ฝ่ายค้าน จ่อยื่นซักฟอกรัฐบาล จองกฐิน รมต.ทุกพรรคร่วม

รัฐสภา 7 ม.ค.-ฝ่ายค้าน จ่อยื่นซักฟอกรัฐบาล ปลาย ก.พ. หรือต้น มี.ค. โวมีไม้เด็ด Surprise รัฐบาล เล็งจองกฐิน รมต.ทุกพรรคร่วม ย้ำเรื่องชั้น 14 มีแน่นอน ชี้พรรคประชาชน ตรวจสอบเข้มข้นอยู่แล้วตั้งแต่อนาคตใหม่

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงความคืบหน้าในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ตอนนี้มีความคืบหน้าอยู่ในกรอบที่จะยื่น ช่วงเดือนก.พ. ส่วนการอภิปรายที่จะเกิดขึ้นจริงหลังการยื่นต้องไปเจรจากับวิปร่วม เพื่อกำหนดวันให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ล็อกวันที่จะมาชี้แจง ซึ่งกรอบกว้างๆน่าจะอยู่ที่ราวปลาย ก.พ. ต้น มี.ค. หรืออาจจะขยับไปสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมีนาคมโดยจะไม่ช้าไปกว่านั้น


เมื่อถามถึงประเด็นในการอภิปรายจะเป็นเชิงนโยบายหรือพฤติกรรมของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงอย่างไรบ้าง นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า จะมีหลายเรื่องทั้งระดับนโยบายหรือการบริหารราชการที่ล้มเหลว รวมไปถึงกรณีต่อการทุจริตคอรัปชั่น คิดว่าหลายเรื่องเคยรับฟังและเห็นจากข่าวว่าพรรคประชาชนได้ตรวจสอบมาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเอื้อกลุ่มทุนผูกขาด การเอื้อตัวบุคคลบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม เรื่องนโยบายที่ล้มเหลวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ซึ่งทุกเรื่อง เราก็ตรวจสอบต่อเนื่องตลอดเวลาให้ได้เห็นอยู่แล้ว แต่อาจจะมีบางเรื่องที่ยังไม่เคยพูดและมีข้อมูลที่ได้มาจากทางหลังบ้านที่จะเห็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรอบนี้

เมื่อถามถึงไม้เด็ดในการอภิปรายที่จะน็อครัฐบาลได้ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ในทุกครั้งก็จะมีเรื่องที่สื่อให้ความสนใจเป็นพิเศษอยู่แล้ว ทุกครั้งคงจะพอทราบอยู่ว่า ตั้งแต่อนาคตใหม่ ก้าวไกล มาจนถึงพรรคประชาชน จะมีไม้เด็ดที่เราไม่เปิดเผยก่อน บางครั้งก็ไม่ได้เปิดเผยกับคนในพรรคเสียด้วยซ้ำ มีเซอร์ไพรส์บางเรื่องที่เป็นเรื่องใหญ่ ยังไม่เคยมีใครรับรู้มาก่อน ซึ่งช่วงนี้อยู่ในช่วงเช็คความถูกต้องของข้อมูล ถ้าเป็นเรื่องจริงและมั่นใจว่าเป็นข้อมูลจริง ก็จะได้เห็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าตนผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาถึง 4 ครั้ง การเป็นเสียงส่วนน้อยกลไกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คงจะหวังได้ยากที่การลงมติจะทำให้น็อครัฐมนตรีได้ แต่ก็ไม่แน่เพราะพรรครัฐบาลนั้นง่อนแง่นกันอยู่ หากสมมติมีใครเปลี่ยนข้างขึ้นมาแล้วไปโหวตส่วนในญัตติอภิปราย ก็ไม่แน่เหมือนกัน แต่ทุกครั้งการน็อคกลางสภาฯของการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะโดยสภาวะไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อมูลเป็นหลัก แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมือง และสถานการณ์ความร้าวฉานของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นหลัก แต่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ คือหวังว่าจะมีการโหวตไปตามเหตุผลและข้อมูล แต่ถ้าไม่ได้สิ่งที่เราหวังจริงๆคือให้ข้อมูลกับประชาชนรับทราบว่ารัฐบาลที่ทำงานอยู่มีข้อบกพร่องหรือข้อทุจริตใดๆที่ปกปิดเอาไว้บ้าง และทำให้สังคมหันมาสนใจการเมือง และสนใจการใช้อำนาจตรวจสอบอำนาจบริหารของสภาฯ เป็นเรื่องที่สำคัญ


