กมธ.ศึกษาแก้รธน. เสนอตั้งส.ส.ร.ร่างรธน.ใหม่

รัฐสภา 10 ก.ย.- กรรมาธิการศึกษาแก้ รธน. แถลงผลศึกษาต่อสภาฯ เสนอตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ยกเว้นหมวด 1-2 รื้อระบบเลือกตั้งกลับไปใช้แบบปี 40 เลิกเสนอชื่อนายกฯ ก่อนการเลือกตั้ง ให้สภาฯ ตรวจสอบศาลรัฐธรรมนูญและองค์อิสระได้ คืนอำนาจถอดถอนนักการเมืองให้ ส.ว.


การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ที่ประชุมได้พิจารณารายงานการศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญของกรรมาธิการชุดที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่สภาฯตั้งขึ้นร่วมกัน และใช้เวลาถึง 8 เดือนในการศึกษา นายพีระพันธุ์ เปิดเผยว่า กรรมาธิการเห็นว่าหมวด 1 และหมวด 2 เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีอะไรต้องแก้ไข แต่ในหมวดอื่น ๆ มีผลการศึกษาดังนี้

หมวดที่ 3 ที่เกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย เห็นว่ามีหลายมาตรามากที่จำเป็นจะต้องแก้ไขใหม่ โดยเฉพาะมาตรา 25 ถึงมาตรา 49 ซึ่งการแก้ไขจะยึดรัฐธรรมนูญฉบับในอดีตเป็นฐาน โดยเฉพาะฉบับปี 2540 และฉบับปี 2550 เพราะมีการบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพไว้มากกว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เพราะบางมาตราในปัจจุบันบัญญัติไว้กว้างสามารถตีความให้สามารถจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้


หมวดที่ 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทย กรรมาธิการเห็นว่าจำเป็นต้องทบทวนใหม่เช่นกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าเรื่องใดควรเป็นหน้าที่และเรื่องใดควรเป็นสิทธิ เพราะบางเรื่องเป็นเรื่องของสิทธิมากกว่าหน้าที่

หมวดที่ 5 หน้าที่ของรัฐที่ควรกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบให้ชัดเจน เพรารัฐธรรมนูญกำหนดเพียงว่ารัฐเป็นหน้าที่ แต่ไม่ได้กำหนดว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ และควรเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีอำนาจในการควบคุมการใช้อำนาจรัฐให้ได้มากยิ่งขึ้น

หมวดที่ 6 เรื่องแนวนโยบายแห่งรัฐ เห็นว่าควรปรับปรุงให้เรื่องนโยบายเป็นอิสระของคณะรัฐมนตรี โดยไม่ควรบัญญัติให้บังคับไว้ในรัฐธรรมนูญ และควรปรับลดระยะเวลาตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีลง และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในกรรมการยุทธศาสตร์ชาติมากขึ้น และที่สำคัญต้องกำหนดให้ชัดเจนว่านโยบายแห่งรัฐจะต้องเอื้อประโยชน์หรือเกิดการผูกขาดให้กับกลุ่มทุน


หมวดที่ 7 รัฐสภา กรรมาธิการเห็นว่าควรกลับไปใช้ระบบเลือกตั้งแบบ 2 ระบบ คือระบบแบ่งเขต และระบบบัญชีและรายชื่อ และใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบเหมือนเดิม และยกเลิกการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง ในส่วนวุฒิสภา ให้กลับมามีอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเหมือนเดิม และสามารถถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ และผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงได้ เพื่อป้องกันการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนที่มาของ ส.ว.ให้กำหนดวิธีการเลือกกันเองให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

หมวดที่ 8 คณะรัฐมนตรี กรรมาธิการเห็นตรงกันว่าคณะรัฐมนตรีจะต้องไม่เป็น ส.ส.ในเวลาเดียวกัน และกำหนดคุณสมบัติเกี่ยวกับการถือครองหุ้นสื่อให้ชัดเจน

หมวดที่ 9 การขัดกันแห่งผลประโยชน์ กรณีห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถือหุ้นในบริษัทสัมปทานของรัฐนั้น กรรมาธิการเห็นว่าไม่ควรรวมถึงการถือหุ้นในลักษณะลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ใช่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่จะไปมีสิทธิในการบริหาร

หมวดที่ 10 เกี่ยวกับศาล กรรมาธิการเห็นว่าควรให้มีการตรวจสอบการใช้อำนาจของผู้พิพากษา ตุลาการในการพิจารณาคดี ในคดีที่ขัดต่อความรู้สึกของประชาชน ที่คำพิพากษาอาจถูกแทรกแซงจากปัจจัยภายนอกได้ และให้อำนาจสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบถ่วงดุลการใช้ดุลพินิจของผู้พิพากษาได้ และผู้พิพากษาหรือข้าราชการในศาลยุติธรรมไม่ควรมีตำแหน่งในหน่วยงานหรือองค์กรอื่นของรัฐ และไม่ควรไปเข้าเรียนในหลักสูตรต่าง ๆ ที่เป็นการเปิดโอกาสสร้างคอนเนคชั่นจนกระทบต่อความเชื่อมั่นได้ ส่วนศาลทหารให้เป็นศาลที่พิจารณาเฉพาะคดีของทหารเท่านั้น

