“วันนอร์” เด้งรับ ปมคลิปเสียงนักการเมือง-กมธ.เอี่ยวดิไอคอน

รัฐสภา 15 ต.ค. – “วันนอร์” เด้งรับ หลังคลิปเสียงนักการเมืองเอี่ยว “ดิไอคอน” ขันนอต กมธ. 35 คณะ ตั้งคนนอกนั่งคณะทำงาน จี้ถอดชื่อ หากไม่น่าเชื่อถือ ไม่เช่นนั้นต้องรับผิดชอบทำสภาเสียชื่อเสียง สั่ง รปภ.คุมเข้มคนนอกเข้า-ออกสภา หวั่นมีผู้แอบอ้าง ซ้ำ 2 คดีที่แจ้งความแล้ว


นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าตั้งกรรมการสอบกรณีคลิปเสียงที่มีการสนทนาระหว่าง “บอสพอล” นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ดิไอคอน กรุ๊ป กับผู้ที่อ้างว่าเป็นนักการเมือง ว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (15 ต.ค.) ตนได้เรียกเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กับคณะที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยของรัฐสภา มาพูดในหลายเรื่อง แต่เฉพาะเรื่องของคลิปเสียงนี้ ซึ่งฟังแล้วไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร เพราะฉะนั้นถ้ามีผู้แจ้งมา แต่อ้างเรื่องกรรมาธิการ และกรรมาธิการแจ้งว่าได้รับความเสียหาย ทางสภาก็ต้องดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ไม่ใช่เฉพาะกรรมาธิการที่จะร้อง ถ้าประชาชนที่เกี่ยวข้อง และได้รับความเสียหายจากคลิปเสียงนี้ อย่างน้อยก็คือคู่สนทนา ถ้าเขาสามารถบอกว่าเขาเสียหาย ก็มาแจ้งสภา ทางสภาก็จะดำเนินการ เพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องของกรรมาธิการในชุดนั้นว่าเกิดความเสียหายแล้ว เราจึงต้องดำเนินการต่อไป

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของคนที่ไปแอบอ้างในกรรมาธิการ มาถ่ายรูปในสภา เพื่อใช้ประโยชน์ในการที่จะไปเรียกร้องในเรื่องต่างๆ จากบุคคลภายนอก ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายได้ เรื่องนี้ก็ได้ดำเนินการแจ้งความแล้วใน 2 เรื่อง คือ เรื่องแรกที่เป็นสุภาพสตรี แต่งกายชุดข้าราชการ ได้แจ้งความตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาแล้ว ส่วนเรื่องผู้ชายที่ไปถ่ายรูปในห้องประชุม ซึ่งเมื่อดูจากวิดีโอแล้วเป็นภาพวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา เพราะวันนั้นที่ประชุมมีการพิจารณาเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 2 และเมื่อประชุมจบแล้ว สภาก็ปิดการประชุม ในช่วงที่ปิด เจ้าหน้าที่กองการประชุม กำลังนำเอกสารไปไว้ในห้องประชุม เพื่อเตรียมการประชุมในวันต่อไป ในระหว่างนั้นผู้ชายคนดังกล่าวเข้าไปในห้องประชุมไม่กี่นาทีแล้วถ่ายรูป เพื่อให้เห็นว่าเขาอยู่ในห้องประชุม ซึ่งกรณีนี้ได้แจ้งความที่สถานีตำรวจแล้ว เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ทั้งสองคนนี้เป็นบุคคลที่มีคดีตามศาลต่างๆ เป็น 10 คดีแล้ว ก็ถือโอกาสมาหาเรื่องที่สภาอีก สภาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว


นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวต่อว่า ตนได้กำชับกับเลขาธิการสภาฯ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ว่า ต่อไปนี้เราจะต้องเข้มงวดในเรื่องของคนข้างนอกที่จะเข้ามาข้างในสภามากยิ่งขึ้น และตนจะออกหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการสามัญทั้ง 35 คณะ และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ ว่าให้ตรวจสอบบุคคลต่างๆ ที่ตั้งเป็นที่ปรึกษา หรือคณะทำงานของคณะกรรมาธิการ ว่ามีบุคคลใดที่ไม่น่าเชื่อถือ ขอให้พิจารณาเพื่อถอดถอนออกจากกรรมาธิการ เพราะถ้าเรื่องเกิดขึ้น ไม่ว่าจะในกรรมาธิการชุดใด ถ้ามีที่ปรึกษาหรือคณะทำงานนั้นไปแอบอ้าง เกิดความเสียหายแล้ว คนแต่งตั้งคือประธานกรรมาธิการ จะต้องรับผิดชอบอย่างน้อยที่สุดคือประมวลจริยธรรม เพราะประมวลจริยธรรมของสมาชิกรัฐสภา ครอบคลุมไปถึงครอบครัว สส. และครอบครัวของกรรมธิการ และถ้าเหตุการณ์ร้ายแรงก็ต้องส่งไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามกฎหมาย แต่ถ้าไม่ร้ายแรงก็มีบทลงโทษตามขั้นตอนของสภา ถ้าเป็นกรรมาธิการ แต่ไม่ใช่ สส. ก็ไล่ออก แต่ถ้าทำผิดเกี่ยวกับคดีอาญา เราก็ต้องดำเนินการไม่ละเว้น โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาดำเนินการต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับประชาชน เพื่อไม่ให้หลงเชื่อว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสภา ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีมากมายอะไร แต่ถ้ามีเราก็ต้องแก้ไข

เมื่อถามว่า การตั้งกรรมการสอบบุคคลแอบอ้าง จะต้องมีการตั้งกรรมการกลางขึ้นมาหรือไม่ เพราะหากให้กรรมาธิการสอบกันเอง เขาอาจจะละเว้นได้ ประธานสภาฯ กล่าวว่า ความจริงในสภาฯ เรามีกรรมาธิการพิจารณาเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต หรือไปแอบอ้าง ก็สามารถให้คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร หรือเกี่ยวข้องกับผู้บริโภค ก็ให้คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค ดำเนินการเรียกผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงได้ แต่ถ้านอกเหนือจากอำนาจของกรรมาธิการก็ส่งมาให้สภา ซึ่งทางสภาจะดำเนินการ ถ้าผิดอาญาก็ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้าผิดจริยธรรมก็ให้คณะกรรมการจริยธรรมของสภาสอบสวนต่อไป ซึ่งในคณะกรรมการจริยธรรม ก็มีหลายอนุกรรมการ ซึ่งแต่ละคณะจะมีทั้งตำรวจ อัยการ และอดีตผู้พิพากษา เป็นกรรมการอยู่แล้ว แต่ขั้นตอนอาจจะช้ากว่าการไปร้องที่ ป.ป.ช. โดยตรง เช่น ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธาน มีหลายเรื่องที่เขาไม่ร้องสภา แต่ไปร้อง ป.ป.ช. ก็ถูกลงโทษไป 1-2 ราย ดังนั้น การร้องจริยธรรมสามารถร้องมาที่คณะกรรมการจริยธรรมของสภาได้ หรือจะร้องไปที่ ป.ป.ช. เมื่อ ป.ป.ช. ตรวจสอบแล้วว่ามีมูล ก็จะส่งเรื่องไปที่ศาลฎีกาได้เลย

เมื่อถามว่า กรณีของดิไอคอน มีการย้อนไปถึงกรรมาธิการในช่วงปี 2565 สภาชุดปัจจุบันสามารถตรวจสอบอย่างไรได้หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ถ้ากรรมการชุดที่แล้วเขาพ้นสภาพไปแล้ว แต่ถ้าต่อเนื่องมาสภาชุดปัจจุบัน คนคนนั้นยังมาเป็นกรรมาธิการอยู่ในชุดนั้นต่อไป หรือได้รับการแต่งตั้งในสมัยนี้ สภาชุดนี้ก็สอบได้ อย่างไรก็ตาม แม้กรรมาธิการชุดที่แล้วจะพ้นไปแล้ว แต่ถ้าเกิดความเสียหาย คนภายนอกก็สามารถร้องได้ โดยไปร้องที่สถานีตำรวจ


