กทม. 1 ส.ค.-เครือข่ายคนไทยรักชาติ ยื่นหนังสือถึง “เท้ง” เตือนหากเลือก “อนุทิน” จะมีข้อครหา ดีลล้างคดี 44 สส. หวั่นถูกตลบหลัง จากการใช้อำนาจผ่าน กรรมการองค์กรอิสระ บางคน จนกลายเป็น ไทยรักษาชาติ ภาค 2 ทำ กก.บห.โดนตัดสิทธิ์-ถูกยุบพรรค
เครือข่ายคนไทยรักชาติ เดินทางมายื่นหนังสือ ถึงนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เรื่อง ขอเสนอข้อมูลให้คณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาชนพิจารณา
โดย นายสาธุ อนุโมทามิ ประธานเครือข่ายคนไทยรักชาติ ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาชน ที่มีวัตถุประสงค์ ในการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ในการมีส่วนร่วมในอำนาจของประชาชนและทางเครือข่ายฯ ได้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในการทำนโบายแห่งชาติของประชาชนเสนอให้กับพรรคการเมืองและรัฐบาลด้วยความสร้างสรรค์มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเสนอแนะต่อฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ เมื่อมีกรณีที่จะที่จะมีผลกระทบในการออกกฎหมายหรือกรณีที่กฎหมายมีปัญหาเมื่อบังคับใช้ และได้เคยทำหนังสือถึงหัวหน้าพรรคประชาชน ผ่าน นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ สส.นครราชสีมา พรรคประชาชน เพื่อขอให้ทางพรรคส่งเสริมอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา
ในการนี้ ทางเครือข่ายคนไทยรักชาติ ขอนำเสนอข้อมูลให้ท่านหัวหน้าพรรคเพื่อแจ้งต่อคณะกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค ต่อกรณีที่จะได้ตัดสินใจเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ในเร็วๆ นี้ จากการที่พรรคประชาชนได้แถลงข้อเสนอ 3 ข้อ ต่อพรรคการเมืองที่จะเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อสภาผู้แทนราษฎร โดย สส.ของพรรคประชาชนทุกคนพร้อมเลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรัฐมนตรีคนใหม่ ภายใต้เงื่อนไข ซึ่งขณะนี้ ได้มีการเสนอตัวและพร้อมรับเงื่อนไขของพรรดประชาชน คือ 1.พรรคภูมิใจไทย เสนอแคนดิเตต คือ นาย
อนุทิน ชาญวีรกูล และ 2.พรรคเพื่อไทย เสนอแคนดิเดต คือ นายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งทางพรรดจะได้นำข้อมูลที่ได้จากการเจรจาทั้ง 2 พรรค เสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.ของพรรคได้พิจารณาตัดสินใจในการประชุมวันนี้
ทางเครือข่ายคนไทยรักชาติ ขอเสนอข้อมูลให้ทางพรรคประชาชนต่อกรณีที่จะได้ตัดสินใจ ว่า ถ้าทางพรรคสนับสนุนแคนดิเดตคนใดก็อาจจะมีข้อกังวลว่า เมื่อได้เป็นนายกรัฐมนตรีและจะทำตามข้อตกลงหรือไม่ ซึ่งต้องรอผลการพิสูจน์ในอนาคต ซึ่งทางพรรคอาจจะมีมาตรการรองรับไว้แล้ว ถ้าเกิดการตระบัดสัตย์เกิดขึ้น
ดังนั้น ทางเครือข่ายคนไทยรักชาติ ขอเสนอข้อมูลที่ขอจำลองสถานการณ์ ดังนี้ ถ้าพรรคประชาชนสนับสนุน นายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนติเดตของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาพร้อมทั้งกรรมการบริหารพรรคและแกนนำคนสำคัญว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา จนมีความเชื่อว่า มี สว.เป็น สว.สีน้ำเงิน จนทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งเรื่องสอนสวนร่วมกับ กกต.คดีฮั้ว สว. และ สว.มีบทบาทหน้าที่สำคัญตามรัฐธรรมนูญในการเลือกกรรมการองค์กรอิสระทั้งหมด
โดยปรากฏชัดว่า มีกระบวนเลือกที่เชื่อมโยงว่ามีใบสั่งของผู้มีอิทธิพล ผู้อยู่เบื้องหลัง ที่จะใช้เป็นเครื่องมือทำนิติสงคราม ตุลาการภิวัฒน์ เป็นเครื่องมือที่จะทำลายความยุติธรรมและใช้เป็นเครื่องมือในการกุมอำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จ เหนือกว่าการใช้อำนาจของคณะรัฐประหาร เมื่อผู้มีอำนาจต้องการใช้องค์กรอิสระไปประหัตประหารใครก็ได้ตามอำเภอใจ
และถ้าพรรคประชาชนสนับสนุน นายอนุทินชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะมีข้อครหาว่า ได้มีข้อตกลงเรื่องเดิมที่ 44 สส.และอดีต สส.ของพรรคถูกกล่าวหา ว่าจะได้รับการช่วยเหลือให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหา
ที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือ อาจจะมีการใช้อำนาจผ่านกรรมการองค์กรอิสระบางคนที่มีที่มาภายใต้การสนับสนุนของผู้มีอำนาจ ตั้งข้อกล่าวหาผ่านนักร้องเรียนสีเทา อาจจะเกิดกรณีการใช้โอกาสหลังจากการปิดรับสมัครการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ยื่นเรื่องให้ กกต.และส่งองค์กรอิสระ ตัดสินประหารชีวิตทางการเมืองต่อคณะกรรมการบริหารพรรค และผู้สมัคร สส.ของพรรค กลายเป็นไทยรักษาชาติ ภาค 2 ขึ้นมา และพรรคการเมืองนั้น ก็จะไม่มี สส.แม้แต่คนเดียว คณะกรรมการบริหารพรรคก็จะถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง และถ้าเกิดพรรคนั้นกลาย เป็นพรรคประชาชนขึ้นมา ท่านคิดว่าจะเป็นอย่างไร
หรือหลังจากได้นายกรัฐมนตรีที่มีข้อกล่าวหาขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ข้าราชการที่ทำหน้าที่ โดยเฉพาะผู้บริหารของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็อาจจะถูกการใช้อำนาจที่ไม่ชอบของฝ่ายบริหารที่ถูกกล่าวหากลั่นแกล้งรังแก หรือกรณีข้อกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขากระโดง สนามบินบนถนนนสาธารณะ ผู้ที่เป็นข้าราชการก็จะถูกกลั่นแกล้งรังแก และคดีก็อาจจะไม่เกิดความยุติธรรม
ถ้าผู้ที่ถืออำนาจใช้อำนาจโดยมิชอบเกิดขึ้น ท่านและ สส.ของพรรคจะรับมืออย่างไร เมื่อข้าราชการและประชาชนถูกอำนาจอยุติธรรมทำร้าย พรรคก็จะเกิดความเสียหายต่อคะแนนนิยมไปด้วย ดังนั้น จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนต่อผลกระทบที่จะตามมา หลังจากการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่.-สำนักข่าวไทย