ยื่นหลักฐานเพิ่มโฮปเวลล์จดทะเบียนไม่ถูกต้อง

ศาลปกครอง 30 ก.ค.-รฟท.ให้ “นิติธร” ยื่นหลักฐานเพิ่ม ยันโฮปเวลล์จดทะเบียนไม่ถูกต้อง เป็นโมฆะ ทำสัญญาไม่ได้ เสนอนายกฯตั้งกรรมการพิเศษตรวจสอบ ถ้าทำไม่ถูก เป็นโอกาสรื้อคดีใหม่


นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมในคดีที่ยื่นฟ้องนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยกล่าวว่า มายื่นหนังสือหลักฐานเอกสารเพิ่มเติมตามคำสั่งศาล คดีนี้ต้องแยกจากคดีที่ศาลปกครองยืนตามคำสั่งอนุญาโตตุลาการที่ให้รฟท.ชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัทโฮปเวลล์ฯ

“กรณีนี้เป็นการร้องเพื่อเพิกถอนการจดทะเบียนบริษัท เอกสารที่ยื่นเป็นคำชี้แจงของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพฯ ที่อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุเหตุผล 3 ข้อที่ไม่เพิกถอนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโอปเวลล์ฯ ว่า 1.ประกาศคณะปฏิวัติ 281 ห้ามคนต่างด้าวเข้าประกอบธุรกิจในไทย เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากรัฐบาลหรือเป็นความตกลงระหว่างรัฐบาล 2.วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัทโฮปเวลล์ฯ เป็นไปตามมติครม. ปี 33 ที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจที่เห็นชอบให้เอกชนเข้ามาลงทุนก่อสร้างทางรถไฟยกระดับ เข้าหลักเกณฑ์จึงได้สิทธิเข้าประกอบธุรกิจในประเทศไทยโดยไม่ต้องขออนุญาตตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 281 ข้อ 2 การจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโฮปเวลล์ ประเทศไทยจึงเป็นไปตามกฎหมาย” นายนิติธร กล่าว


นายนิติธร กล่าวว่า 3.เมื่อนายทะเบียนธุรกิจเห็นว่าบริษัทโฮปเวลล์ โฮลดิ้ง ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลไทยเป็นการเฉพาะกาลแล้ว และได้รับการยกเว้นจากประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 281 แล้ว จึงถือว่าบริษัทโฮปเวลล์ ฯสามารถประกอบธุรกิจในประเทศไทยได้ เพราะสิทธิในการประกอบธุรกิจเกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายแล้ว ซึ่งเราก็เห็นว่าการดำเนินการไม่ถูกต้อง ศาลจะได้ทราบถึงเหตุผลว่าทำไมจึงต้องฟ้องคดี และเป็นเอกสารที่มีอยู่จริง โดยแจ้งเรื่องไปให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพิกถอนแล้วก่อนที่การฟ้องร้อง

“ผมตรวจสอบเอกสารแล้วเห็นว่า การเริ่มต้นจดทะเบียนบริษัทก่อนจะเข้ามารับสัมปทานในไทย เริ่มต้นโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เป็นไปตามมติครม. เมื่อจดทะเบียนไม่ถูกต้องก็เท่ากับเป็นโมฆะตั้งแต่แรก การมีอยู่ของบริษัทไม่ถูกต้อง ไม่สามารถเข้าทำสัญญากับรัฐบาลได้ ฝ่ายที่ทำสัญญาหรือฝ่ายที่เข้าทำสัญญาถือว่าผิดทั้งคู่ ต้องกลับไปดูตรงนี้กันก่อน เรื่องอื่นยังไม่ต้องว่ากัน เพราะข้อกำหนดของมติครม.ชัดเจนว่าอนุญาตให้แค่ไหน และต้องปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้ปฏิบัติตามนั้น” นายนิติธร กล่าว

นายนิติธร กล่าวถึงกรณีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ระบุเกี่ยวกับการจดทะเบียนบริษัทโฮปเวลล์ฯ ว่าแม้จะไม่ถูกต้อง แต่ผู้เกี่ยวข้องกลับให้ลงนามสัญญาว่าไม่น่าจะมีผลกับคดีนี้ และการที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาชี้ถึงรายละเอียดดังกล่าว เท่ากับว่าศาลเห็นว่าการจดทะเบียนนั้นไม่ชอบ แต่ยังไม่ได้เพิกถอน ตนจึงต้องมาร้องเพิกถอนจริง ๆ แล้ว เรื่องนี้จะให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด คณะรัฐมนตรีจะต้องเป็นเจ้าภาพ ไม่ใช่ให้รฟท.หรือกระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพ เพราะทั้งสองหน่วยงานมีฐานะเป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจจากครม.เท่านั้น


