“อ.นพดล” ชงรัฐบาลเดินหน้าตามแผน 4 เดือน ยุติภัยบัญชีม้า

กรุงเทพฯ 25 ก.ย.- “อ.นพดล” เสนอรัฐบาล อนุทิน–กระทรวงดีอี” เดินหน้าตามแผน 4 เดือน ยุติภัยบัญชีม้าคืนความเป็นธรรมให้ผู้สุจริต


ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัยซูเปอร์โพลและศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ วอชิงตัน ดีซีด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ที่ปรึกษาโครงการ Stronger Together สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยผลการศึกษา ยุติภัยบัญชีม้า ที่ค้นพบในโครงการศึกษาวิจัยมาตรการความร่วมมือเพื่อปกป้องผู้สุจริต ยุติภัยบัญชีม้า และสร้างเกราะป้องกันภัยให้ประชาชนจากขบวนการมิจฉาชีพออนไลน์ โดยประเด็นสำคัญที่ค้นพบพอสรุปได้ดังนี้

ข้อเท็จจริง (Facts) ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อาชญากรรมทางการเงินดิจิทัล ได้ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อทั้ง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และ ความเชื่อมั่นของประชาชนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแก๊งคอลเซนเตอร์และเครือข่ายมิจฉาชีพออนไลน์ ที่ฉวยโอกาสจากช่องโหว่ของระบบการเงินและเทคโนโลยีการสื่อสารในการหลอกลวงประชาชน ส่งผลให้เกิดความเสียหายมูลค่าหลายร้อยล้านบาทต่อวัน


อย่างไรก็ตาม ในกลางปี 2567 ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เมื่อมีการประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในระดับทวิภาคี ระหว่าง คณะทำงานด้านการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.อ. ดร.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ กับ ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยผมมีโอกาสเข้าร่วมประชุมในฐานะที่ปรึกษาและผู้แทนภาคประชาชน

ข้อมูลสถิติยืนยันชัดเจนว่า ในช่วง มีนาคม 2565 – มีนาคม 2567 (762 วัน) ความเสียหายรวมมีมูลค่า 65,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยวันละ 85.3 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง เมษายน 2567 – สิงหาคม 2568 (518 วัน) ความเสียหายลดลงเหลือ 33,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยวันละ 63.5 ล้านบาท (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, 2568) แสดงให้เห็นว่ามาตรการดังกล่าวสามารถทำให้ขบวนการมิจฉาชีพออนไลน์และแก๊งคอลเซนเตอร์สูญเสียรายได้มากกว่า 8,000 ล้านบาทต่อปี การวิเคราะห์บริบทสถานการณ์ (Contextual Analysis) วิเคราะห์จุดอ่อนสำคัญ พบว่า

  1. การทำงานแยกส่วนแต่ละส่วนหลากหลายมาตรฐาน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (ธนาคารต่าง ๆ ป.ป.ง. ธปท. ตำรวจ กรมสรรพากร ฯลฯ)
  2. การสื่อสารไม่เพียงพอ ทำให้ประชาชนไม่รับรู้ความก้าวหน้า และเกิดความรู้สึก “รัฐทอดทิ้ง” ทั้ง ๆ ที่ วันนี้ทุกภาคส่วนกำลังเดินมาถูกทางแล้ว มาตรการต่าง ๆ ทำให้ขบวนการมิจฉาชีพและแก๊งคอลเซนเตอร์สูญเสียรายได้หลายพันล้านบาท และประชาชนตื่นรู้ตื่นตัวตระหนักมากยิ่งขึ้น
  3. มาตรการคุ้มครองผู้สุจริตยังไม่ชัดเจน จึงทำให้ผู้เสียภาษีและผู้ประกอบการผู้สุจริตสูญเสียแรงจูงใจในการทำดี และตกเป็นเหยื่อขบวนการมิจฉาชีพออนไลน์

