กรุงเทพฯ 19 ส.ค. – กรรมาธิการการกฎหมายฯ และกรรมาธิการกิจการศาลฯ สภาผู้แทนราษฎร ร่วมพิจารณาโดยเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงเพิ่มเติมคดี “บอส วรยุทธ อยู่วิทยา” ประเด็นที่สงสัย คือ เรื่องความเร็ว บุคคลที่นำผู้เชี่ยวชาญมาพูดคุย จนที่สุดมีการกลับคำให้การ
ประเด็นที่กรรมาธิการการกฎหมายฯ พุ่งเป้า คือ บุคคลปริศนา ที่ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ให้ข้อมูลว่า มีผู้นำตัวนายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้เชี่ยวชาญด้านความเร็ว มาพบก่อนกลับคำให้การ ความเร็วจาก 177 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็น 79 กิโลเมตร/ชั่วโมง แม้ไม่ระบุชื่อ แต่เอกสารที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ส่งมีชื่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต สนช. และวันนี้ พล.ต.อ.สมยศ ถูกเชิญมาให้ข้อมูล แต่ไม่มา อ้างติดธุระสำคัญ
กรรมาธิการฯ จี้ถาม พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี อดีตผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ และ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ว่า คนๆ นั้น คือ พล.ต.อ.สมยศ หรือไม่ แต่กลับตอบคนละทิศทาง พล.ต.อ.มนู ปฏิเสธว่า พล.ต.อ.สมยศ ไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีผลเปลี่ยนความเร็วรถได้ เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.วิรดล ที่ยืนยันมาคนเดียว ขณะที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ พูดชัดว่า พล.ต.อ.สมยศ และ พ.ต.อ.วิรดล นำนายสายประสิทธิ์ มาพบเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559
ห้องประชุมตึงเครียดมากขึ้น เมื่อนายรังสิมันต์ โรม ถามถึงข้อสงสัยของสังคมว่า เป็นการเป่าคดีหรือไม่ ทำให้ พล.ต.อ.มนู ไม่พอใจ ตอบโต้กันไปมา
ประเด็นความเร็วที่คลาดเคลื่อน ทั้ง พล.ต.อ.มนู และ พ.ต.อ.วิรดล พยายามชี้ว่า เป็นความบกพร่องของพนักงานสอบสวน หากยืนยันข้อมูลเดิมก็จบ หรือหากรู้สึกกดดันสามารถรายงานผู้บังคับบัญชาได้ และที่ต้องพิจารณาเรื่องความเร็วอีกครั้ง เป็นไปตามคำสั่งอัยการ ส่วนการลงวันที่สอบปากคำของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ยอมรับว่าเป็นเท็จ เพราะเดิมต้องสอบปากคำ 2 ครั้ง แต่สอบเพียงครั้งเดียว และลงวันที่ล่วงหน้า เพราะทำรายงานเสร็จก่อนคาดการณ์
ขณะที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ชี้แจงขั้นตอนการเก็บหลักฐาน การคำนวณความเร็ว ย้ำเชื่อนายสายประสิทธิ์ เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่เมื่อทบทวน พบความคลาดเคลื่อน ได้พยายามรายงานและขอแก้ไขให้ถูกต้อง แต่ได้รับแจ้งว่าหมดอายุความแล้ว ส่วนที่เคยบอกว่ากดดัน เครียด เพราะเป็นการคำนวณรูปแบบใหม่ อีกทั้งมีอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงมาพบ และยังกังวลเรื่องความปลอดภัย ขณะนี้นายวิชา มหาคุณ ประสานตำรวจคุ้มครองพยานมาดูแลแล้ว
นายธานี อ่อนละเอียด อดีตกรรมาธิการ สนช. ที่รับเรื่องร้องเรียน ระบุว่า กรรมาธิการเปรียบเสมือนพนักงานไปรษณีย์ เมื่อร้องมาต้องตรวจสอบ และส่งเรื่องให้อัยการ แต่ไม่มีอำนาจสั่งใคร ยืนยันไม่เคยรู้จักนายสายประสิทธิ์ และไม่ทราบว่าเป็นผู้คำนวณความเร็ว กรรมาธิการฯ ได้สอบถามว่า คณะทำงานของนายธานี ชี้นำอัยการสูงสุดให้เชื่อพยานที่เพิ่มมาหรือไม่ ทำให้นายธานี ย้อนว่า เป็นการกล่าวหาเกินไป เพราะรายงานเขียนแค่ข้อเท็จจริงที่พยานให้การเท่านั้น และยืนยันไม่เคยมีมติให้ พล.ต.อ.สมยศ ไปพบพนักงานสอบสวน บทสรุปของคดี “บอส” ยังไม่น่าจะหาข้อยุติได้ง่าย เพราะข้อมูลหลักฐานยังเข้ามาต่อเนื่อง. – สำนักข่าวไทย