เมื่อถามถึง มีข้อมูลเพียงพอหรือไม่ที่จะซักฟอกนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ 3-4 เดือน และเรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สังคมจับตาว่าพรรคประชาชนจะหยิบยกมาอภิปรายในครั้งนี้ด้วย และอาจถูกดักทางว่าเป็นคนนอกไม่เกี่ยวข้องนั้น นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจจะอภิปรายเป็นรายบุคคลจะมีทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ และขอย้ำอีกรอบว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้เพิ่งเข้ามาทำงานเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา แต่เป็นรัฐบาลที่ทำงานมาแล้ว 1 ปีกว่าๆ หน้าตาเหมือนเดิม เปลี่ยนขยับนิดหน่อยแค่เพียงพรรคเดียว ดังนั้น 1 ปีกว่าควรต้องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีผลงานอะไรที่เป็นรูปธรรม ข้ออ้างที่ว่าเพิ่งมาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่กี่เดือน ไม่ใช่เป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผล

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีของนายทักษิณจะมีหรือไม่นั้น คงไม่ใช่เป็นเรื่องของนายทักษิณโดยตรง อาจจะมีเรื่องพฤติกรรมของฝ่ายบริหารที่บิดเบือนกระบวนการยุติธรรม เพื่อเอื้อให้บุคคลบางกลุ่ม ซึ่งคนทั้งประเทศก็คงจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่ประชาชนมองว่าพรรคฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลไม่เข้มข้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ไม่กังวล และไม่คิดว่าเราตรวจสอบไม่เข้มข้น หลายเรื่องที่ได้ฟังในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นเรื่องที่เคยฟังมาโดยตลอด ถ้าไปถึงตอนนั้นแล้วบอกว่าตรวจสอบไม่เข้มข้น พูดเรื่องเดิมๆ ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าเราได้ตรวจสอบอย่างเข้มข้นเต็มที่ตลอดเวลาเหมือนกัน ดังนั้น ไม่กังวล เชื่อมั่นและมั่นใจว่าเราทำงานตรวจสอบเต็มที่ตลอด อย่างเรื่องชั้น 14 เราอภิปรายไปตั้งแต่การอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 รอบแรกก็โดนประท้วงหนัก นายจากนั้นนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ก็ได้นำเรื่องเข้าคณะกรรมาธิการจนเป็นข่าวและเกิดความขัดแย้งกันในกรรมาธิการ เกิดการต่อว่า มีบรรยากาศที่ดุเด็ดพอสมควร จึงได้ยืนยันว่าทำงานเต็มที่ไม่เคยออมมือใดๆทั้งสิ้น และการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์อีกครั้งว่าเราทำการตรวจสอบเข้มข้นแน่นอน ยืนยันว่าเราเป็นฝ่ายค้านที่ทำงานอยู่บนหลักเหตุผล เราอาจจะเห็นด้วยกับหลายเรื่องที่รัฐบาลเสนอมา รวมถึงร่างกฎหมายที่รัฐบาลส่งมาก็มีร่างของพรรคประชาชนที่เสนออยู่แล้ว จึงเห็นด้วยเพราะเห็นด้วยกับนโยบายของพรรคประชาชน ดังนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปคัดค้านเสียทุกเรื่อง เรื่องไหนไม่ถูกต้องตรวจสอบเต็มที่


เมื่อถามว่าเปิดเผยได้หรือไม่ว่าจะมีรัฐมนตรีที่ถูกล็อกเป้าอภิปรายเกิน 10 คนหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ยังไม่แน่ใจ แต่น่าจะเกือบครบทุกพรรคร่วมรัฐบาลแน่ๆ แต่จะมีบางพรรคที่เพิ่งเข้าร่วม ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดู และย้ำว่าเรื่องชั้น 14 มีแน่นอน.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย