เดินหน้าพัฒนาชุมชน “ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล”

กรุงเทพฯ 13 ม.ค.-อธิบดีพช.เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ “ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล” ย้ำทุกจังหวัดต้องต่อเนื่อง โปร่งใส ยึดอุดมการณ์พัฒนาชุมชน สร้างสุขให้ประชาชนยั่งยืน


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานประชุมขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ “ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล” โดยมีนางวิไลวรรณ ไกรโสดา นายนิวัติ น้อยผาง นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายธนวัฒน์ ปิ่นแก้ว ผู้อำนวยการสถาบันการพัฒนาชุมชน น.ส.นิภา ทองก้อน ผู้อำนวยการสำนักเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน นางชยาณี มัจฉาเดช ผู้อำนวยการกองคลัง นายนพรัตน์ ธำรงทรัพย์ ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ และน.ส.มนทิรา เข็มทอง ผู้อำนวยการกลุ่มงานประสานแผนและยุทธศาสตร์ สำนักเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน ร่วมประชุมผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกล (Video Conference) ไปยังสำนักงานพัฒนาชุมชนทุกจังหวัด ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชน 11 แห่ง ณ ห้องวอร์รูม ชั้น 5 กรมการพัฒนาชุมชน อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550

อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานและพระราชหฤทัยอันแน่วแน่ทรงงานเพื่อจะสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและแนวพระราชดำริต่าง ๆ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงนำแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่พัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของพสกนิกร สะท้อนจากโครงการตามพระราชดำริ อาทิ พระราชดำรัสให้ก่อตั้งศูนย์ฝึกศาสตร์พระราชา ภายในบริเวณพื้นที่ของกรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กรักษาพระองค์ โครงการ โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์ ทรงชื่นชมและพระราชทานกำลังใจผ่านภาพวาดฝีพระหัตถ์ “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” แก่พสกนิกรชาวไทยและกรมการพัฒนาชุมชน


“การดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ “ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล” จึงถือเป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำคัญในการสนองงานตามพระราชปณิธาน สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้น ซึ่งเต็มไปด้วยความคาดหวังจากหลากหลายฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือรัฐบาลที่อนุมัติงบประมาณกว่า 4700 ล้านบาทภายใต้งบเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และงบประมาณในปี 2564 ซึ่งเป็นต้นทุนที่พวกเรา กรมการพัฒนาชุมชนต้องร่วมกับขับเคลื่อนให้สำเร็จเป็นจริง คุ้มค่าตามที่ได้รับความไว้วางใจ” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ความคาดหวังจากประชาชน ภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคีที่เต็มใจเข้าร่วมโครงการ ด้วยหวังจะร่วมก่อให้เกิดสิ่งที่ดีในชีวิต สังคม และเศรษฐกิจ ทุกความคาดหวังจึงเป็นเป้าประสงค์ที่ต้องบรรลุถึง ซึ่งนัยสำคัญของโครงการนี้คือการพัฒนาคุณภาพชีวิต ทุกภาคส่วนแม้แต่ข้าราชการของกรมการพัฒนาชุมชนเองต้องได้รับการพัฒนาและเข้าใจอย่างถ่องแท้ในการน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ให้เกิดพื้นที่ต้นแบบตามหลักกสิกรรมธรรมชาติและภูมิสังคม สอดรับกับภารกิจการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง ยั่งยืน การดำเนินงานตามโครงการนี้จึงเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ เกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก การติดต่อสื่อสารกันอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนบูรณาการองค์ความรู้และสร้างความโปร่งใสให้เกิดขึ้น

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชนให้ความสำคัญกับนักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ โดยจะขยายสัญญาจ้างจากระยะ 9 เดือน เป็น 12 เดือนหรือ 1 ปี ขณะนี้มีแนวทางพยายามให้เกิดสวัสดิการคุ้มครองช่วยเหลือด้านความปลอดภัยในชีวิตสำหรับนักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบที่ยังไม่ผ่านการฝึกอบรมเพิ่มทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง รูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล ด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ที่ทำให้ต้องปรับแผนการอบรม จึงขอให้ทุกจังหวัดที่ยังสามารถดำเนินการได้ มีแผนการฝึกอบรมที่เหมาะสม อาทิ การปรับลดกลุ่มเป้าหมาย ใช้มาตรฐาน SHA หรือมาตรการของ ศบค.โดยเคร่งครัด ขณะนี้จังหวัด อำเภอ ต้องเป็นพี่เลี้ยงคอยกำชับถึงบทบาทภารกิจของนักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ ส่งเสริมให้พวกเขารู้จริงทำจริง Learning by Doing และต้องให้พวกเขาแสดงความรู้ความเข้าใจออกมาในเชิงประจักษ์ด้วยการจัดทำแผนการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ และง่ายที่สุดคือการส่งเสริมให้ลงมือปลูกพืชผักสวนครัว ซึ่งจะสร้างคุณประโยชน์ 2 ทาง คือ การปลูกเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร และเพาะปลูกเพื่อขยายพันธุ์พืช ต่อไป


“ในส่วนของการจัดหาครุภัณฑ์หรือวัสดุทางการเกษตรที่ใช้ในการดำเนินโครงการ ขอกำชับให้ทุกจังหวัดส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นชุมชนให้มากที่สุด โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดกลางถึงขนาดย่อมในท้องถิ่นเป็นลำดับแรก โดยประชาชนต้องได้รับประโยชน์สูงสุด ขอให้ช่วยกันมุ่งมั่น ทุ่มเท เอาใจใส่ ไม่ยึดหรือถือเอาความเป็นราชการในตัวจนเกินไป ดำเนินการทุกอย่างโดยรอบคอบ ศึกษา ยึดระเบียบ กฎหมายให้เกิดความโปร่งใสในทุกกระบวนการอย่างสูงสุด การประชุมครั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจ เน้นย้ำทบทวนรายละเอียด ติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนโครงการของทุกจังหวัด เพื่อถอดบทเรียน ต่อยอด สร้างผลสัมฤทธิ์ให้เกิดแก่พี่น้องประชาชน” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าว
นายพิเชฐ โสวิทยสกุล ที่ปรึกษาอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่รุนแรงเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่ในประเทศไทย ส่งผลให้ต้องปรับแนวทางการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ให้ดำเนินการในห้วงเดือนพฤศจิกายน 2563 – พฤศจิกายน 2564 ซึ่งได้นำเสนอต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา

“แม้ว่าห้วงเวลาของทั้ง 7 กิจกรรมจะได้รับการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ แต่ต้องคงหลักการวัตถุประสงค์เพื่อลงทุนและส่งเสริมการพัฒนาพลิกฟื้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ชุมชน ผ่านการสร้างพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบและพื้นที่เรียนรู้ครัวเรือนต้นแบบ สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร แรงงาน และบัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับภูมิลำเนา สร้างและส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนพัฒนายกระดับมุ่งไปสู่การจัดตั้งบริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคมในระดับตำบล” นายพิเชฐ กล่าว

นายพิเชษฐ กล่าวว่า ขอเน้นย้ำว่าการดำเนินงานในแต่ละกิจกรรมทั้ง 7 ต้องเป็นไปตามลำดับขั้น อย่าข้ามขั้นตอน ยกเว้นการดำเนินการในกิจกรรมที่ 2 คือ การสร้างพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบล (CLM) และระดับครัวเรือน (HLM) ที่ให้ครัวเรือน ตำบลดำเนินการไปก่อนได้ เนื่องจากตามแนวทางเดิม การปรับปรุงพื้นที่ต้นแบบตัวแทนครัวเรือน และตำบล ต้องผ่านการฝึกอบรมเพิ่มทักษะระยะสั้น การพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง รูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล ระยะเวลา 5 วัน 4 คืน ตามลำดับกิจกรรมที่ 1 ก่อน แต่เพื่อเป็นการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโคโรนา 2019 (COVID-19) การฝึกอบรมจึงต้องปรับแนวทาง หรือเลื่อน เพื่อให้ไม่กระทบต่อการปรับปรุงพื้นที่ที่ต้องดำเนินการตามแบบอย่างรอบคอบ

“การดำเนินการในกิจกรรมที่ 2 ยังเกี่ยวข้องกับฤดูกาลที่อาจเป็นอุปสรรค จึงสามารถดำเนินการไปก่อนในห้วงเดือนธันวาคม 2563-พฤษภาคม 2564 เพื่อให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝนในเดือนมีนาคม ซึ่งการสร้างพื้นที่ต้นแบบ กรมการพัฒนาชุมชนร่วมกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ในการพัฒนา Platform และฐานข้อมูลของ 337 แปลง พื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบล (CLM) เพื่อเป็นการวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังการดำเนินการในบริบท โคก หนอง นา โมเดล” นายพิเชษฐ กล่าว

นางวรวรรณ โรจนไพบูลย์ ที่ปรึกษาอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า กลไกหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ “ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล” คือ นักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ (นพต.) ที่คาดหวังให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ แก่เกษตรกร แรงงาน และบัณฑิตจบใหม่ โดยให้คนเหล่านี้เรียนรู้และน้อมนำองค์ความรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ นำไปใช้จริงให้เกิดรูปธรรม ทั้งในพื้นที่ต้นแบบและในชีวิตต่อไป จึงไม่ได้มองว่าคนกลุ่มนี้อยู่ในฐานะลูกจ้างหรือคนงาน แต่เป็นผู้มีอุดมการณ์ในการพัฒนา จึงขอฝากให้ทุกจังหวัด ทุกอำเภอร่วมดูแล กระตุ้น สื่อสารให้คนกลุ่มนี้ใช้ความรู้ความสามารถดำเนินการร่วมกับครัวเรือน ตำบลอย่างแท้จริง ตามภารกิจตามความตั้งใจ ซึ่งนอกจากการให้นพต.เหล่านี้ร่วมคิด ร่วมทำ ในพื้นที่ของพวกเขาแล้วควรนำพวกเขาศึกษา เรียนรู้ในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย เพราะในอนาคตคนเหล่านี้ที่จะอาสามาเป็นเพื่อนคู่คิดกับพัฒนากร ต่อยอดงานพัฒนาชุมชนต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย