2 ส.ค. – กองทัพภาคที่ 2 ยืนยัน “ช่องอานม้า” ปัจจุบันควบคุมพื้นที่อย่างมั่นคง ผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ รวมถึงเข้ายึดพื้นที่ในแนวจุดยุทธศาสตร์ทางทหารที่สำคัญได้หลายจุด
จากกรณีที่ช่วงสายวันนี้ (2 ส.ค.68) มีกระแสข่าวในโลกโซเชียลว่า มีกองทัพโดรน และรถถังของทางฝั่งกัมพูชา เข้าบุกยึดพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทำให้มีความกังวลเกิดขึ้นกับประชาชนคนไทยทุกคน ที่กำลังให้ความสนใจในสถานการณ์ด้านชายแดนระหว่างไทย และกัมพูชา ทำให้ในเวลาต่อมา (12.44 น.) ทางเพจ กองทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาโพสต์ชี้แจ้งถึงกรณีข้อเท็จจริง เกี่ยวกับแนวปฏิบัติในพื้นที่ “ช่องอานม้า” โดยมีข้อความระบุว่า
ก่อนเกิดเหตุปะทะเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 กำลังทหารของไทยไม่เคยสามารถเข้าไปยึดพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอมได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาวางกำลังตรึงพื้นที่ไว้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ต่อมาเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้นำคณะทูตทหารจาก 13 ประเทศเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่ โดยพบว่า พื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอมขณะนั้น มีกำลังทหารไทยควบคุมพื้นที่ทั้งหมดแล้ว
สำหรับแนวปฏิบัติร่วมในพื้นที่อ้างสิทธิ์ “ช่องอานม้า”
เพื่อป้องกันเหตุปะทะ และรักษาเสถียรภาพในพื้นที่อ่อนไหว ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงแนวทางปฏิบัติร่วมกันไว้ ดังนี้:
- จัดกำลังฝ่ายละ 5 นาย
– แต่ละฝ่ายส่งเจ้าหน้าที่ 5 นายเข้าไปในพื้นที่ร่วมตรวจสอบ เพื่อป้องกันการเพิ่มเติมกำลัง - ไม่มีการพกพาอาวุธ
– เจ้าหน้าที่ทุกนายต้องงดเว้นการพกพาอาวุธในขณะปฏิบัติภารกิจ - ลาดตระเวนร่วมกัน
– ทั้งสองฝ่ายร่วมเดินลาดตระเวนบริเวณรอบ “ตาอม” (ฝั่งกัมพูชา) และพื้นที่ใกล้เคียง - ไม่จำกัดช่วงเวลาในการเข้า-ออกพื้นที่
– สามารถเข้าปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนได้ ตลอดเวลา โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา
ปัจจุบัน : กองทัพไทยควบคุมสถาปนาพื้นที่ได้อย่างมั่นคง
จากสถานการณ์ความตึงเครียดล่าสุด กองทัพไทยได้ดำเนินการ ผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่ลุกล้ำอธิปไตยไทย ได้อย่างเด็ดขาด และสามารถ เข้ายึดพื้นที่ในแนวภูมิยุทธศาสตร์สำคัญได้สำเร็จ
เมื่อยึดพื้นที่ได้แล้ว ฝ่ายไทยได้จัดกำลังตรึงพื้นที่ ในเขตดินแดน อธิปไตยของไทย และสามารถครอบครองได้โดยชอบธรรม เพื่อรักษาความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ และป้องกันการกระทบกระทั่งที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต.-สำนักข่าวไทย