ผู้นำฝ่ายค้านถามเยียวยาชายแดน “ธีรรัตน์” แจงจ่อปรับระเบียบ

รัฐสภา 21 ส.ค.- “ผู้นำฝ่ายค้าน” ถามเยียวยาปชช.ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน “ธีรรัตน์” แจงจ่อปรับระเบียบจ่ายค่าเยียวยาผู้ประสบภัยสงคราม ลั่นเป็นภัยใหม่ใช้เกณฑ์เดียวกับน้ำท่วม-โคลนถล่มไม่ได้ ยันรัฐบาลช่วยค่าน้ำค่าไฟแน่นอน ส่วนที่ผิดพลาดนำไปหักเดือนต่อไปได้


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไยชา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ถามเรื่องการดูแลช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทยกัมพูชา รวมถึงเรื่องการสนับสนุนดูแลสวัสดิภาพ สวัสดิการของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่หน้างาน ทั้งชรบ. เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ว่าตนคาดหวังว่าถ้าจะเป็นการดำเนินการสามารถโทรศัพท์สั่งการได้เลยอย่างที่เคยเกิดขึ้นแล้วก็จะเป็นการดี แต่ถ้าไม่ถึงขั้นนั้นก็ขอคำมั่นสัญญาและคามชัดเจนจากรัฐบาลว่าจะดำเนินการแก้ไขอย่างไรเพื่อทำให้ประชาชนคลายข้อกังวลใจไปได้บาง

จากนั้นนายณัฐพงษ์ ได้เปิดคลิปการลงพื้นที่ พร้อมกล่าวว่า มีประชาชนสอบถามว่าการขอรับเงินเยียวยาทำไมต้องซื้อเอกสาร จริงๆแล้วไม่ใช่ค่าซื้อเอกสาร แต่เป็นค่าก๊อปปี้เอกสาร ซึ่งเป็นเอกสารแบบฟอร์มของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)​มีทั้งสิ้น 11 หน้า จึงต้องจ่ายค่าเอกสาร 11 บาท ทั้งนี้ตนอยากสะท้อนว่ามีความสับสน การปฏิบติไม่ตรงกันอยู่หน้างานจำนวนมาก จากปัญหาทั้งหมดเชื่อว่าปัจจุบันรัฐบาลมีมาตรการหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ แต่ก็ยังมีข่าวออกอยู่ว่าประชาชนกลับจากศูนย์พักพิงไปที่บ้านเจอบิลค่าน้ำค่าไฟ อย่างนี้มีการยกเว้นจริงหรือไม่ หรือเป็นในเรื่องของมาตรการในการจ่ายเงินทดแทนการสูญเสียรายได้ ทุกวันนี้ประชาชนยังไม่ได้รับ จึงมีการเรียกร้องว่าอยากจะได้เป็นรายเดือน สามารถทำได้หรือไม่ การจ่ายค่าเสียหายจากกรณีที่บ้านพังหรือรถเสียหายจะต้องมีกระบวนการทำอย่าไรบ้าง สิ่งต่างๆเหล่านี้อยากได้ความชัดเจนจากรัฐบาล


น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงว่า การเยียวยาช่วยเหลือประชาชนรัฐบาลทำทันทีตั้งแต่การเกิดเหตุความขัดแย้ง จากการสำรวจความเสียหาย พบว่า จ.สุรินทร์ มีบ้านเรือนเสียหาย 107 หลัง ซ่อนแล้ว 58 หลัง อยู่ระหว่างซ่อม 49 หลัง จ.อุบลราชธานี บ้านเสียหา 137 หลัง ซ่อมแล้ว 129 หลัง อยู่ระหว่างซ่อม 8 หลัง จ.บุรีรัมย์ บ้านเสียหาย 16 หลัง ซ่อมแล้ว 14 หลัง อยู่ระหว่างซ่อม 2 หลัง จ.ศรีสะเกษ บ้านเสียหาย 445 หลัง ซ่อมแล้ว 134 หลัง และอยู่ระหว่างซ่อม 311 หลัง อย่างไรก็ดีสำหรับบ้านเรือนที่เสียหายทั้งหลัง ไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยได้ มีการช่วยเหลือของภาคเอกชน เช่น การมอบบ้านน็อคดาวน์ จาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มอบให้ประชาชนที่บ้านเสียหายทั้งหลัง ให้อยู่อาศัยระหว่างซ่อมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวต่อว่านอกจากนั้นยังอนุมัติช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ เดือน ก.ค.-ส.ค. แต่ที่ว่ามีบิลเก็บค่าไฟ อาจเป็นเพราะของเดือน มิ.ย.ที่ การไฟฟ้าเก็บย้อนหลัง ซึ่งได้สร้างความเข้าใจกับการไฟฟ้าและประชาชนแล้ว ส่วนที่บางส่วนมีของเดือน ก.ค. เพราะบิลออกปลายเดือนมิ.ย. หรือ ต้น ก.ค.ก็ได้ขอให้แก้ไขว่า หากประชาชนจ่ายเดือน ก.ค.แล้ว ก็ให้ไปหักกลบกับเดือนถัดไปในอนาคตได้

