นายกฯขออภัยปัญหาวัคซีนโควิด สั่งทุกหน่วยร่วมแก้

ทำเนียบ 15 มิ.ย.-นายกฯ ขออภัยเกิดปัญหาจัดสรรวัคซีน สั่งทุกหน่วยงานร่วมมือแก้ไข ปรับการจัดคิวรับวัคซีนสอดคล้องกับปริมาณในแต่ละรอบ ย้ำกลุ่มเลื่อน ใช้ลำดับเดิม ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงแนวทางการบริหารจัดการ และการฉีดวัคซีนที่กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และเริ่มคิกออฟ มาตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. เป็นต้นมาว่า จนถึงขณะนี้สามารถกระจายวัคซีนไปทั่วประเทศแล้ว มากกว่า 7 ล้านโดส และฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้วมากกว่า 6.5  ล้านโดส ซึ่งตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. นับมาหนึ่งสัปดาห์ สามารถฉีดวัคซีนได้ถึง 2 ล้านโดส ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการฉีดวัคซีน ดังนั้นทำให้เห็นได้ว่าเมื่อมีวัคซีนเข้ามาเพิ่มขึ้น ไทยก็จะฉีดวัคซีนได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน เจ้าหน้าที่ จิตอาสา ทุกจุดบริการ ที่ร่วมมือร่วมใจอย่างเต็มที่ ซึ่งได้รับคำชมเชยจากประชาชนผ่านมายังตนเอง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการที่ประชาชนได้รับข้อมูลจากข่าว หรือประกาศการเลื่อนฉีดวัคซีนออกไปจากโรงพยาบาลต่างๆ อาจทำให้เกิดความไม่สบายใจ และเกรงว่าภาครัฐจะจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอ หรือไม่ได้ประสานงานอย่างดีเพียงพอ ซึ่งตนรับทราบข้อมูลเหล่านี้มาตลอด และพยายามแก้ไขปัญหาเต็มที่ ยอมรับอย่างจริงใจว่าตนเองไม่สบายใจกับปัญหาเหล่านี้ ดังนั้นจึงมีการติดตามสั่งการ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกวันและต่อเนื่อง เพื่อต้องการให้ประชาชนได้รับประโยชน์และมีความสบายใจ ทั้งนี้ประเด็นสำคัญอยู่ที่วัคซีนที่จะทยอยเข้ามา ที่ต้องมีความสมดุลกับขีดความสามารถในการฉีดของแต่ละวัน รวมถึงต้องกำหนดระยะเวลาในการฉีดให้เหมาะสมกับปริมาณของวัคซีน เพราะหากฉีดจนวัคซีนหมด ก็จะเกิดปัญหาต้องหยุดฉีดวัคซีน ซึ่งทั้งหมดคือ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้หากมีวัคซีนเข้ามามาก ก็จะจัดสรรเพิ่มเติม ไปให้กับแต่ละจุด เพื่อให้ภาพรวมการฉีดวัคซีนปรับดีขึ้น อย่างต่อเนื่อง


นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า วาระแห่งชาติเรื่อง การฉีดวัคซีนนั้น แต่ละหน่วยงานมีบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ คงไม่ใช่สิ่งที่ตนเองรวบอำนาจการตัดสินใจไว้เพียงผู้เดียว โดย ศบค. เป็นองค์กรสูงสุด รับผิดชอบกำหนดนโยบายและหลักการ ในการจัดสรรวัคซีนให้กับแต่ละจังหวัด โดยแต่ละจังหวัดจะได้รับวัคซีนตามสัดส่วนของประชากร และเพิ่มเติมให้กับจังหวัดที่มีสถานการณ์ระบาด รวมถึงเพิ่มกลุ่มบุคคลที่มีความจำเป็นต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวการศึกษาและอื่นๆ , หน่วยงานหลักที่รับมอบนโยบาย คือกระทรวงสาธารณสุข ที่จะกำหนดว่าวัคซีนที่ได้รับในแต่ละรอบ จะจัดส่งในแต่ละจังหวัด เป็นจำนวนเท่าใด ตามหลักการการจัดสรร โดยจะจัดส่งวัคซีนในแต่ละรอบกระจายไปทั่วประเทศทันที โดยอาจใช้เวลาตรวจสอบในเรื่องความปลอดภัยบ้าง , ความรับผิดชอบของแต่ละจังหวัดและแต่ละพื้นที่ จะเป็นผู้กำหนดว่าโรงพยาบาลหรือจุดฉีดจะได้รับวัคซีนเป็นจำนวนเท่าใด และต้องคำนึงถึงช่วงเวลาที่จะได้รับวัคซีนในรอบถัดไป เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น เนื่องจากการได้รับวัคซีนจะมาเป็นรอบ ไม่ได้เข้ามาครั้งเดียว 6 ล้านโดส หรือ 10 ล้านโดส

