นายกฯขออภัยปัญหาวัคซีนโควิด สั่งทุกหน่วยร่วมแก้

ทำเนียบ 15 มิ.ย.-นายกฯ ขออภัยเกิดปัญหาจัดสรรวัคซีน สั่งทุกหน่วยงานร่วมมือแก้ไข ปรับการจัดคิวรับวัคซีนสอดคล้องกับปริมาณในแต่ละรอบ ย้ำกลุ่มเลื่อน ใช้ลำดับเดิม ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงแนวทางการบริหารจัดการ และการฉีดวัคซีนที่กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และเริ่มคิกออฟ มาตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. เป็นต้นมาว่า จนถึงขณะนี้สามารถกระจายวัคซีนไปทั่วประเทศแล้ว มากกว่า 7 ล้านโดส และฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้วมากกว่า 6.5  ล้านโดส ซึ่งตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. นับมาหนึ่งสัปดาห์ สามารถฉีดวัคซีนได้ถึง 2 ล้านโดส ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการฉีดวัคซีน ดังนั้นทำให้เห็นได้ว่าเมื่อมีวัคซีนเข้ามาเพิ่มขึ้น ไทยก็จะฉีดวัคซีนได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน เจ้าหน้าที่ จิตอาสา ทุกจุดบริการ ที่ร่วมมือร่วมใจอย่างเต็มที่ ซึ่งได้รับคำชมเชยจากประชาชนผ่านมายังตนเอง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการที่ประชาชนได้รับข้อมูลจากข่าว หรือประกาศการเลื่อนฉีดวัคซีนออกไปจากโรงพยาบาลต่างๆ อาจทำให้เกิดความไม่สบายใจ และเกรงว่าภาครัฐจะจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอ หรือไม่ได้ประสานงานอย่างดีเพียงพอ ซึ่งตนรับทราบข้อมูลเหล่านี้มาตลอด และพยายามแก้ไขปัญหาเต็มที่ ยอมรับอย่างจริงใจว่าตนเองไม่สบายใจกับปัญหาเหล่านี้ ดังนั้นจึงมีการติดตามสั่งการ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกวันและต่อเนื่อง เพื่อต้องการให้ประชาชนได้รับประโยชน์และมีความสบายใจ ทั้งนี้ประเด็นสำคัญอยู่ที่วัคซีนที่จะทยอยเข้ามา ที่ต้องมีความสมดุลกับขีดความสามารถในการฉีดของแต่ละวัน รวมถึงต้องกำหนดระยะเวลาในการฉีดให้เหมาะสมกับปริมาณของวัคซีน เพราะหากฉีดจนวัคซีนหมด ก็จะเกิดปัญหาต้องหยุดฉีดวัคซีน ซึ่งทั้งหมดคือ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้หากมีวัคซีนเข้ามามาก ก็จะจัดสรรเพิ่มเติม ไปให้กับแต่ละจุด เพื่อให้ภาพรวมการฉีดวัคซีนปรับดีขึ้น อย่างต่อเนื่อง


นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า วาระแห่งชาติเรื่อง การฉีดวัคซีนนั้น แต่ละหน่วยงานมีบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ คงไม่ใช่สิ่งที่ตนเองรวบอำนาจการตัดสินใจไว้เพียงผู้เดียว โดย ศบค. เป็นองค์กรสูงสุด รับผิดชอบกำหนดนโยบายและหลักการ ในการจัดสรรวัคซีนให้กับแต่ละจังหวัด โดยแต่ละจังหวัดจะได้รับวัคซีนตามสัดส่วนของประชากร และเพิ่มเติมให้กับจังหวัดที่มีสถานการณ์ระบาด รวมถึงเพิ่มกลุ่มบุคคลที่มีความจำเป็นต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวการศึกษาและอื่นๆ , หน่วยงานหลักที่รับมอบนโยบาย คือกระทรวงสาธารณสุข ที่จะกำหนดว่าวัคซีนที่ได้รับในแต่ละรอบ จะจัดส่งในแต่ละจังหวัด เป็นจำนวนเท่าใด ตามหลักการการจัดสรร โดยจะจัดส่งวัคซีนในแต่ละรอบกระจายไปทั่วประเทศทันที โดยอาจใช้เวลาตรวจสอบในเรื่องความปลอดภัยบ้าง , ความรับผิดชอบของแต่ละจังหวัดและแต่ละพื้นที่ จะเป็นผู้กำหนดว่าโรงพยาบาลหรือจุดฉีดจะได้รับวัคซีนเป็นจำนวนเท่าใด และต้องคำนึงถึงช่วงเวลาที่จะได้รับวัคซีนในรอบถัดไป เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น เนื่องจากการได้รับวัคซีนจะมาเป็นรอบ ไม่ได้เข้ามาครั้งเดียว 6 ล้านโดส หรือ 10 ล้านโดส