เมื่อถามย้ำว่า จะทำให้รัฐสภาเสื่อมเสียหรือไม่ ประธานสภาฯ กล่าวว่า อะไรที่เป็นอำนาจหน้าที่ที่รัฐสภาทำก็ต้องทำ เพื่อประโยชน์ของประชาชน และเพื่อความน่าเชื่อถือของสภา เพราะกรรมาธิการทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่ถ้าประชาชนไม่เชื่อถือ ก็ไม่เป็นประโยชน์ ฉะนั้นเราต้องรักษาความเชื่อถือ ความเชื่อมั่นของประชาชน ที่มีต่อระบบนิติบัญญัติของเราให้ได้ ซึ่งเราก็พยายามเต็มที่ ไม่ใช่หมายความว่าจะต้องให้ไปติดคุกติดตะราง แต่อย่างน้อยที่สุดต้องสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนและของฝ่ายนิติบัญญัติ.-315-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

ทบ.ยันไม่พบทหารกัมพูชาปิดทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต

กทม. 15 มิ.ย.-กองทัพบก ยืนยันไม่พบทหารกัมพูชาพร้อมอาวุธครบมือ ปิดทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต ขอฟังข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น จากกรณีเพจแจ้งข่าวศรีสะเกษ เผยแพร่ข่าวทหารกัมพูชา พร้อมอาวุธครบมือ ปิดถนนทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต บริเวณช่องบก ห้ามไม่ให้ทหารไทยขึ้นไปซ่อมแซมถนน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา เป็นครั้งที่ 2 เมื่อเวลา 12.45 น. ล่าสุด พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในพื้นที่ พบว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว โดยขอให้ฟังข้อมูลข่าวสารจากทางราชการเป็นหลัก หรือสามารถสอบถามกองทัพบกได้เป็นกรณีไป พร้อมระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการทำถนนไว้ส่งกำลังบำรุง แต่อยู่ในเขตเราทั้งหมด ซึ่งทางกัมพูชาเข้าใจ.-313.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน”​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรฯ

อุดรธานี ​15 มิ.ย.​- “อนุทิน”​ โหมโรง​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรธานี​ เปิดตัว​ “อดิศักดิ์​” ไทยสร้างไทย บอก​ “นู๋หนู​-​ดู๋ดี๋”​ ซี้กัน​ อวยเป็น สส.คุณภาพ​ ภูมิใจไทย​ ภูมิใจแทน​ รอบหน้าขอชาวอุดรฯ​ เลือกเป็น สส.ภท.​ โอดแทนชาวบ้าน​ ซัด​ห่วย 3 ปี งบโยธาแค่​ 700 ล้าน​ บอกถ้าเลือกภูมิใจไทยซัดไปแล้ว​ 3,000 ล้าน​ เหน็บ​ถนน 4 เลน ใครทำให้กุดอย่าไปเลือก นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์​ สัมพันธรัตน์​ ปลัดกระทรวงมหาดไทย​ และผู้บริหารระดับสูง​ ลงพื้นที่เทศบาลตำบลจำปี​ อำเภอศรีธาตุ​ จังหวัดอุดรธานี​ เพื่อพบปะประชาชน ที่โรงเรียนศรีธาตุพิทยาคม​ โดยมี​นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี​ พรรคไทยสร้างไทย​ ให้การต้อนรับ โดยนายอนุทิน​ ได้รับฟังการรายงานความคืบหน้าการ​แก้ไขปัญหา​ในพื้นที่ ก่อนจะขึ้นเวทีพร้อมกับ […]

จับตาประชุม JBC วันที่ 2 หลังกัมพูชายื่นศาลโลก

กัมพูชา 15 มิ.ย.-ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา วันที่ 2 เริ่มขึ้นแล้ว ที่กรุงพนมเปญ หลังวานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยมีการประชุมวงเล็กก่อน จากนั้นอาจมีการแถลงร่วมกัน ต้องจับตาว่าวันนี้จะได้ข้อยุติหรือไม่ รวมถึงท่าทีของแต่ละฝ่าย หลังกัมพูชายื่นศาลโลก.-สำนักข่าวไทย