ผอ.ศปก.ศบค. ย้ำพร้อมปรับมาตรการ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

กรุงเทพฯ 18 ก.ค.-ผอ.ศปก.ศบค. เตรียมประเมินผลจากมาตรการที่ออกมาใน 7 วัน ย้ำพร้อมปรับมาตรการ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แจงยังไม่ปิดตลาดสด-ซูเปอร์มาร์เก็ต ห่วงความจำเป็นของประชาชน


กสทช. วันนี้ (18 ก.ค.) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ผอ.ศปก.ศบค.) เชิญผู้บริหารสื่อ เข้าหารือและรับฟังความเห็นเห็นการเสนอข่าวในช่วงวิกฤติโควิด โดยมีผู้บริหารสื่อเข้าร่วมประชุมจำนวนมาก และทุกคนที่เข้าร่วมประชุมจะต้องผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนทุกคน

พล.อ.ณัฐพล ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า หลังมีมาตรการประกาศออกมา ตั้งไว้ว่าจะประเมินผล 30 วัน แต่ทั้งนี้จะประเมินตั้งแต่ 14 วันแรก และในส่วนของ ศปก.ศบค. จะประเมินผลย่อยในช่วง 7 วัน


“คราวนี้ตั้งเป้าไว้ 14 วัน แต่พอ 7 วันผ่านไป อาจารย์แพทย์ได้แนะนำว่ายังน่าห่วง จำเป็นต้องปรับมาตรการเข้มข้นขึ้น แต่ในทางการเราจะประเมินทุก 14 วัน และในความเป็นจริงจะประเมินผลและติดตามสถานการณ์ทุกวันอยู่แล้ว พอ 7 วันแล้ว ถ้าดูว่าน่าจะปรับก็ปรับ” พล.อ.ณัฐพล กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีมาตรการเข้มในรายละเอียดเรื่องของตลาดสดและซูเปอร์มาร์เก็ตออกมาหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ในส่วนของตลาดสดจะมีมาตรการในการกำกับที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้วบรรดาอาจารย์แพทย์มีความเป็นห่วงในเรื่องของตลาดสดอย่างมาก เพราะปัจจุบันในตลาดสดมาตรการการเว้นระยะห่างต่างๆ ยังน่าเป็นห่วงอยู่ แต่เนื่องจากยังเห็นถึงความจำเป็น อาจกระทบต่อความเดือดร้องของประชาชนที่ประกอบอาชีพค้าขายในตลาดสด ก็จะลองให้โอกาสไปก่อน โดยให้พื้นที่กำกับดูแลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและให้พิจารณาเป็นกรณีไป เว้นแต่ในภาพร่วมถ้าเกิดความไม่เรียบร้อยก็ต้องว่าอีกที

เมื่อถามว่าที่มีกระแสข่าวว่า ในส่วนของซูเปอร์มาร์เก็ตจะเปิดลักษณะวันเว้นวัน มีข้อเท็จจริงอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่าไม่เป็นความจริง เพราะ ศปก.ศบค.มองเห็นถึงความจำเป็น เนื่องจากซูเปอร์มาร์เก็ตจำหน่ายสินค้าที่มีความจำเป็น โดยเฉพาะเรื่องของอาหาร ถ้าไปเปิดวันเว้นวัน อาจยิ่งทำให้ประชาชนไปแออัดในวันที่เปิด จึงเปิดกระจายไปเพื่อให้เกิดการเฉลี่ยของประชาชนในการจับจ่ายใช้สอยและสามารถเว้นระยะห่างได้


ผู้สื่อข่าวถามว่าสำหรับจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดสีแดงเข้มข้น เรื่องการรับประทานอาหารในร้าน ยังใช้ข้อกำหนดฉบับที่ 24 เรื่องพื้นที่สีแดงสามารถรับประทานอาหารและเครื่องดื่มในร้านได้แค่ 23.00 น. แต่ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน ส่วนพื้นที่ควบคุมสีส้ม ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านเช่นกัน แต่เปิดให้บริการได้ตามเวลาปกติใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ใช่ โดยเพิ่มจาก 10 จังหวัดเดิม เป็น 13 จังหวัด คือ อยุธยา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา

เมื่อถามถึงกรณีการเดินทางข้ามจังหวัดมาตรการที่ออกมายังมีการผ่อนคลายในเรื่องของเหตุจำเป็นจะสร้างความมั่นใจได้อย่างไรที่จะไม่มีการแพร่ระบาดจากการเดินทาง ผอ.ศปก.ศบค. กล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนช่วยทำความเข้าใจ เรื่องนี้ ศบค. พยายามจะไม่ใช้มาตรการเข้มจนเกินไปทำให้คนเดือดร้อน สังเกตว่าเราจะค่อยๆ มีมาตรการที่เข้มขึ้นและประเมินดูว่าได้รับความร่วมมือหรือไม่ ถ้าร่วมมือทำให้มาตรการเป็นไปได้อย่างเรียบร้อยก็จะคงมาตรการนั้นไว้ แต่ถ้ามาตรการใดไม่เรียบร้อย ก็ต้องมาดูว่าจุดไหนเป็นจุดเสี่ยง กิจกรรมหรือกิจการเสี่ยงก็ต้องค่อยๆ ปรับลดลงไป จะได้ไม่กระทบกับความเดือดร้อนของประชาชนในภาพร่วม