หมวดที่ 11 ศาลรัฐธรรมนูญ กรรมาธิการเห็นว่า ควรกำหนดขอบเขตการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญโดยให้รัฐสภามีอำนาจถ่วงดุลตรวจสอบการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญได

หมวดที่ 12 องค์กรอิสระ กรรมาธิการเห็นว่าควรกำหนดกรอบการใช้ดุลพินิจของกรรมการในองค์กรอิสระและให้องค์กรอิสระสามารถถูกตรวจสอบโดยศาลได้ และให้สภาผู้แทนราษฎรมีบทบาทในการตรวจสอบองค์กรอิสระ และให้ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำวินิจฉัยของ กกต.ได้ กกต.ไม่ควรมีอำนาจวินิจฉัยตัดสิทธิ์ลงสมัครเลือกตั้ง แต่ควรเป็นอำนาจศาลฎีกาแผนกเลือกตั้งแทน ส่วน ป.ป.ช.ควรกำหนดให้การชี้มูลความผิดต้องเป็นกรณีที่ปรากฏพยานหลักฐานอย่างแน่ชัด ว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดไม่ใช่ชี้มูลจากคำว่า เชื่อได้ว่า

หมวดที่ 13 องค์กรอัยการ กรรมาธิการเห็นว่าควรมีกลไกในการควบคุมการใช้อำนาจของอัยการ และห้ามมอบอำนาจในการใช้ดุลพินิจสั่งคดีอย่างกรณีที่เกิดขึ้นในคดี บอส อยู่วิทยา และควรห้ามอัยการไม่ให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอื่นของรัฐ หรือไปเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้บริษัทต่าง ๆ

นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงหมวดการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 กรรมาธิการเห็นด้วยให้ยกเลิกการให้ ส.ว.ร่วมเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยเสียง 1 ใน 3 และให้ใช้เสียงข้างมากในที่ประชุมร่วมรัฐสภาแทน เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 และให้ยกเลิกเงื่อนไขที่ต้องให้ ส.ส.จากพรรคซึ่งไม่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หรือ ประธานสภาต้องเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 และให้ยกเลิกการทำประชามติในหมวดที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามทางการเมือง หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระ

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ให้ตัดหมวดการปฏิรูปประเทศออกจากรัฐธรรมนูญ เพราะไม่สามารถปฏิบัติได้จริง และการที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ยิ่งทำให้เกิดความล่าช้า จึงควรให้ไปบัญญัติในกฎหมายลำดับรองแทน เพราะจนถึงขณะนี้การปฏิรูปยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญจนไม่สามารถปฏิรูปได้จริง ส่วนเนื้อหาในหมวดเฉพาะของรัฐธรรมนูญ กรรมาธิการเห็นควรให้ปรับปรุง 2 แนวทาง คือ ให้ยกเลิก ส.ว.ที่มาตามบทเฉพาะกาล และให้มีวุฒิสภามาตามบทบัญญัติหลักของรัฐธรรมนูญแทน หรือให้ ส.ว.ชุดปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนครบวาระ แต่ตัดอำนาจในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า อำนาจ ส.ว.ตามมาตรา 272 ที่ให้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี กรรมาธิการมีความเห็นเป็น 2 แนวทางคือ 1 ให้ตัดอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรีออกทั้งหมดเพื่อให้เป็นอำนาจ ส.ส.เพียงสภาเดียวในการเลือกนายกรัฐมนตรี หรือ 2 ไม่จำเป็นต้องแก้ไขมาตรา 272 เพราะมาตรานี้เป็นบทบัญญัติที่บังคับไว้เพียงชั่วคราวและได้ใช้บังคับในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีไปแล้ว นอกจากนี้กรรมาธิการยังเห็นชอบว่า ควรยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาแทนการแก้ไขรายมาตรา โดยให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)ขึ้นมาทำหน้าที่ในการยกร่าง ยกเว้นการร่างหมวด 1 และหมวด 2 และให้จัดทำประชามติก่อนนำขึ้นทูลเกล้าประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