ข้อเสนอมาตรการเชิงรุก หากรัฐบาลที่นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เดินหน้าแนวทางเชิงรุกอย่างจริงจัง ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะ “ยุติภัยบัญชีม้า” ได้ภายใน 4 เดือน โดยอาศัยมาตรการสำคัญดังนี้


  1. ศูนย์ตรวจสอบธุรกรรมเร่งด่วน (Fast Track Clearing Center) ศูนย์นี้จะทำหน้าที่กลั่นกรองและเร่งรัดการตรวจสอบธุรกรรมที่ถูกอายัด โดยหากผู้สุจริตมีหลักฐานครบถ้วน จะสามารถปลดอายัดได้ทันทีภายใน 4 ชั่วโมง และกรณีทั่วไปไม่เกิน 48 ชั่วโมง ลดผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและธุรกิจของประชาชนผู้สุจริต
    รัฐบาลใหม่โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี อาจจะพิจารณานั่งหัวโต๊ะจัดตั้งคณะทำงานบูรณาการภายใน 30 วัน โดยมี DES เป็นศูนย์กลาง ประสานทุกหน่วยงานผ่านระบบ Application Programming Interface (API) พร้อมกับกรอบแนวคิดความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เป็นสากลเช่น NIST หรือ ISO/IEC 27001
  2. กรอบแนวคิดธงแดง/ธงเขียว Red Flag/Green Flag Framework ใช้ระบบคัดกรองความเสี่ยงด้วยสัญญาณ “ธงแดง” สำหรับธุรกรรมที่มีพฤติกรรมผิดปกติ เช่น การโอนเงินหลายทอดหรือบัญชีที่เพิ่งเปิดใหม่ และ “ธงเขียว” สำหรับผู้ที่มีประวัติการเสียภาษีต่อเนื่องหรือได้รับการยืนยันจากหน่วยงานรัฐว่าบริสุทธิ์ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและลดความผิดพลาด
  3. การใช้ Financial Integrity Score (FIS) จัดทำคะแนนความน่าเชื่อถือทางการเงินเพื่อมอบสิทธิพิเศษแก่ผู้ที่มีประวัติการเงินโปร่งใส เช่น ได้รับความคุ้มครองมากขึ้น และลดความเสี่ยงที่จะถูกอายัดโดยไม่เป็นธรรม
  4. การทำ AI Fraud Detection และ Blacklist กลางระดับชาติ โดยลงทุนพัฒนาระบบ AI และฐานข้อมูลกลาง เพื่อเฝ้าระวังธุรกรรมผิดปกติแบบเรียลไทม์ พร้อมจัดทำบัญชีดำที่ครอบคลุมทั้ง “บัญชีม้า–เบอร์โทรศัพท์–แอปพลิเคชันหลอกลวง” ให้ทุกธนาคารและผู้ให้บริการโทรคมนาคมสามารถเข้าถึงได้อย่างบูรณาการ
  5. การสื่อสารเชิงรุก โปร่งใส และต่อเนื่อง รายงานสัปดาห์ต่อสัปดาห์ต่อสาธารณะ เช่น จำนวนบัญชีที่ได้รับการปลดอายัด มูลค่าความเสียหายที่ลดลง และผลลัพธ์ของมาตรการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่ารัฐกำลังแก้ปัญหาอย่างจริงจังและเห็นผลได้ทันตา ปรับปรุงกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เพื่อเปิดทางการแชร์ข้อมูลระหว่างหน่วยงานในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันอาชญากรรม

บทสรุป มาตรการนี้ไม่ใช่เพียงการปราบปรามมิจฉาชีพ แต่เป็นการคืนความยุติธรรมแก่ผู้สุจริตและสร้างความเชื่อมั่นในระบบการเงินไทย ให้ประชาชนทุกคนมั่นใจว่า เงินในบัญชีจะไม่ถูกทำให้กลายเป็น “บัญชีม้า” โดยไม่เป็นธรรม แต่ภายในระยะเวลา 4 เดือนนี้ ด้วยความร่วมมือบูรณาการแท้จริงของ รัฐบาล นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงาน ป.ป.ง. และ ธนาคารพาณิชย์ ประเทศไทยจะมีเกราะป้องกันทางการเงินดิจิทัลที่เข้มแข็งที่สุดในภูมิภาค มั่นใจได้เลยว่าจะสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนกลับคืนมาได้เป็นมรรคเป็นผล .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ครม.แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​-​คดีพิเศษ-​พศ.

ทำเนียบฯ 24 ก.ย. – ครม. แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ มอบ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​ -​ คดีพิเศษ -​ สำนักพุทธฯ​ ขณะที่ “เอกนิติ​” คุมพาณิชย์​ -​ สำนักงบฯ ด้าน “ธรรมนัส​” คุมท่องเที่ยว​ -​ เกษตร​ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี​นัดพิเศษ นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ มีมติแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี​ 6 คน​ ประกอบด้วย นายพิพัฒน์​ รัชกิจประการ​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน​ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์​แห่งชาติ​ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒฒาพิเศษ​ภาคตะวันออก​ (อีอีซี) นายโสภณ​ ซารัมย์​ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านสังคม​ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ​ (ส​ทนช.) […]

ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างหน้าวชิรพยาบาล แนะเลี่ยงเส้นทาง

24 ก.ย.- ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างบริเวณหน้าวชิรพยาบาล จนท.เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-ประชาชนใกล้เคียง ออกนอกพื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเส้นทางอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจร ช่วงประมาณ 07.13 น. ศูนย์วิทยุพระราม199 รางานเหตุถนนทรุดตัวเป็นบริเวณกว้างใกล้เคียงอาคารของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน ถึงที่เกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นถนนทรุดตัวขนาดใหญ่ เป็นหลุมกว้าง 30 x 30 เมตร ลึก 50 เมตร ทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าสถานีตำรวจสามเสน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนใกล้เคียง ออกจากจุดที่เกิดเหตุ ล่าสุดสำนักงานเขตดุสิต แจ้งปิดการจราจรแยกวชิรพยาบาล – แยกซังฮี้ และบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ เนื่องจากเหตุผิวจราจรทรุดตัวส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคโดยรอบ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรใกล้เคียงได้ -สำนักข่าวไทย

ครม. ตั้ง “ไตรศุลี” นั่งเลขาธิการนายกฯ อายุน้อยที่สุด

ทำเนียบ24 ก.ย. – ครม.นัดพิเศษ ตั้ง “ไตรศุลี ไตรสรณกุล” เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ วันนี้ (24 ก.ย.) มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ครม. มีมติแต่งตั้งให้นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือเรียกกันว่า “นายกฯ น้อย” ถือเป็นตำแหน่งสำคัญ ต้องคอยสนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรี รวมถึงการบริหารจัดการงานทั่วไป และประสานงานให้กับนายกรัฐมนตรีโดยตรง นอกจากนี้ ยังเป็นตำแหน่งที่จะต้องรวบรวมวิเคราะห์ และกลั่นกรองข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำเสนอความเห็นประกอบการพิจารณา และการสั่งการของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม นางสาวไตรศุลี ถือเป็นผู้ที่รับตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ปัจจุบันนางสาวไตรศุลี อายุ 35 ปี และเป็นลูกสาวของ นายวิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเริ่มต้นการทำงานทางการเมืองด้วยการดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี […]

เจ้าของห้องคอนโด ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด

23 ก.ย. – เจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวายทำลายทรัพย์สิน ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษ หนุ่มเจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์สิน รวมถึงใช้อาวุธมีดมาเคาะประตูเชิงข่มขู่กลางดึก เปิดใจว่าขณะเกิดเหตุตกใจกลัวมาก หากประตูพังอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด ต้องวิ่งไปหลบในห้องนอนและเอาของมาวางกั้นไว้ แต่ก็ยังโทรฯ หาตำรวจและแจ้งนิติบุคคลคอนโด แต่ก็ไม่มีใครขึ้นมา ตอนนี้ต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราวและลางาน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยมีหลายคนที่เจอเหตุการณ์เหมือนกับตนเอง ส่วนทางคู่กรณี ตนอยากจะบอกว่า ถ้าหากมีอาการจิตเวชจริงก็ขอให้เข้ารับการรักษา ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษเพราะเกินเวลานั้นมานานแล้ว ยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะสุดท้ายแล้วเชื่อว่ากฎหมายจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

นายกฯ พบตลาดทุนไทยชื่นมื่น กลไกสร้างการเติบโตทางศก.

ตลาดหลักทรัพย์ฯ 25 ก.ย.- นายกฯ พบตลาดทุนไทยชื่นมื่น เหมือนได้พบกัลยาณมิตร เป็นแหล่งระดมทุน สร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง หารือร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ในหัวข้อ “ข้อเสนอจากตลาดทุน เพื่อเสริมพลังภาครัฐ” นายอนุทิน​ กล่าวก่อนเริ่มประชุมว่า​ วันนี้ตั้งใจมาพบทุกท่านถึงอาคารตลาดหลักทรัพย์​ ขอบคุณทุกท่านที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ตื่นเต้นนอนไม่หลับ​ มาตั้งแต่ 09.00 น. เพราะทราบดี​ ​จะได้มาพบกับกัลยาณมิตร​ที่ดี​ เพื่อนที่หวังดีต่อกันตลอดเวลา​ และความสัมพันธ์ของเราก็พัฒนาไป แต่ละคนก็มีหน้าที่ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง​ แม้จะอยู่ในภาคเอกชน​ ตลาดทุน​ แต่พวกเราในฐานะรัฐบาลก็มีหน้าที่ในการสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือในทุกทาง ที่จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จมากที่สุด​ “ท่านเป็นแหล่งระดมทุนให้กับประเทศ เป็นกลไกในการสร้างการเจริญเติบโตกับทางเศรษฐกิจ​ ว่าประเทศไทยมีความมั่นคงมั่งคั่งในระดับไหน เป็นตัวสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ในต่างประเทศ” นายอนุทิน กล่าว -สำนักข่าวไทย

ที่ปรึกษาสภาวิศวกรรมฯ ยันใช้ถุงทรายอุดช่องว่างในอุโมงค์เหมาะสมสุด

กรุงเทพฯ 25 ก.ย.- ที่ปรึกษาสภาวิศวกรรมฯ ชี้แจงงานกู้ถนนสามเสนยุบคืบหน้า น้ำตามท่อในหลุมหยุดไหลตั้งแต่เวลา 02.00 น. แผนใช้ถุงทรายอุดช่องว่างเป็นวิธีที่ดีมีความยืดหยุ่น และการดำเนินงานเดินมาถูกทางแล้ว ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาสภาวิศวกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขเหตุถนนทรุดบริเวณสร้างรถไฟใต้ดินขนาดใหญ่ ว่า ขณะนี้น้ำที่เคยไหลตามท่อได้หยุดไหลแล้วตั้งแต่เวลา 02.00 น. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของการทำงาน จากนี้ทีมงานจะดำเนินการปิดช่องว่างในอุโมงค์ด้วยการปล่อยถุงทรายลงไป เพื่อปิดช่องทางที่ยังมีอยู่ ยืนยันแผนการใช้ถุงทรายอุดหลุมเป็นแผนที่เหมาะสมกว่าการใช้ชีทพาย เนื่องจากถุงทรายมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวเข้ากับรูปร่างของพื้นที่ได้ดีกว่า และการใช้ทรายที่บรรจุในถุงจะช่วยป้องกันไม่ให้ทรายไหลไปกับน้ำ ทำให้เกิดเป็นลักษณะของกำแพงเพื่อยับยั้งการไหลของดิน ซึ่งเป็นวิธีการที่เคยใช้แม้กระทั่งในเหตุการณ์แผ่นดินไหว คันกั้นน้ำแตก ส่วนอาคาร สน.สามเสน ที่ได้รับผลกระทบ แม้ตามหลักการเสาเข็มหลักของอาคารอาจมีโอกาสที่จะทรุดตัวลงไปอีกได้ แต่ในทางปฏิบัติอาคารยังคงตั้งอยู่ได้ เนื่องจากมีการถ่ายเทน้ำหนักไปยังเสาเข็มอื่น ๆ ซึ่งคล้ายคลึงกับกรณีรถตู้คอนเทนเนอร์ชนอาคารที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ส่วนการตัดสินใจว่าจะรื้อถอนอาคารหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเจ้าของและผู้รับเหมาเป็นหลัก ส่วนอาคารอื่น ๆ โดยรอบยังคงอยู่ในสถานะที่ปลอดภัยและไม่เข้าข่ายความเสี่ยงไม่ถึงขั้นต้องทุบทิ้ง ส่วนที่มีข้อกังวลของประชาชนเกี่ยวกับพื้นที่ที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าและหลังสร้างเสร็จจะปลอดภัยหรือไม่นั้น ในขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างพื้นที่เหล่านี้อาจไม่มีความมั่นคง แต่เมื่อก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์จะมีความมั่นคง ปลอดภัย และต้องมีการทดสอบความปลอดภัยเรียบร้อยแล้วถึงเปิดให้บริการ.-416-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ส่งหนังสือแจ้งพร้อมแถลงนโยบาย 29 ก.ย.เป็นต้นไป