“สูตรการจัดสรรวัคซีนโดยสรุปที่ผมได้กำหนดเป็นนโยบายไปคือ เมื่อวัคซีนเข้ามา กระทรวงสาธารณสุข ต้องเร่งตรวจสอบ และกระจายในทันที โดยไม่มีจังหวัดใด ที่ไม่ได้รับวัคซีนเพิ่มเติมในแต่ละรอบ ซึ่งอนาคตอาจยกเว้นในจังหวัดที่ได้ครบตามเป้าหมายแล้ว หรือบางจังหวัดที่ ศบค. พิจารณาว่า ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดในแต่ละพื้นที่ และจำนวนวัคซีนที่นำส่งขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านจำนวนประชากร จำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้จองผ่านช่องทางต่างๆ หรือกลุ่มเฉพาะอาชีพเสี่ยง และพื้นที่เศรษฐกิจ ที่เป็นต้นทุนด้านการส่งออกของประเทศ  ซึ่งหากจำนวนวัคซีนที่ได้คำนวณแล้วไม่เพียงพอต่อการฉีดในรอบนั้น ให้แต่ละจังหวัดและจุดฉีดต่างๆ พิจารณาฉีดให้กับผู้สูงอายุ และกลุ่มที่มีโรคเสี่ยงต่างๆ ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนแล้ว และหากมีความจำเป็นต้องชะลอการฉีดวัคซีนตามกำหนดเดิม ระหว่างรอการจัดส่งวัคซีน ต้องยึดลำดับการฉีดเดิมไว้ก่อน โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ และ เริ่มฉีดให้กับลำดับเดิมนั้นทันทีหลังจากได้รับวัคซีน ซึ่งเชื่อว่าทุกคนจะมีความเข้าใจตรงกันและดำเนินการตามนโยบายนี้ เพราะเป็นสิ่งที่มาจากมติที่ประชุมเกี่ยวกับการบริหารจัดการวัคซีน”นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าทุกฝ่ายพยายามดำเนินการ ทุ่มเท เพื่อให้บริการประชาชนอย่างดีที่สุด แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยที่ควบคุมได้ยาก เช่น การนำส่งวัคซีนที่ต้องใช้ระยะเวลา การผลิตและการตรวจสอบคุณภาพ เพราะไม่อาจกำหนดได้แน่นอนในทุกครั้ง ว่าจะได้รับวันใดเวลาใด เพราะจะได้รับวัคซีนเป็นรอบ เช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลกที่ต้องพบกับปัญหาในลักษณะนี้ ขณะที่ไทยยังมีข้อได้เปรียบ เพราะมี บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งผลิตวัคซีนของแอสตราเซนเนกาตั้งอยู่ในประเทศไทย ทำให้ง่ายต่อการจัดส่ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่บริษัทแอสตราเซนเนกา จะนำมาพิจารณาและขณะนี้ไทยถึงเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในอาเซียน โดยจะใช้ฐานของไทยจัดส่งวัคซีนในประเทศอาเซียนด้วย


นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อีกปัจจัยคือการปรับแผนการฉีดวัคซีน จากสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้น ซึ่งเปิดให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้รับการฉีดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด อีกส่วนเพื่อผลทางเศรษฐกิจ ลดการปิดกิจการโรงงาน เพื่อให้ภาคการผลิตเดินต่อ ทำให้อาจไปกระทบกับผู้ที่ลงทะเบียนไว้บางส่วน ทั้งนี้การแก้ปัญหาโควิด-19 มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการประสานงานบ้าง โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงาน ต้องพยายามแก้ไขปรับปรุง การทำงานตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างการรับรู้ให้เกิดความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งตนในฐานะนายกรัฐมนตรี และ ผอ. ศบค. ที่รับผิดชอบการแก้ไขสถานการณ์ครั้งนี้ ต้องขออภัย ต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และขอรับผิดชอบแก้ไขปัญหาทั้งหมด ซึ่งย้ำว่าได้ทำมาอย่างต่อเนื่องในทุกเวลา ทุกคนต้องร่วมมือกันให้การทำงานประสบความสำเร็จเพื่ออนาคตของชาติ ซึ่งอุปสรรคอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะที่ทั่วโลกมีวัคซีนจำนวนจำกัด แต่รัฐบาลก็ได้วางแผนล่วงหน้า ทำให้มั่นใจว่าจะได้รับวัคซีนอย่างต่อเนื่อง และมีปริมาณมากขึ้นตามลำดับที่มาจากหลายแหล่ง จึงย้ำว่า รัฐบาลจะจัดหาวัคซีนให้เพียงพอกับประชาชนทุกคน ซึ่งขณะนี้จะทำได้ตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส สำหรับประชาชน 50 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 70 ของทั้งประเทศภายในสิ้นปีนี้ พร้อมเตรียมการไว้สำหรับปีหน้า หากได้รับวัคซีนเพิ่มเติมก็จะมีการฉีดให้ประชาชนเพิ่มเติม ให้เป็นสัดส่วนร้อยละ 80-90 ของประชาชน นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่าทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่เกิดการทุจริต โดยเชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพ ของทุกคนและความทุ่มเทของบุคลากรทุกคน จะทำให้ไทยชนะสงครามโควิดไปด้วยกันอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

น้ำโขงใกล้แตะ 9 เมตร สทนช.เตือนเฝ้าระวัง

บึงกาฬ 6 ก.ค.- “แม่น้ำโขง” ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ใกล้แตะ 9 เมตร สทนช. เตือนเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง ที่จังหวัดบึงกาฬ เกิดฝนตกติดต่อกันกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและ สปป ลาว ตอนบน ประกอบกับ สปป ลาว มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่อง และมีมวลน้ำเหนือจากจังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย ไหลลงมาสมทบ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเช้าวันนี้ จุดวัดระดับน้ำบ้านพันลำ วัดได้ 8.60 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 30 เซนติเมตร แต่ยังอยู่ในระดับปกติ ส่วนที่ประตูระบายน้ำ ข้างสำนักงาน ตม.บึงกาฬ เจ้าหน้าทีเทศบาลได้เปิดประตูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำที่สะสมตามท่อระบายน้ำต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองไหลลงสู่แม่น้ำโขง เช่นเดียวกับบริเวณด่านพรมแดนศุลกากร เรือโดยสารขนส่งสินค้าและเรือขนส่งผู้โดยสารไทย-ลาว ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ เนื่องจากน้ำโขงไหลแรงและมีเศษวัชพืช เศษขยะไหลมากับสายน้ำ พร้อมขยับปรับระดับโป๊ะเทียบท่าให้อยู่ในระดับพอดี และผูกเชือกมัดโยงให้แน่นหนาเพื่อความปลอดภัย ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม […]

ชวนร่วมมหกรรม “ซอฟต์พาวเวอร์” ฟังวิสัยทัศน์จาก 3 นายกฯ

ทำเนียบรัฐบาล 6 ก.ค.-รัฐบาลเชิญร่วมงานมหกรรม Soft Power ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “SPLASH – Soft Power Forum 2025” ระหว่าง 8-11 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ร่วมรับฟังการแสดงวิสัยทัศน์ 3 นายกรัฐมนตรีไทย แลกเปลี่ยนมุมมองและแบ่งปันประสบการณ์สร้าง “มูลค่าทางวัฒนธรรม” นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลบูรณาการความร่วมมือยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่ตลาดโลกอย่างเป็นรูปธรรม จัดงาน Soft Power ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “SPLASH – Soft Power Forum 2025” ระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00-20.00 น. Hall 1-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ คณะกรรมการพัฒนาและอนุกรรมการทุกสาขา โดยประสานพลังภาครัฐ เอกชน ชุมชน […]