จากนั้นที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปราย ส.ส.พรรคก้าวไกลส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่กรรมาธิการมีแนวทางไม่แก้ไขหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2 เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ขณะที่นายพีระพันธุ์ ชี้แจงว่า ไม่มีกรรมาธิการคนใดเสนอประเด็นที่ต้องแก้ไขในทั้ง 2 หมวด โดยกรรมาธิการมีตัวแทนจากทุกพรรครวมถึงพรรคก้าวไกลด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เมียติด GPS รถผัว ตามง้อถึงบ้าน ฝ่ายชายเมิน ยิงดับ

ภรรยาติด GPS รถสามี ตามง้อไม่สำเร็จ ซัดด้วยลูกโม่ตายคาใต้ถุนบ้าน คาดปมทะเลาะหึงหวง คิดจบชีวิตตัวเองตาม แต่พ่อสามียึดปืนไว้ทัน

ครูสูญเงิน 1.2 ล้านบาท มิจฉาชีพหลอกเป็นที่ดิน-จนท.ธนาคาร

ครูสาวชาวอุบลราชธานี ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นหน่วยงานราชการ และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ใช้เบอร์ธนาคารโทรหาจึงหลงเชื่อ สูญเงินกว่า 1.2 ล้านบาท

สุราษฎร์ฯ คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงท่วมบ้าน-รีสอร์ต

ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงซัดบ้านพัก-รีสอร์ต อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พังเสียหาย 4 หลัง เตือนเรือประมงงดออกจากฝั่ง

New threats in Los Angeles as wildfire switches direction

ไฟป่าแอลเอเปลี่ยนทิศสร้างปัญหาใหม่

ลอสแอนเจลิส 12 ม.ค.- รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเกิดภัยคุกคามใหม่วานนี้ เมื่อไฟป่าที่โหมไหม้เผาหลายพื้นที่ทั่วเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอเคาน์ตี้ได้เปลี่ยนทิศทาง ทำให้ต้องสั่งอพยพประชาชนเพิ่มเติม และกลายเป็นปัญหาท้าทายใหม่สำหรับทีมนักดับเพลิง พื้นที่เขตแคลิฟอร์เนียใต้เผชิญไฟป่ามาตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม โดยเกิดไฟป่าพร้อมกัน 6 จุดทั่วแอลเอเคาน์ตี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 คน  ผู้สูญหาย 13 คน  บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างเสียหายหรือถูกทำลายรวมแล้วกว่า 10,000 หลัง คาดว่าความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยได้อย่างละเอียด ขณะนี้ยังคงมีประชาชน 153,000 คนอยู่ภายใต้คำสั่งอพยพ และอีก 166,800 คน เสี่ยงต้องอพยพเนื่องจากมีการประกาศเคอร์ฟิวในทุกพื้นที่ที่มีการอพยพประชาชนหนีไฟป่า ขณะเดียวกันเครื่องบินกองทัพอากาศของเม็กซิโกได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเมื่อวานนี้ เพื่อนำทีมบุคคลากร 74 คนจากกองทัพบกและคณะกรรมาธิการป่าไม้แห่งชาติ ไปช่วยปฏิบัติการดับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ลามไม่หยุดทั่วเขตแคลิฟอร์เนียใต้ ภารกิจด้านมนุษยธรรมดังกล่าวครอบคลุมทั้งปฏิบัติการดับไฟป่าและปกป้องพลเรือน ขณะที่กงสุลเม็กซิโกในเมืองแอลเอประกาศไม่ปิดทำการและเสนอให้ที่พักพิงกับผู้ประสบภัยชาวเม็กซิโก ไม่ว่าจะมีสถานะเป็นผู้อพยพหรือไม่ ปัจจุบันมีชาวเม็กซิโกหรือลูกหลานชาวเม็กซิโกอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียคิดเป็นเกือบร้อยละ 30 ของประชากรทั้งรัฐ.-820(814).-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กล้อง CCTV จับภาพผู้ต้องสงสัย 2 ราย ก่อเหตุ จยย.บอมบ์

กล้อง CCTV จับภาพผู้ต้องสงสัย 2 ราย คาดเป็นคนร้ายก่อเหตุ จยย.บอมบ์ ปัตตานี มีผู้บาดเจ็บ 10 ราย ทั้งเจ้าหน้าที่ อส. ตำรวจ และชาวมาเลเซีย

พิธีสืบพระชะตาหลวง

รัฐบาลจัดยิ่งใหญ่ พิธีสืบพระชะตาหลวง เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล

รัฐบาลจัดพิธีสืบพระชะตาหลวงและพิธีแห่ไม้ค้ำโพธิ์หลวง อย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล

เรือใบคาตามารันพร้อม 38 ชีวิต ล่มทะเลภูเก็ต

เรือใบคาตามารันล่ม ขณะนำนักท่องเที่ยวพร้อมลูกเรือรวม 38 ชีวิต ออกไปดำน้ำบนเกาะราชา จ.ภูเก็ต ล่าสุดทุกคนได้รับการช่วยเหลือกลับเข้าฝั่งปลอดภัย