โตเกียว 23 ก.ค. – นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น ปฏิเสธข่าวที่ปรากฏในสื่อต่างๆ ในวันนี้ที่ว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่ง หลังจากพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพี ของเขาพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
นายอิชิบะ ผู้นำญี่ปุ่น วัย 68 ปี กล่าวว่า รายงานข่าวจากสื่อที่ระบุว่าเขาตัดสินใจลาออกแล้วนั้นไม่มีมูลความจริงโดยสิ้นเชิง
แหล่งข่าววงในใกล้ชิดกับนายอิชิบะ กล่าวว่า นายอิชิบะเลือกที่จะไม่ลาออกทันทีหลังการเลือกตั้ง เพื่อป้องกันมิให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมือง ในขณะที่ใกล้ถึงกำหนดเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคมสำหรับการสรุปข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ โดยล่าสุดนายอิชิบะ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้เปิดเผยข้อตกลงการค้าที่จะลดภาษีนำเข้ารถยนต์ญี่ปุ่นและยกเลิกภาษีใหม่ที่เข้มงวดสำหรับสินค้าอื่นๆ ของญี่ปุ่น เหลือร้อยละ 15 จากเดิมที่ร้อยละ 25
ก่อนหน้านี้ สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า นายอิชิบะจะประกาศเรื่องการลาออกจากตำแหน่งภายในเดือนหน้า ซึ่งหากเขาลาออกจริง ก็จะเป็นการพ้นจากตำแหน่งหลังจากเข้าบริหารประเทศได้ไม่ถึง 1 ปี และจะเป็นการเริ่มต้นการช่วงชิงตำแหน่งผู้นำภายในพรรคเสรีประชาธิปไตย ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายจากพรรคการเมืองใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากฝ่ายขวา ที่กำลังแย่งชิงฐานเสียงสนับสนุนของพรรคไป
หนึ่งในนั้นคือกลุ่มขวาจัด “ญี่ปุ่นต้องมาก่อน” (Japanese First) หรือ ซันเซโตะ (Sanseito) ซึ่งได้รับคะแนนเสียงอย่างล้นหลามในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้จำนวนเก้าอี้ในสภาสูงที่มี 248 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นจาก 1 ที่นั่ง เป็น 14 ที่นั่ง พรรคนี้ได้คะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วยคำมั่นสัญญาที่จะจำกัดการย้ายถิ่นฐาน ลดภาษี และให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น
สำหรับนายอิชิบะนั้นเอาชนะ ซานาเอะ ทาไกชิ (Sanae Takaichi) นักอนุรักษ์นิยมสายแข็งในการเลือกตั้งผู้นำพรรคเมื่อปีที่แล้ว และไม่ว่าใครจะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าพรรคแอลดีพี จะต้องบริหารประเทศโดยไม่มีเสียงข้างมากในทั้ง 2 สภา เพราะพรรครัฐบาลก็พ่ายแพ้การเลือกตั้งสภาล่างเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สิ่งสำคัญเร่งด่วนอันดับแรกของผู้นำคนใหม่คือการขอเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภานิติบัญญัติของพรรคฝ่ายค้าน เพื่อให้ได้รับคะแนนเสียงมากพอในการยืนยันในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แหล่งข่าวกล่าวว่า ผู้นำญี่ปุ่นคนใหม่ไม่น่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในทันที แต่จะรอเรียกคะแนนนิยมก่อนที่จะจัดการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อให้ได้รับอาณัติอย่างเป็นทางการจากผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในการบริหารประเทศ.-813.-สำนักข่าวไทย