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยความเดือดร้อนของประชาชน โดยได้กำชับ ศปก.ศบค.ว่าให้กำกับดูแลอย่างใกล้ชิดและกำกับดูแลอย่างปรานี เพื่อให้สถานการณ์ค่อยๆ คลี่คลายลงโดยเร็ว เพื่อที่จะได้ไม่กระทบกับประชาชน

“ทุกวันนี้ ศปก.ศบค. เข้าประชุมทุกวันเพื่อประมวลผลอยู่แล้ว ในส่วนของ ศบค.ชุดใหญ่ ก็ได้ประชุมเมื่อวันที่ศุกร์ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งมาตรการที่ออกมาในวันนี้ก็เป็นมติของ ศบค. ในการประชุมครั้งที่ผ่านมาที่ต้องการให้ออกข้อกำหนดโดยเร็ว โดยได้อนุมัติหลักการปรับเพิ่มมาตรการมากขึ้น โดยกำหนดเป็นมาตรการหลักไว้และมอบหมายให้ ศปก.ศบค.หารือในรายละเอียด” พล.อ.ณัฐพล

เมื่อถามย้ำว่าการประเมิน 7 วัน ในรอบแรกกรณีหากมีการติดเชื้อเพิ่มในส่วนของรายจังหวัดต้องมีการปรับมาตรการใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า มีหลายอย่าง หลายวิธีอาจจะเพิ่มในส่วนของจังหวัด กิจกรรม กิจการ ซึ่งมีหลายวิธีแต่ทั้งหมดต้องฟัง ด้านการแพทย์การสาธารณสุขเป็นหลัก ซึ่งจะชี้ให้เห็นว่าอะไรเป็นปัจจัยเสี่ยง จากนั้นทุกฝ่ายจะร่วมกันพิจารณาว่าเมื่อได้มีมาตรการประกาศออกไปแล้วทำได้จริงหรือไม่ อะไรที่ประกาศแล้วทำไม่ได้จริง ก็จะใช้มาตรการอื่น เช่น การกำกับใกล้ชิดมาใช้แทน

พล.อ.ณัฐพล ยังกล่าวถึงการเชิญสื่อมาทำความเข้าใจในวันนี้ว่า เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทาง ศปก.ศบค. ส่วนหนึ่งได้ติดตามสถานการณ์ทางสื่อในทุกๆ แขนง ซึ่งสื่อมวลชนได้ให้ข้อคิดเห็นหลากหลาย ซึ่งหลายอย่างเป็นประโยชน์ วันนี้จึงอยากรับฟัง ขณะเดียวกันพบว่าข้อมูลบางอย่างสื่อมวลชนก็ยังไม่ทราบวันนี้ก็จะได้มีการแลกเปลี่ยน โดยเวลาส่วนใหญ่จะรับฟังความคิดเห็นจากสื่อมวลชนมากกว่าการสั่งการ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]

พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์ถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ น่านยกระดับรับมือ

26 ส.ค. – พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว หลายจังหวัดทางภาคเหนือมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนมีน้ำท่วมหลายพื้นที่ และต้องจับตาไปที่จังหวัดน่าน ซึ่งพายุคาจิกิเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบตั้งแต่ช่วงค่ำวันนี้ ทำให้จังหวัดน่านยกรระดับมาตรการป้องกันและเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

Gripen ที่จัดซื้อใหม่ประสิทธิภาพดีกว่าลำเดิมที่มีอยู่

สวีเดน 26 ส.ค. – แม้รัฐบาลไทยและสวีเดนได้ลงนามความร่วมมือซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน E และ F ไปแล้ว แต่กว่าจะได้รับเครื่อง จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 4 ปี ระหว่างนี้จะมีการวางกรอบพัฒนาร่วมกัน แน่นอนว่ารุ่นใหม่สเปกใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าที่เรามี แตกต่างอย่างไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้อยู่ในแนวพื้นที่ที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า “เจ๊เอ๋” ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ เจ้าหนี้คนดัง บอกว่า วันนี้ประชาชนคนไทยต้องมาเผชิญหน้ากับชาวกัมพูชาด้วยตัวเอง เพราะผู้มีหน้าที่โดยตรงนิ่งเฉย ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง […]