พรรคเพื่อไทย 1 มี.ค.-พรรคเพื่อไทย เสนอยุทธศาสตร์ Covid Safe Food ยกระดับเพิ่มมูลค่าผลิตผลเกษตรสู่อาหารปลอดภัย พลิกวิกฤตโควิดเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรไทยขยายการส่งออกสู่ตลาดโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยได้จัดเสวนาแนวทางการพัฒนานโยบาย Covid Safe Food เพื่อระดมความคิดในการ ยกระดับสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมอาหารไทยส่งเสริมความเชื่อมั่นและขยายการส่งออกในระดับโลก
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่ปรึกษาแพลตฟอร์ม Think เพื่อไทย เปิดเผยถึงแนวทางการพัฒนานโยบาย Covid safe Food โดยทีมคิดเพื่อไทยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด โ€“ 19 ทั่วโลก ในขณะนี้ หลายประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤติการณ์ปนเปื้อนเชื้อไวรัส กระทั่งมีการปิดโรงงานอาหารในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ผู้บริโภคส่วนใหญ่เกิดความไม่มั่นใจในการเลือกรับประทานอาหาร พรรคเพื่อไทย จึงมองเห็นโอกาสในวิกฤติครั้งนี้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรไทย โดยเล็งเห็นความสำคัญของประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเกษตรกรรม ที่สามารถผลิตอาหารและส่งออกไปทั่วโลกมาเป็นเวลานานจนได้รับการยอมรับว่าเป็นครัวของโลก อีกทั้งอาหารไทยก็เป็นที่นิยมและชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างไม่เคยเสื่อมคลาย ซึ่งนำมาสู่ยุทธศาสตร์สำคัญในการยกระดับผลิตผลทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัยจากการปนเปื้อนของไวรัสโควิด-19 และการพัฒนานโยบาย Covid safe Food ให้สามารถส่งออกผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหารของไทยไปได้ทั่วโลก ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร
ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และประธานนโยบายการเกษตรพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า Covid Safe Food มีเป้าหมายที่จะยกระดับผลิตผลเกษตรสู่การเป็นอาหารปลอดภัยระดับโลก เบื้องต้นเลือกใช้เทคโนโลยีเยือกแข็งในการถนอมอาหารกับ พืช ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ข้าว เส้น ที่อยู่ในแหล่งผลิตในจังหวัดต่างๆ ให้เข้าสู่กระบวนการถนอมอาหารตั้งแต่ต้นทาง รวมถึงสนับสนุนเชฟไทย ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการอาหาร Street Food ผลิต Street Food ซอส ด้วยเทคโนโลยีเยือกแข็ง ทำให้ผู้บริโภคหรือร้านอาหารสามารถเลือกซื้อวัตถุดิบแยกส่วนประเภทต่างๆ จากแหล่งผลิตได้โดยตรง หรือบนแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อไม่ให้เกิดการปนเปื้อนของไวรัสโควิด-19 ในเส้นทางการผลิตอาหารตั้งแต่ต้นทางจนถึงผู้บริโภคปลายทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งภายใต้แนวคิดการใช้เทคโนโลยีเยือกแข็งนั้นจะทำให้เกษตรกรสามารถเก็บรักษาผลผลิตได้ยาวนานมากขึ้นและสามารถนำไปจำหน่ายในช่วงที่ผลผลิตขาดแคลน ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันราคาวัตถุดิบจะไม่ปรับตัวขึ้นสูงมากในระหว่างปีอีกด้วย
นพ.บัญชา แดงเนียม เลขาธิการสมาคมเซลล์บำบัดไทย ระบุว่า กระบวนการเยือกแข็งที่นำมาใช้สามารถยืดอายุการเก็บรักษาอาหารได้ยาวนานโดยไม่ต้องใช้สารกันบูด ผงชูรส หรือสารเคมีใดๆ และจะสามารถรักษาคุณค่าทางอาหารให้ยังคงอยู่มากกว่าร้อยละ 90 อีกทั้งยังสามารถพัฒนาเป็นอาหารเพื่อส่งเสริมสุขภาพตามกรุ๊ปเลือด เพิ่มภูมิต้านทาน ลดปัญหาเรื่องภูมิแพ้ ที่เป็นปัญหาของคนไทยส่วนใหญ่ในปัจจุบัน อาหารจะคงความสดใหม่ อร่อยเหมือนเพิ่งปรุงเสร็จจริง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานนี้ เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟกระทะเหล็ก ระดับมิชลินสตาร์ สองดาว ซึ่งเป็นทูตอาหารเพื่อความยั่งยืน ขององค์การสหประชาชาติ ได้สาธิตการประกอบอาหารจากผลิตภัณฑ์แช่แข็งจากวัตถุดิบในประเทศไทย ที่สามารถรักษาความสดและอร่อยเหมือนเพิ่งปรุงเสร็จใหม่ เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมความนิยมการใช้วัตถุดิบจากเกษตรกรไทยไปยังผู้บริโภคทั่วโลก พร้อมกันนี้ยังมีการนำเสนอความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเกี่ยวกับอาหารด้านต่างๆด้วย. สำนักข่าวไทย