กรุงเทพฯ 15 ส.ค.-“พ.ต.อ.ทวี” เผยฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติแก้ไขรธน. มาตรา 256 เปิดทางตั้งส.ส.ร. เหมือนปี 40 ให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมร่าง มองม็อบนศ.ชุมนุมได้ถ้าไม่ขัดกฎหมาย แต่ต้องแยกคนละประเด็นกับแก้รัฐธรรมนูญ
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ในฐานะสมาชิกพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการยื่นญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ ว่า เนื่องจากเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีหลายส่วนไม่เป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญ พรรคฝ่ายค้านได้ประชุมกันและเห็นว่าควรแก้แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 ที่ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีเงื่อนไขมากมาย แก้ไขได้ยาก พรรคเพื่อไทยจึงขอเสนอแก้ไขในมาตรานี้ก่อน เพื่อตั้งสมาขิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) เหมือนปี 2540 เพื่อเป็นหลักประกันให้ประชาชนจัดทำรัฐธรรมนูญ ให้เจ้าของอำนาจอธิปไตยทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะให้ทุกคนมีสิทธิ ความเสมอภาค ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน
“มาตราท้าย ๆ ของรัฐธรรมนูญมีผลพวงของประกาศคำสั่งของคณะรักษาความสงบคสช.รวมถึงกฎระเบียบ ปัจจุบันที่ส่วนใหญ่ละเมิดสิทธิประชาชนและสิทธิเสรีภาพที่เขียนรับรองไว้ ซึ่งอาจแก้ไขโดยแยกป็นหมวด รวมทั้งการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยต้องแก้ไขให้สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) มาจากสรรหา แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือ ซึ่งในประเด็นนี้ยังไม่มีข้อยุติว่าจะมีกี่ฉบับ อย่างไรก็ตาม ฉบับแรกที่จะให้แก้ไขในวันที่ 17 นี้คือมาตรา 256 ที่ต้องการให้ที่มาของส.ว.เป็นตัวแทนของทุกภาคส่วน จากคนทุกเพศทุกวัย เข้ามาร่วมเเสดงความคิดเห็น เพราะเป็นการทำกติการ่วมกัน” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
เมื่อถามถึงสิทธิเสรีภาพการกลุ่มชุมนุมของนักศึกษาที่เคลื่อนไหวและถูกจับกุม พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมตามที่กฎหมายบัญญัติ ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ไม่เป็นอันตรายต่อรัฐก็สามารถชุมนุมได้
เมื่อถามย้ำว่ได้นำข้อเรียกร้อง 10 ข้อของกลุ่มนักศึกษามาเป็นแนวทางหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า รับทราบในประเด็นข้อเรียกร้องต่าง ๆ แล้ว เเต่ต้องคำนึงว่า ประเทศไทยปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประเทศไทยต้องเป็นรัฐเดียว ซึ่งในส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าแก้ไขต่อไป ขณะเดียวกันพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและนักศึกษาควบคู่กันไปด้วย แต่คงต้องแยกเป็นคนละส่วนกับการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ.-สำนักข่าวไทย