รัฐสภา 25 ก.ย.- “นายกฯ อนุทิน” ส่งหนังสือแจ้ง “ประธานรัฐสภา” พร้อมแถลงนโยบายรัฐบาล 29 ก.ย.นี้ เป็นต้นไป เตรียมส่งเล่มนโยบาย-คำแถลงรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ต่อรัฐสภาวันนี้ ว่าที่ร้อยตำรวจตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนส่งมายังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เรื่องการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา โดยในวันนี้ (25 ก.ย.) รัฐบาลจะส่งเล่มนโยบายจำนวน 1 เล่ม มายังรัฐสภาพร้อมกับคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้กำหนดวันพร้อมที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2568 เป็นต้นไป .-316 -สำนักข่าวไทย

ทภ.1 แจ้งเลื่อนการประชุม RBC สมัยพิเศษ

25 ก.ย. – กองทัพภาคที่ 1 แจ้งเลื่อนการประชุม RBC สมัยพิเศษ ไปเป็น ต.ค. 68 เหตุข้อมูลทั้งสองฝ่ายยังไม่สมบูรณ์ ขณะที่ทหาร ตำรวจ อส. เตรียมรับสถานการณ์ชายแดนสระแก้ว ย้ำกองกำลังไทยมีความพร้อมเผชิญทุกสถานการณ์ เพจเฟซบุ๊กกองทัพภาคที่ 1 โพสต์ข้อความว่า กองทัพภาคที่ 1 ขอเลื่อนการประชุม RBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1 ด้าน ทภ.1 และ ภท.5 ในห้วง 25-27 กันยายน เป็นเดือนตุลาคม แต่ยังไม่ได้กำหนดวัน เนื่องจากรายละเอียดในการประชุมของทั้งสองฝ่ายยังไม่สมบูรณ์ ยังต้องมีการจัดทำให้ครบถ้วน จึงมีความเห็นร่วมกันทั้งสองฝ่ายให้เลื่อนการประชุมออกไป กำลังพล 3 ฝ่าย พร้อมรับสถานการณ์ชายแดนสระแก้วขณะที่กำลังพล 3 ฝ่าย คือ ทหาร ตำรวจ อส. เตรียมรับสถานการณ์ชายแดนสระแก้ว พร้อมติดตามการสร้างถนนเชื่อมชุมชน ย้ำกองกำลังไทยมีความพร้อมเผชิญทุกสถานการณ์ ขณะที่ผู้ว่าฯ ระบุหลังวันที่ 10 […]