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้สำรวจแต่ละพื้นที่มีจำนวนผู้ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือ สำหรับพื้นที่ที่มีผู้อพยพ ในศูนย์พักพิงเกิน 15 วัน หรือ 7 วัน มีอัตราการดูแลแตกต่างกัน โดยตั้งแต่เกิดเหตุเกือบ 1 เดือน สามารถทำงานได้ครบไม่ช้า หรือสะดุด ส่วนการช่วยเหลือเป็นไปตามลำดับขั้นแม้รัฐบาลจะอนุมัติเงินช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่ใช่แจกกราด หรือแจกให้หมด เพราะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ส่วนระเบียบที่เป็นอุปสรรคนั้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)สามารถงดเว้นหลักเกณฑ์ได้


นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลปรับปรุงการทำงานในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน หลังจากที่พบว่าขั้นตอนในพื้นที่ล่าช้า ต้องพิสูจน์ทราบ เช่น บางจังหวัดที่พบหมูตาย ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องพิสูจน์ทราบว่า ตายเพราะเหตุระเบิดหรือตกใจเสียงประทัด นอกจากนั้นยังพบการตกหล่น ทั้งนี้ตนมีข้อเสนอให้ตั้งศูนย์สต็อปเซอร์วิสแบบสัญจร ตั้งโต๊ะตามหมู่บ้านเพื่อให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบสามารถร้องเรียนและยื่นเรื่องที่จุดเดียวโดยไม่ต้องเดินทางไปหลายหน่วยงาน รวมถึงนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้ประชาชนได้รับความรวดเร็ว นอกจากนั้นในกลุ่มที่ตกหล่นเพราะไม่มีเอกสารสิทธิ ทะเบียนบ้าน รัฐบาลจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร

น.ส.ธีรรัตน์ ชี้แจงว่า การรับเรื่องร้องทุกข์ได้มอบหมายให้พื้นที่ดำเนินการรับเรื่องราวร้องทุกข์ วันสต็อปเซอร์วิส ทำอยู่แล้ว ส่วนที่มองว่าระบบราชการล่าช้านั้นตนพยายามปรับ ให้ราบรื่นในการทำงาน และแก้ไขสิ่งที่สร้างความสับสนให้กับประชาชน ทั้งนี้การแก้ไขระเบียบ ข้อบังคับที่เป็นอุปสรรคให้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องร่วมมือกันในสภาฯ เพื่อทำงานต่อไป ทั้งนี้ต้องมีการเขียนระเบียบเพื่อดูแลประชาชน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นภัยใหม่ ไม่เหมือนกับเหตุการณ์ดินโคลนถล่ม น้ำท่วม ดังนั้นจึงใช้เกณฑ์เดิมไม่ได้ เพราะเป็นการอพยพ.312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งคุมเข้ม หลังเหตุคาร์บอมบ์ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส

นราธิวาส 21 ส.ค. – ความคืบหน้าเหตุคาร์บอมบ์ ในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อคืนที่ผ่านมา อส.บาดเจ็บ 6 นาย แม่ทัพภาคที่ 4 รุดตรวจที่เกิดเหตุ สั่งปิดช่องทางหลบหนี คุมเข้มแนวชายแดน ภาพจากกล้องวงจรปิด เหตุคาร์บอมบ์เมื่อคืนนี้ ช่วงเวลา 20.20 น. บริเวณหน้า จุดตรวจ/จุดสกัด ฐาน ชคต.ศาลาใหม่ ม.1 บ้านโคกมะเฟือง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ก่อนคนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไปทางซอยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเล จังหวัดนราธิวาส โดยคนร้ายไม่ทราบจำนวนก่อเหตุใช้รถยนต์ Toyota Yaris สีดำ บรรทุกวัตถุระเบิด ขับเข้าพุ่งชนแนวกระสอบทรายบริเวณดังกล่าว ก่อนคนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไปทางซอยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเล จังหวัดนราธิวาส แรงระเบิดส่งผลให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร (อส.) ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ในฐานได้ยิงตอบโต้เพื่อสกัดกั้นเส้นทางของคนร้าย หลังเกิดเหตุ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผอ.รมน.ภาค 4 สั่งการเร่งด่วนให้หน่วยกำลังในพื้นที่ปฏิบัติตามแผนสกัดกั้น ประสานทุกภาคส่วนร่วมปิดล้อมตรวจสอบเส้นทาง […]

รองแม่ทัพภาค 2 โพสต์เล่าที่มาปัญหา “ช่องอานม้า”

