รัฐสภา 28 ม.ค.-“กนก” มองรัฐล้มเหลวใช้เงินกู้ฟื้นเศรษฐกิจจากพิษโควิด-19 ทำได้แค่ประคองสถานการณ์ ไม่กล้าเยียวยา เพราะกลัวโรคระบาดซ้ำแล้วไม่มีเงินสู้ ระบุการระวังด้านหนึ่งเป็นเรื่องดี แต่อีกด้านหนึ่งอาจกลายเป็นกับดัก อาจถูกมองช่วยแต่นายทุน
นายกนก วงษ์ตระหง่าน รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้เงินกู้จาก พ.ร.ก. 3 ฉบับ กล่าวว่ารู้สึกเป็นห่วงเกี่ยวกับการใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนดสามฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาทที่ยังไม่เข้าเป้าและเบิกจ่ายล่าช้า อีกทั้งเห็นว่าใช้เงินก้อนนี้ประคองสถานการณ์ผลกระทบจาก covid-19 มากกว่าการแก้ปัญหาตามเป้าหมายที่วางไว้ จะเห็นได้ว่าเงินกู้ 4แสนล้านบาท ใช้ไปเพียงแสนกว่าล้านบาทเพื่อการเยียวยาและช่วยเหลือประชาชนจำนวนหนึ่งเท่านั้น แทนที่จะใช้เชิงรุกเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศตามที่รัฐบาลแถลงไว้กับรัฐสภา อาจกล่าวได้ว่า “ล้มเหลว” ในการใช้เงินกู้เพื่อฉุดเศรษฐกิจขึ้น เพราะยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นายกนก กล่าวว่า ส่วนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 5 แสนล้านบาทเพื่อช่วยเหลือ SME ใช้ไม่ถึง 2แสน ล้านบาทกับลูกค้า SME ที่เป็นลูกค้าชั้นดีเดิมของธนาคารพาณิชย์เท่านั้น ทำให้ SME โดยเฉพาะ Micro SME ที่เข้าไม่ถึงระบบธนาคารที่มีจำนวนกว่าร้อยละ 80 ของจำนวน SME ทั้งประเทศจนถึงร้านค้าขนาดเล็ก ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน ทั้งที่ได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส โดยคาดการณ์ว่าจำนวนครึ่งหนึ่งของคนกลุ่มนี้ต้องหยุดกิจการไปแล้ว แตกต่างจากมาตรการช่วยเหลือกิจการขนาดใหญ่ เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท กลับไม่เห็นปัญหาใด ๆ เลย จึงอยากให้เร่งปรับปรุง แก้ไข ไม่ให้เกิดความรู้สึกว่ามาตรการช่วยคนรวยเดินหน้าฉลุย แต่มาตรการช่วยธุรกิจรายเล็กรายน้อย เต็มไปด้วยเงื่อนไขและความติดขัด ซึ่งจะนำไปสู่การที่รัฐบาลถูกโจมตีได้ว่าเอื้อทุนมากกว่าช่วยชาวบ้าน
“ผมคิดว่าส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหา แต่รัฐบาลไม่กล้าพูดออกมา คือ รัฐบาลไม่กล้าใช้เงิน เพราะกลัวว่าการระบาดของ covid 19 อาจกลับมาได้ทุกเมื่อ ถ้าถึงวันนั้นรัฐบาลอาจมีเงินไม่มากพอที่จะรับวิกฤติที่จะเกิดขึ้น เห็นได้จากรัฐบาลไม่กล้าประกาศปิดกิจการหรือประกาศล็อกดาวน์ เพราะกลัวต้องใช้เงินเข้าไปเยียวยาเพิ่มเติม การระมัดระวังด้านหนึ่งเป็นเรื่องดี แต่ในอีกด้านหนึ่งอาจกลายเป็นกับดัก ที่ทำให้การช่วยเหลือเข้าไม่ถึงกลุ่มคนที่เดือดร้อนอย่างแท้จริง” นายกนก กล่าว.-สำนักข่าวไทย