“เรื่องนี้ศาลมีคำพิพากษาไปแล้ว และได้ยื่นขอศาลพิจารณาคดีใหม่ หยุดการบังคับคดีไว้ก่อน ซึ่งผมก็ทำหนังสือถึงนายกฯ ว่าควรต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมา และมีเหตุผลที่สำคัญ คือ เรื่องเกิดปี 2533 ครม.ใหม่ไม่รู้เรื่องทั้งบรรดาเอกสาร หลักฐานต่างๆ จึงมีเหตุผลอย่างเต็มที่ในการจะดำเนินการ ไม่ใช่ว่าพอเกิดเรื่องแล้วครม.ไปให้กระทรวงคมนาคม รฟท.ดำเนินการ มันก็ดำเนินการได้ แต่ไม่ครบถ้วน สมบูรณ์ ไม่มีอำนาจเต็มเพียงพอ ถ้าครม.ดำเนินการเองเรื่องนี้จบไปแล้วและชนะคดีอย่างแน่นอน” นายนิติธร กล่าว

นายนิติธร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องทบทวนเรื่องนี้ และคิดว่าควรต้องเสียเงินหรือไม่ เพราะเอกสารที่ให้ตรวจสอบไปช่วงนั้นชัดเจนว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถูกตามขั้นตอนอยู่หลายประเด็น รวมทั้งบริษัทหรือคนที่เข้ามาถือหุ้นใหม่ จะมาอ้างคำพิพากษาแล้วต้องจ่ายเงินมันก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าเทียบเคียงกับคดีตามที่เป็นข่าวในขณะนี้ ถึงแม้จะสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง แต่ถ้ากระบวนการสั่งมันไม่ชอบด้วยกฎหมายก็รื้อใหม่ได้

“กรณีนี้เช่นกัน ถ้ากระบวนการที่ผ่านมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะอาศัยคำพิพากษาของศาลแล้วไปสั่งจ่ายเงิน ถ้านายกฯทำอย่างนี้ก็เข้าข่ายมีความผิด รฟท.และกระทรวงคมนาคมก็ผิด จึงต้องรื้อกันใหม่ คดีนี้ต้องว่ากันด้วยพยานบุคคล ว่ากันด้วยพยานเอกสารล้วน ๆ เอกสารชัดเจนมาก ว่าใครผิดใครถูก สัญญาทำได้หรือไม่ เราจะยอมเสีย 2.4 หมื่นล้านกับสิ่งทำไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และนายกฯจะตั้งคณะกรรมการพิเศษคดีนี้หรือไม่ ถ้าตั้งก็ง่าย ก็ชัดเจน ก็ดำเนินการใหม่ทั้งหมดได้” นายนิติธร กล่าว

นายนิติธร กล่าวว่าคณะกรรมการพิเศษควรจะประกอบไปด้วยใครบ้างแล้วแต่นายกรัฐมนตรี แต่ให้ตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ว่าดำเนินการมาถูกต้องหรือไม่ ตรวจสอบตั้งแต่การลงนามในสัญญา การพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ มติครม.ขณะนั้น และปฏิบัติตามมติครม.หรือไม่ ตรวจสอบทุกองค์กร ซึ่งจะเป็นการที่นายกรัฐมนตรีและครม.ใช้สิทธิเข้ามาในฐานะคู่สัญญาตัวจริง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยิงสส.กัมพูชา

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” ดับกลางกรุงเทพฯ

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ดับใกล้วัดดังกลางกรุง พบเหยื่อมีบทบาทในการตรวจสอบรัฐบาลฮุนเซน

ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงเพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม

ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา เพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม พร้อมกำหนดบทลงโทษหากพบเข้าไปข้องเกี่ยว

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา-วอศ.สระบุรี ชนะเลิศแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา และ วอศ.สระบุรี ชนะเลิศในการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025 ณ เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน

ข่าวแนะนำ

ปล่อยตัว “แซม ยุรนันท์” สวมกอดครอบครัว ขอกลับบ้านก่อน

“แซม ยุรนันท์” ได้รับการปล่อยตัวแล้ว สวมกอดครอบครัวด้วยสีหน้ามีความสุข พร้อมขอบคุณสื่อมวลชนที่มาต้อนรับ ขอกลับบ้านก่อน ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม

จับแล้วมือยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ย่านบางลำพู

“ผู้การจ๋อ” ส่ง “สารวัตรแจ๊ะ” นำทัพสืบ บช.น. ร่วมตำรวจกัมพูชา แกะรอยบุกจับ “จ่าเอ็ม” มือยิง “ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ถึงพระตะบอง ประเทศกัมพูชา

ปล่อยตัว “มิน พีชญา” หลังอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีดิไอคอน ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม

ปล่อยตัว “มิน พีชญา” หลังอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี “ดิไอคอน” เปิดใจขอบคุณกระบวนการยุติธรรมและทัณฑสถานหญิง ดูแลเป็นอย่างดี ยืนยันบริสุทธิ์ใจตั้งแต่แรก พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งวันนี้ได้พิสูจน์ตนเองแล้ว

พบ จยย.มือยิงอดีตนักการเมืองกัมพูชาจอดทิ้งปั๊ม คาดได้ตัวเร็วๆ นี้

ตำรวจตรวจพบรถจักรยานยนต์มือยิงอดีตนักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาแล้ว จอดทิ้งไว้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง บริเวณเลียบด่วนมอเตอร์เวย์ คาดได้ตัวคนร้ายเร็วๆ นี้