“สูตรการจัดสรรวัคซีนโดยสรุปที่ผมได้กำหนดเป็นนโยบายไปคือ เมื่อวัคซีนเข้ามา กระทรวงสาธารณสุข ต้องเร่งตรวจสอบ และกระจายในทันที โดยไม่มีจังหวัดใด ที่ไม่ได้รับวัคซีนเพิ่มเติมในแต่ละรอบ ซึ่งอนาคตอาจยกเว้นในจังหวัดที่ได้ครบตามเป้าหมายแล้ว หรือบางจังหวัดที่ ศบค. พิจารณาว่า ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดในแต่ละพื้นที่ และจำนวนวัคซีนที่นำส่งขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านจำนวนประชากร จำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้จองผ่านช่องทางต่างๆ หรือกลุ่มเฉพาะอาชีพเสี่ยง และพื้นที่เศรษฐกิจ ที่เป็นต้นทุนด้านการส่งออกของประเทศ  ซึ่งหากจำนวนวัคซีนที่ได้คำนวณแล้วไม่เพียงพอต่อการฉีดในรอบนั้น ให้แต่ละจังหวัดและจุดฉีดต่างๆ พิจารณาฉีดให้กับผู้สูงอายุ และกลุ่มที่มีโรคเสี่ยงต่างๆ ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนแล้ว และหากมีความจำเป็นต้องชะลอการฉีดวัคซีนตามกำหนดเดิม ระหว่างรอการจัดส่งวัคซีน ต้องยึดลำดับการฉีดเดิมไว้ก่อน โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ และ เริ่มฉีดให้กับลำดับเดิมนั้นทันทีหลังจากได้รับวัคซีน ซึ่งเชื่อว่าทุกคนจะมีความเข้าใจตรงกันและดำเนินการตามนโยบายนี้ เพราะเป็นสิ่งที่มาจากมติที่ประชุมเกี่ยวกับการบริหารจัดการวัคซีน”นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าทุกฝ่ายพยายามดำเนินการ ทุ่มเท เพื่อให้บริการประชาชนอย่างดีที่สุด แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยที่ควบคุมได้ยาก เช่น การนำส่งวัคซีนที่ต้องใช้ระยะเวลา การผลิตและการตรวจสอบคุณภาพ เพราะไม่อาจกำหนดได้แน่นอนในทุกครั้ง ว่าจะได้รับวันใดเวลาใด เพราะจะได้รับวัคซีนเป็นรอบ เช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลกที่ต้องพบกับปัญหาในลักษณะนี้ ขณะที่ไทยยังมีข้อได้เปรียบ เพราะมี บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งผลิตวัคซีนของแอสตราเซนเนกาตั้งอยู่ในประเทศไทย ทำให้ง่ายต่อการจัดส่ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่บริษัทแอสตราเซนเนกา จะนำมาพิจารณาและขณะนี้ไทยถึงเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในอาเซียน โดยจะใช้ฐานของไทยจัดส่งวัคซีนในประเทศอาเซียนด้วย


นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อีกปัจจัยคือการปรับแผนการฉีดวัคซีน จากสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้น ซึ่งเปิดให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้รับการฉีดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด อีกส่วนเพื่อผลทางเศรษฐกิจ ลดการปิดกิจการโรงงาน เพื่อให้ภาคการผลิตเดินต่อ ทำให้อาจไปกระทบกับผู้ที่ลงทะเบียนไว้บางส่วน ทั้งนี้การแก้ปัญหาโควิด-19 มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการประสานงานบ้าง โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงาน ต้องพยายามแก้ไขปรับปรุง การทำงานตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างการรับรู้ให้เกิดความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งตนในฐานะนายกรัฐมนตรี และ ผอ. ศบค. ที่รับผิดชอบการแก้ไขสถานการณ์ครั้งนี้ ต้องขออภัย ต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และขอรับผิดชอบแก้ไขปัญหาทั้งหมด ซึ่งย้ำว่าได้ทำมาอย่างต่อเนื่องในทุกเวลา ทุกคนต้องร่วมมือกันให้การทำงานประสบความสำเร็จเพื่ออนาคตของชาติ ซึ่งอุปสรรคอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะที่ทั่วโลกมีวัคซีนจำนวนจำกัด แต่รัฐบาลก็ได้วางแผนล่วงหน้า ทำให้มั่นใจว่าจะได้รับวัคซีนอย่างต่อเนื่อง และมีปริมาณมากขึ้นตามลำดับที่มาจากหลายแหล่ง จึงย้ำว่า รัฐบาลจะจัดหาวัคซีนให้เพียงพอกับประชาชนทุกคน ซึ่งขณะนี้จะทำได้ตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส สำหรับประชาชน 50 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 70 ของทั้งประเทศภายในสิ้นปีนี้ พร้อมเตรียมการไว้สำหรับปีหน้า หากได้รับวัคซีนเพิ่มเติมก็จะมีการฉีดให้ประชาชนเพิ่มเติม ให้เป็นสัดส่วนร้อยละ 80-90 ของประชาชน นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่าทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่เกิดการทุจริต โดยเชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพ ของทุกคนและความทุ่มเทของบุคลากรทุกคน จะทำให้ไทยชนะสงครามโควิดไปด้วยกันอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]