“วันนอร์” เด้งรับ ปมคลิปเสียงนักการเมือง-กมธ.เอี่ยวดิไอคอน

รัฐสภา 15 ต.ค. – “วันนอร์” เด้งรับ หลังคลิปเสียงนักการเมืองเอี่ยว “ดิไอคอน” ขันนอต กมธ. 35 คณะ ตั้งคนนอกนั่งคณะทำงาน จี้ถอดชื่อ หากไม่น่าเชื่อถือ ไม่เช่นนั้นต้องรับผิดชอบทำสภาเสียชื่อเสียง สั่ง รปภ.คุมเข้มคนนอกเข้า-ออกสภา หวั่นมีผู้แอบอ้าง ซ้ำ 2 คดีที่แจ้งความแล้ว


นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าตั้งกรรมการสอบกรณีคลิปเสียงที่มีการสนทนาระหว่าง “บอสพอล” นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ดิไอคอน กรุ๊ป กับผู้ที่อ้างว่าเป็นนักการเมือง ว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (15 ต.ค.) ตนได้เรียกเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กับคณะที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยของรัฐสภา มาพูดในหลายเรื่อง แต่เฉพาะเรื่องของคลิปเสียงนี้ ซึ่งฟังแล้วไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร เพราะฉะนั้นถ้ามีผู้แจ้งมา แต่อ้างเรื่องกรรมาธิการ และกรรมาธิการแจ้งว่าได้รับความเสียหาย ทางสภาก็ต้องดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ไม่ใช่เฉพาะกรรมาธิการที่จะร้อง ถ้าประชาชนที่เกี่ยวข้อง และได้รับความเสียหายจากคลิปเสียงนี้ อย่างน้อยก็คือคู่สนทนา ถ้าเขาสามารถบอกว่าเขาเสียหาย ก็มาแจ้งสภา ทางสภาก็จะดำเนินการ เพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องของกรรมาธิการในชุดนั้นว่าเกิดความเสียหายแล้ว เราจึงต้องดำเนินการต่อไป

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของคนที่ไปแอบอ้างในกรรมาธิการ มาถ่ายรูปในสภา เพื่อใช้ประโยชน์ในการที่จะไปเรียกร้องในเรื่องต่างๆ จากบุคคลภายนอก ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายได้ เรื่องนี้ก็ได้ดำเนินการแจ้งความแล้วใน 2 เรื่อง คือ เรื่องแรกที่เป็นสุภาพสตรี แต่งกายชุดข้าราชการ ได้แจ้งความตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาแล้ว ส่วนเรื่องผู้ชายที่ไปถ่ายรูปในห้องประชุม ซึ่งเมื่อดูจากวิดีโอแล้วเป็นภาพวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา เพราะวันนั้นที่ประชุมมีการพิจารณาเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 2 และเมื่อประชุมจบแล้ว สภาก็ปิดการประชุม ในช่วงที่ปิด เจ้าหน้าที่กองการประชุม กำลังนำเอกสารไปไว้ในห้องประชุม เพื่อเตรียมการประชุมในวันต่อไป ในระหว่างนั้นผู้ชายคนดังกล่าวเข้าไปในห้องประชุมไม่กี่นาทีแล้วถ่ายรูป เพื่อให้เห็นว่าเขาอยู่ในห้องประชุม ซึ่งกรณีนี้ได้แจ้งความที่สถานีตำรวจแล้ว เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ทั้งสองคนนี้เป็นบุคคลที่มีคดีตามศาลต่างๆ เป็น 10 คดีแล้ว ก็ถือโอกาสมาหาเรื่องที่สภาอีก สภาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว


นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวต่อว่า ตนได้กำชับกับเลขาธิการสภาฯ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ว่า ต่อไปนี้เราจะต้องเข้มงวดในเรื่องของคนข้างนอกที่จะเข้ามาข้างในสภามากยิ่งขึ้น และตนจะออกหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการสามัญทั้ง 35 คณะ และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ ว่าให้ตรวจสอบบุคคลต่างๆ ที่ตั้งเป็นที่ปรึกษา หรือคณะทำงานของคณะกรรมาธิการ ว่ามีบุคคลใดที่ไม่น่าเชื่อถือ ขอให้พิจารณาเพื่อถอดถอนออกจากกรรมาธิการ เพราะถ้าเรื่องเกิดขึ้น ไม่ว่าจะในกรรมาธิการชุดใด ถ้ามีที่ปรึกษาหรือคณะทำงานนั้นไปแอบอ้าง เกิดความเสียหายแล้ว คนแต่งตั้งคือประธานกรรมาธิการ จะต้องรับผิดชอบอย่างน้อยที่สุดคือประมวลจริยธรรม เพราะประมวลจริยธรรมของสมาชิกรัฐสภา ครอบคลุมไปถึงครอบครัว สส. และครอบครัวของกรรมธิการ และถ้าเหตุการณ์ร้ายแรงก็ต้องส่งไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามกฎหมาย แต่ถ้าไม่ร้ายแรงก็มีบทลงโทษตามขั้นตอนของสภา ถ้าเป็นกรรมาธิการ แต่ไม่ใช่ สส. ก็ไล่ออก แต่ถ้าทำผิดเกี่ยวกับคดีอาญา เราก็ต้องดำเนินการไม่ละเว้น โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาดำเนินการต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับประชาชน เพื่อไม่ให้หลงเชื่อว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสภา ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีมากมายอะไร แต่ถ้ามีเราก็ต้องแก้ไข

เมื่อถามว่า การตั้งกรรมการสอบบุคคลแอบอ้าง จะต้องมีการตั้งกรรมการกลางขึ้นมาหรือไม่ เพราะหากให้กรรมาธิการสอบกันเอง เขาอาจจะละเว้นได้ ประธานสภาฯ กล่าวว่า ความจริงในสภาฯ เรามีกรรมาธิการพิจารณาเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต หรือไปแอบอ้าง ก็สามารถให้คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร หรือเกี่ยวข้องกับผู้บริโภค ก็ให้คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค ดำเนินการเรียกผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงได้ แต่ถ้านอกเหนือจากอำนาจของกรรมาธิการก็ส่งมาให้สภา ซึ่งทางสภาจะดำเนินการ ถ้าผิดอาญาก็ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้าผิดจริยธรรมก็ให้คณะกรรมการจริยธรรมของสภาสอบสวนต่อไป ซึ่งในคณะกรรมการจริยธรรม ก็มีหลายอนุกรรมการ ซึ่งแต่ละคณะจะมีทั้งตำรวจ อัยการ และอดีตผู้พิพากษา เป็นกรรมการอยู่แล้ว แต่ขั้นตอนอาจจะช้ากว่าการไปร้องที่ ป.ป.ช. โดยตรง เช่น ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธาน มีหลายเรื่องที่เขาไม่ร้องสภา แต่ไปร้อง ป.ป.ช. ก็ถูกลงโทษไป 1-2 ราย ดังนั้น การร้องจริยธรรมสามารถร้องมาที่คณะกรรมการจริยธรรมของสภาได้ หรือจะร้องไปที่ ป.ป.ช. เมื่อ ป.ป.ช. ตรวจสอบแล้วว่ามีมูล ก็จะส่งเรื่องไปที่ศาลฎีกาได้เลย

เมื่อถามว่า กรณีของดิไอคอน มีการย้อนไปถึงกรรมาธิการในช่วงปี 2565 สภาชุดปัจจุบันสามารถตรวจสอบอย่างไรได้หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ถ้ากรรมการชุดที่แล้วเขาพ้นสภาพไปแล้ว แต่ถ้าต่อเนื่องมาสภาชุดปัจจุบัน คนคนนั้นยังมาเป็นกรรมาธิการอยู่ในชุดนั้นต่อไป หรือได้รับการแต่งตั้งในสมัยนี้ สภาชุดนี้ก็สอบได้ อย่างไรก็ตาม แม้กรรมาธิการชุดที่แล้วจะพ้นไปแล้ว แต่ถ้าเกิดความเสียหาย คนภายนอกก็สามารถร้องได้ โดยไปร้องที่สถานีตำรวจ


เมื่อถามย้ำว่า จะทำให้รัฐสภาเสื่อมเสียหรือไม่ ประธานสภาฯ กล่าวว่า อะไรที่เป็นอำนาจหน้าที่ที่รัฐสภาทำก็ต้องทำ เพื่อประโยชน์ของประชาชน และเพื่อความน่าเชื่อถือของสภา เพราะกรรมาธิการทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่ถ้าประชาชนไม่เชื่อถือ ก็ไม่เป็นประโยชน์ ฉะนั้นเราต้องรักษาความเชื่อถือ ความเชื่อมั่นของประชาชน ที่มีต่อระบบนิติบัญญัติของเราให้ได้ ซึ่งเราก็พยายามเต็มที่ ไม่ใช่หมายความว่าจะต้องให้ไปติดคุกติดตะราง แต่อย่างน้อยที่สุดต้องสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนและของฝ่ายนิติบัญญัติ.-315-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]