ทำเนียบ 9 มิ.ย.-“ภูมิธรรม” ชี้กัมพูชายอมถอย เป็นความสำเร็จจากการเจรจา “ฮุนเซน-ฮุนมาเนต” และพูดคุยในทุกระดับ โยน กองทัพพิจารณามาตรการปิดด่าน เชื่อสถานการณ์จะค่อยๆ คลี่คลาย ย้ำถก JBC ยึดกรอบเดิม ไม่มีคุยปม 3 ปราสาท หวังความชัดเจนเส้นเขตแดน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชายอมถอนกำลังออกจากจุดประทะ และกลับไปอยู่ ในจุดที่เคยอยู่เมื่อปี 2567 ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากหลายปัจจัย และเป็นขบวนการที่พยายามพูดคุยกันทุกระดับ ตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี จนไปถึงระดับกองทัพ โดยมีทูตทหารของไทยในกัมพูชาเป็นผู้ประสานงาน ซึ่งการพูดคุยมีมาอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงเมื่อวาน เวลาประมาณ 11.00 น. ซึ่งสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็เห็นตรงกันว่าอยากหาข้อยุติที่เป็นสันติด้วยกัน เพราะการทำสงครามมันไม่มีประโยชน์ ซึ่งตนได้แจ้งว่า ในฐานะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่เป็นผู้รับผิดชอบการสั่งให้รบกันมันง่าย แต่ความสูญเสียจะเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย ดังนั้น สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างยุติ โดยไม่เกิดความสูญเสีย สิ่งสำคัญคือ เราอยากลดการเผชิญหน้า ซึ่งจากการพูดคุยพบว่ามี มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนทั้งสองฝ่าย จึงเหมือนว่าการคุยกันยังไม่ยุติ จึงต้องพูดคุยกันใหม่ และตนได้แสดงจุดยืนของไทย เนื่องจากทางการกัมพูชามีการออกเอกสารชี้แจงมาก่อน
จากนั้นทางกองทัพกัมพูชาได้มีการประสานผ่านทางทูตทหารไทยว่าต้องการลงไปสำรวจพื้นที่ร่วมกัน ไทยจึงได้ส่งรองแม่ทัพภาคที่ 2 ไป ที่มีความคุ้นเคยกับพื้นที่ และมีความสัมพันธ์ในระดับอันดีระหว่างกองทัพ เป็นตัวแทนไปพูดคุย ซึ่งฝั่งกัมพูชายอมตามข้อเสนอที่ต้องการให้มีการลงไปสำรวจพื้นที่พร้อมกันและกลบคูเลตที่ได้ขุดไว้ รวมถึงขอให้ปรับกำลังไปอยู่ในจุดที่เคยอยู่ในปี 2567 ในขณะที่ไทยก็อยู่ในจุดเดิม ครั้งนี้ถือว่าเราประสบความสำเร็จ ในการยุติการเผชิญหน้า ซึ่งเป็นข้อแรกสุดที่เราอยากได้เพื่อให้สถานการณ์ค่อยๆคลี่คลายลง ซึ่งตอนนี้ถือว่ายุติเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้คือการเจรจา JBC ในวันที่ 14 มิ.ย.68 ซึ่งวาระการพูดคุยยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งทางไทยอยากให้เคลียร์เรื่องเส้นแดนให้ชัดเจนและจะประคองกันอย่างไรไปจนกว่าจะมีข้อตัดสินหรือจะใช้เงื่อนไขอะไรในการตัดสินใจ โดยเชื่อว่า หลังจากนี้บรรยากาศจะค่อยๆ คลี่คลาย
ส่วนกรณีปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และประสาทตาควาย นายภูมิธรรม กล่าวว่า คงจะไม่มีการนำไปพูดคุยในการเจรจา JBC แต่หากกัมพูชาหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเราก็พร้อมรับฟัง
ส่วนมาตรการปิดด่าน นายภูมิธรรมกล่าวว่าได้มีการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 1 แม่ทัพภาคที่ 2 และกองกำลังจันทบุรี ว่าจะใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เพราะเราไม่ต้องการให้เสียเลือดเนื้อแม้แต่หยดเดียว ชีวิตประชาชนชายแดนทั้งสองฝั่ง และทหารหาญของเรา เป็นสิ่งสำคัญเราอยากแก้ปัญหาแต่ไม่อยากใช้ความรุนแรงที่เกิดความเสียหาย จึงต้องขอบคุณกองทัพที่อดทนอดกลั้น และมีความเข้าใจมาโดยตลอด พร้อมให้ความร่วมมือประสานงานจนสำเร็จ ซึ่งในส่วนของกระทรวงกลาโหม ตนได้มอบหมายให้พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ประสานงาน กับเหล่าทัพในทุกส่วน ในฐานะที่มีความผูกพันกัน ส่วนตนจากผู้เฉพาะเรื่องที่มีความสำคัญ หากเรื่องใดที่เป็นปัญหาก็ให้ตัดสินใจแล้วแจ้งมา ว่าจะแก้ไขอย่างไร ทั้งนี้ ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนประชาชนทั้งสองประเทศ ที่ใช้ความอดทนอดกลั้นแม้จะมีอารมณ์ไปบ้าง แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงมาตรการปิดด่านชายแดน ว่าจะต้องการพิจารณาตามสถานการณ์ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ถือว่าปิดด่าน แต่แค่จำกัดเวลาและจำกัดคน ยังไม่กระทบต่อการค้าขาย โดยตั้งแต่ เมื่อวานจนถึงเมื่อคืนมีการรายงานสถานการณ์ให้นายกรัฐมนตรี ได้ทราบตลอด
เมื่อถามว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นเมื่อวานเกิดจากมาตรการปิดด่านหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า น่าจะมาจากหลายมาตรการ ไม่ใช่การปิดด่าน แต่สิ่งสำคัญ คือ การได้พูดคุยกันกับ สมเด็จฯ ฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน เมื่อมีความเข้าใจกันแล้ว จึงทำให้การประสานงานในระดับกองทัพเกิดขึ้น
เมื่อถามว่าการตรึงกำลังทหารบริเวณชายแดนของกัมพูชาประมาณ 10,000 นาย จะมีการปรับลดลงหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องรอดู แต่เชื่อว่ามันจะค่อยๆ คลี่คลาย แต่จะให้ปลดทันทีก็คงไม่ถูกในวิสัย ซึ่งแม้ว่าจะมีการตรึงกำลังจริง แต่ไม่มีสัญญาณของการปะทะ ก็คงมีแถวช่องบกกับ สามเหลี่ยมมรกต ที่ตอนนี้คลี่คลายลงแล้ว.-315.-สำนักข่าวไทย