21 ส.ค. – รองแม่ทัพภาค 2 โพสต์เล่าที่มาปัญหา ‘ช่องอานม้า’ เป็นบทเรียนของไทย ชี้ความเพิกเฉยต่อประเด็นความมั่นคง ส่งผลให้เกิดปัญหาใหญ่ระยะยาว พลตรีณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์เล่าเกี่ยวกับพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน ว่าความจริงมีหนึ่งเดียว โดยช่องอานม้าเป็นช่องเขาลักษณะคล้ายอานม้า เป็นช่องทางธรรมชาติใช้ชักลากไม้นำเข้าจากกัมพูชา ห้วงสงครามกลางเมืองชาวกัมพูชาได้หนีภัยสู้รบเข้ามา ไทยได้เอื้อเฟื้อ ตั้งศูนย์อพยพตามหลักมนุษยธรรม โดยมีหน่วยงานสหประชาชาติอำนวยการ หลังการสู้รบ ได้ส่งคืนผู้อพยพกลับประเทศ แต่มีส่วนหนึ่งยังคงปักหลักตั้งถิ่นฐานไม่ยอมกลับ ด้วยหลักมนุษยธรรมที่สากลนำมากล่าวอ้างและความไม่เด็ดขาดของเรา ทำให้ไม่สามารถผลักดันกลุ่มคนเหล่านี้ออกจากพื้นที่ได้หมดและยืดเยื้อจนเป็นปัญหาถึงปัจจุบัน ปี 2542 ไทยและกัมพูชา เห็นชอบเปิดช่องอานม้าเป็นจุดผ่อนปรนเพื่อการค้า กำหนดให้ตลาดฝั่งกัมพูชาอยู่ชุมชนเดิม แต่กัมพูชาจับจองพื้นที่ขยายชุมชนจาก 30 หลังเป็นกว่า 100 หลัง ขณะที่ตลาดฝั่งไทยกลับลึกเข้ามาจากแนวเขตแดน 300 เมตร ปี 2554 ในขณะมีข้อขัดแย้งพื้นที่เขาพระวิหาร กัมพูชาใช้ห้วงเวลาที่เราตรึงการรบแอบสร้างอนุสาวรีย์ตาอม และปรับปรุงมาเรื่อยๆ จากแบบชั่วคราว จนเป็นแบบถาวรและขยายบ้านเรือน ฝ่ายทหารได้พยายามแก้ไขด้วยการเจรจาและประท้วง ผ่านกลไกทางทหารและกระทรวงการต่างประเทศ รวม 65 ครั้ง แต่ฝ่ายกัมพูชาเพิกเฉย ซึ่งสร้างความอึดอัดแก่ทหารในพื้นที่เป็นอย่างมาก […]

ศาล รธน. เริ่มไต่สวน เลขาฯ สมช. ปากแรกปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-ศาล รธน. เริ่มไต่สวน เลขาฯ สมช. ปากแรกปมคลิปเสียง ย้ำเป็นความลับความมั่นคง สั่งห้ามเปิดเผย รายละเอียดการไต่สวน-บิดเบือนข้อกฎหมายทำสังคมสับสน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.30 น วันที่ 21 ส.ค. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยานบุคคลกรณีที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องของส.ว.จำนวน 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรี ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 106 (4) และ (5) หรือไม่ เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง นางสาวแพทองธาร และสมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ […]

“แพทองธาร” ถึงศาล รธน. ยิ้มสู้ ปัดตอบสื่อวันเกิดอยากได้อะไร

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” ถึงศาล รธน. ยิ้มสู้ ปัดตอบสื่อวันเกิดอยากได้อะไร ทำบุญแล้วกำลังใจดีหรือไม่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเดินทางมาถึงที่ศาลรัฐธรรมนูญเวลา 09:27 น. ในนัดไต่สวนคดีคลิปเสียงสนทนา กับฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรียังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม และยกมือไหว้สวัสดีทักทายสื่อมวลชน สื่อมวลชนบางส่วนกล่าว Happy Birthday เนื่องในวันคล้ายวันเกิด 39 ปีวันนี้ ขณะที่นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนที่พยายามสอบถามว่าวันนี้วันเกิด อยากได้อะไรหรือไม่ และเมื่อวานที่ได้ไปทำบุญ มีกำลังใจดีหรือไม่ โดยนายกรัฐมนตรีได้แต่ยกมือไหว้และยิ้มให้เท่านั้น ก่อนเดินขึ้นไปยังห้องพิจารณาคดีพร้อม นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และทีมทนายความส่วนตัว จากนั้นไม่นาน นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี และนางสาวพินทองทา ชินวัตร พี่สาว เดินตามเข้ามาในอาคารเพื่อมาให้กำลังใจ ขณะเดียวกันในวันนี้ นายสมชาย แสวงการ และนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีต สว. ได้เดินทางมารับฟังการสืบสวนไต่สวนด้วย.-319.-สำนักข่าวไทย