รัฐสภา 20 ส.ค.- “ผู้ว่าปู” ป้อง “หมอสุภัทร” ทำประโยชน์ให้คนติดเชื้อโควิด หากถูกให้ออกจริงก็เสียใจ ทั้งที่สละชีวิต ชี้จัดซื้อผิดระเบียบหรือไม่ “ไม่รู้” รู้แค่หมอเสียสละและอดทน ถามเวลานั้น “เลือกความตายหรือระเบียบ” ด้าน “เทวฤทธิ์” แนะกก.สอบ ดูข้อผ่อนปรนของกรมบัญชีกลางด้วย
นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี สว. และประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ(กมธ.)พัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แถลงกรณีที่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา ที่ถูกสอบวินัยร้ายแรง ให้ออกจากราชการ กรณีการจัดซื้อชุดตรวจเอทีเค ขัดระเบียบจัดซื้อจัดจ้างกระทรวงการคลังว่า หากทุกคนย้อนคิดถึงช่วงโควิดที่เกิดขึ้นในเมืองไทยไมมีใครพูดถึงการตรวจหาเชื้อด้วยเอทีเค แต่นพ.สุภัทร เป็นริเริ่มโครงการนี้ขึ้นมาเป็นคนแรก ซึ่งปรากฎผลงานของนพ.สุภัทร ที่ระดมกำลังตรวจหาเชื้อโควิด ตั้งแต่ปี 64 ซึ่งการตรวจหาชื้อในขณะนั้นมีขีดจำกัด และรัฐบาลก็มีขีดจำกัดในการดำเนินการ ดังนั้นการดำเนินการของนพ.สุภัทรถือว่าเป็นคุณูปการอย่างยิ่งทำให้คนไทยตื่นตัวมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อได้รับการรักษา ซึ่งทำให้ปัญหาเบาบางลง
นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า หากถามความรู้สึกของประชาชนตอนนั้น ถามหัวใจดูประชาชนชื่นชอบโครงการนี้มาก ซึ่งตนก็เป็นผู้ประสบคนหนึ่ง เพราะขณะนั้นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร รู้ว่าใช้จ่ายเงินน้อยมากเพราะติดระเบียบของราชการ สวนใหญ่จะเป็นเงินบริษัทที่บริจาคเข้ามา เราจึงเอาเหตุเป็นตัวตั้ง ซึ่งเราไม่รู้ว่าสิ่งที่นพ.สุภัทรจัดซื้อเอทีเคมีจำนวนเท่าไหร่ ผิดระเบียบอย่างไร แต่ยืนยันได้อย่างเดียวว่าหมดที่อยู่ในคณะตรวจนพ.สุภัทรเสียสละอดทน และดำเนินการอย่างมีมนุษยธรรม
“ดังนั้นถ้าเป็นดังข่าวว่าจะถูกให้ออกจากราชการจริง ผมและคณะมีความเสียใจอย่างมาก เพราะวันนี้นพ.สภัทรได้เสียสละชีวิตของตนเองได้มาตรวจหาเชื้อ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้กับโควิดได้เป็นอย่างดี ถามจริงๆว่าณ วันนั้นระหว่างระเบียบกับความตายเรื่องไหนสำคัญกว่า ความตายก็ต้องสำคัญกว่าระเบียบเอาไว้ทีหลัง และเหตุการณ์นี้ผ่านมา 4-5 ปีแล้ว เรื่องนี้ยังถูกฟื้นฝอยหาตะเข็บว่าการจัดซื้อจัดจ้างไม่โปร่งใสอย่างนั้นเหรอ นี่คือผลตอบแทนของคนที่ทำเพื่อส่วนรวม ผมไม่ทราบว่าสิ่งที่นพ.สุภัทรดำเนินการมีอะไรบ้าง แต่สิ่งที่หมอชนบทบุกกรุงนั้นได้ประโยชน์อย่างยิ่ง” นายวีระศักดิ์ กล่าว
ด้านนายเทวฤิทธิ์ มณีฉาย สว. ในฐานะโฆษก กมธ.ฯ กล่าวว่า ตนยังคงสงสัยว่าทำไมเลือกตรวจเฉพาะกรณีของนพ.สุภัทร เพราะโรงพยายาลที่มาร่วมโครงการหมอชนบทบุกกรุงก็มีหลายโรงพยาบาล และการจัดซื้อจัดจ้างเอทีเคก็มีหลายโครงพยาบาล ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องมีความโปร่งใส และในห้วงเวลาที่มีโควิดระบาดนั้น นั้นทางกรมบัญชีกลางมีหนังสือเรื่องการดำเนินการกรณีการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยาหรืออุปกรณ์การแพทย์หรือการจ้างเพื่อให้ได้มาซึ่งวัสดุการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อที่ให้ยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงในการกำหนดวงเงินการจัดซื้อจัดจ้างวัสดุ โดยเฉพาะเจาะจงจนกว่าจะมีการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งข้อมูลของกรมบัญชีกลางนี้สะท้อนว่ามีแนวนโยบายผ่อนปรน และปลดเล็อค จึงคิดว่ากรรมการที่สอบนพ.สุภัทรควรจะต้องดูรายละเอียดตรงนี้ด้วย ไม่ใช่ดูแค่ผิดหรือไม่ผิดระเบียบเเท่านั้น.-312 -สำนักข่าวไทย