็นเจ้าของมรดกโลกนี้ร่วมกัน (Sense of Ownership) เพื่อให้เกิดความสมดุลและประโยชน์อย่างยั่งยืนสูงสุด และยุติธรรมต่อทั้งธรรมชาติและมนุษย์ทุกคน เพื่อเป็นมรดกทั้งของโลกและของประเทศไทย ที่จะส่งต่อให้กับคนรุ่นลูกรุ่นหลานช่วยกันดูรักษาร่วมกันต่อไป

ในส่วนของการแก้ไขสถานการณ์โควิด มีหลายประเด็นที่ผมได้สั่งการทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเตียง การปลดล็อกการตรวจและส่งตัวผู้ป่วยให้ได้เร็วที่สุด การเพิ่มกำลังการผลิตยา ทั้งยาฟาวิพิราเวียร์ และยาฟ้าทะลายโจร และการจัดหายาใหม่ๆ การดำเนินการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยระหว่างกักตัวอยู่ที่บ้านหรือในชุมชน การส่งตัวผู้ป่วยสู่ภูมิลำเนา การจัดหาวัคซีนให้ได้เร็วที่สุดและมากที่สุด การจัดสรรวัคซีนให้กับบุคลากรด่านหน้า ที่ต้องได้ตามที่ต้องการทุกคน รวมถึงแนวทางการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจต่อผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งในขณะนี้ได้มีการประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา และมีการทบทวนมาตรการต่างๆที่ได้ออกไปแล้วให้เกิดความเหมาะสมที่สุด และจะมีการประชุม ศบค. เพื่อพิจารณาประเมินสถานการณ์และมาตรการต่างๆในเร็วๆนี้


สุดท้ายนี้ ผมขอส่งกำลังใจให้กับนักกีฬาไทยที่เป็นตัวแทนของประเทศเข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่น ขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับ “น้องเทนนิส” เรืออากาศตรีหญิงพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่ได้มุมานะฝึกซ้อม และสู้สุดใจแม้คะแนนเป็นรอง จนสามารถคว้าเหรียญทอง สร้างความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศได้ โดยในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผมได้กำชับผู้บังคับบัญชาให้การสนับสนุนภารกิจของน้องเทนนิสอย่างเต็มที่ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการขอสัญชาติไทยของโค้ชเช ชเว ย็อง-ซ็อก ด้วย ขอขอบคุณและขอชื่นชมนักกีฬาไทยทุกคน รวมทั้งทีมผู้ฝึกสอน ผู้ประสานงาน และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ได้มุ่งมั่นทำหน้าที่เพื่อชาติแทนพวกเราคนไทยทั้งประเทศครับ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย