ทำเนียบรัฐบาล 4 พ.ค. – นายกฯ กำชับกระทรวงมหาดไทยเร่งระบบ Cell Broadcast ให้ทันใช้ต้นเดือนกรกฎาคม พร้อมแจงรัฐบาลเตรียมข้อมูลหลังบ้านแจ้งเตือนประชาชนแล้วหากเกิดภัยพิบัติ ย้ำเหตุอาคาร สตง.ถล่ม จากแผ่นดินไหวต้องทราบสาเหตุโดยเร็ว เร่งสรุปสาเหตุ 90 วัน
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร”ถึงการรับมือแผ่นดินไหวครั้งแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ว่า ตอนนั้นตนเองอยู่ภูเก็ต กำลังนั่งประชุมกับส่วนราชการจังหวัดภูเก็ตติดตามเรื่องคมนาคม ทันทีที่ทราบเหตุการณ์แผ่นดินไหว ได้สั่งการปิดประชุม และได้เปิดประชุมผ่าน Zoom กับผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้า และได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งต้องยอมรับว่าประเทศไทยยังไม่เคยรับมือกับสถานการณ์แผ่นดินไหวที่จริงจังมาก่อน จึงต้องให้ความรู้ในการรับมือกับสถานการณ์ ทั้งนี้ ขณะเกิดสถานการณ์แผ่นดินไหว ตนเองได้ประสานงาน ติดต่อกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และปลัดกรุงเทพมหานครอยู่ตลอดเวลา พร้อมสั่งการให้กองทัพ นำรถมาอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน โดยเร่งนำประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยง ส่วนเรื่องอำนวยการ ได้มอบหมายให้กรุงเทพมหานครเป็นส่วนหน้าขึ้นตรงกับกระทรวงมหาดไทย เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยวันต่อมา ตนเองได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมหารือเรื่องการส่ง sms แจ้งเตือนภัย ซึ่งอย่างที่ทุกคนทราบว่าวันเกิดเหตุแผ่นดินไหว sms ไม่สามารถส่งแจ้งเตือนประชาชน ทั้งนี้ จากการทดลอง สามารถส่ง sms ได้แค่ 1,000 หมายเลขเท่านั้น แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง sms จะส่งถึงประชาชน เป็นเรื่องที่ต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วน โดยได้บูรณาการการทำงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการ กระบวนการ พร้อมออกแบบข้อความ รวมถึงข้อปฏิบัติหากเกิดแผ่นดินไหว หรือเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ขึ้น จำเป็นต้องมีการทบทวนใหม่ทั้งหมด คือทำให้ง่ายที่สุด เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด หากเกิดเหตุคับขัน สามารถส่งข้อความฉุกเฉิน ซึ่งเป็นข้อความที่มีประโยชน์ ถูกต้อง และทันที ผ่านทางเซลล์บอร์ดแคส ไปยังมือถือของประชาชนในพื้นที่ที่กำหนด ไม่เพียงแต่ใช้แจ้งเตือนแผ่นดินไหวเท่านั้น ยังใช้ในสถานการณ์น้ำท่วม หรือเหตุความไม่สงบด้วย ซึ่งสามารถส่งครั้งเดียว กระจายไปถึงประชาชนได้ทีละหลายล้านคน
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง ความคืบหน้าการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงกรณีตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ว่า ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการหาความเท็จจริง โดยได้มีการหารือกับกรมโยธาธิการและผังเมืองว่า จะทราบคำตอบที่แท้จริงเหตุผลของเหตุการณ์ตึกถล่มได้อย่างไร ซึ่งจะต้องมีการจำลองเหตุการณ์จาก 4 สถาบันร่วมกับกรมโยธาธิการฯ นำข้อมูลจากการทดลองมาเปรียบเทียบข้อมูล เพื่อหาข้อมูลที่แท้จริงว่า ตึกเดียวถล่มได้อย่างไร มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก ทั้งหมดจะต้องใช้เวลาประมาณ 90 วัน สำหรับตนเองรู้สึกว่าใช้เวลานานในการหาคำตอบ ไม่ทราบว่าตรงไหนเป็นจุดที่พลาด ถือเป็นเรื่องใหญ่มากของประเทศไทย
“ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง รับไม่ได้ว่าจะไม่มีคำตอบในเรื่องนี้ ซึ่งได้มีการติดตามอย่างไกลชิด ได้มีการกำชับกับตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ถ้าในกระบวนการหากมีความผิดตั้งแต่การอนุมัติ การอนุญาต และการถูกออกแบบขึ้นมา ถ้าผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี ยังไม่ต้องพูดเรื่องตึกถล่ม และตึกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้มีการตรวจสอบเช่นกัน อยากให้มีพื้นฐานที่เป็นมาตรฐานที่ดีของประเทศ และตึกที่สร้างใน กทม. ด้วยข้อจำกัดของกฎต้องสามารถรองรับแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นได้“ นายกรัฐมนตรี ระบุ
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่หลังจากเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม ได้มีญาติของผู้สูญหายชาวเมียนมา เข้ามาหาตนเอง และบอกว่า ช่วยคนเมียนมาด้วย ซึ่งเขากังวลว่าคนในครอบครัวของเขาหายไปในประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศของเขา เขาจะได้รับความช่วยเหลือ ตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้บอกว่า รัฐบาลจะช่วยอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นคนเมียนมา หรือคนไทย เพราะทุกคนคือคน รัฐบาลอยู่ตรงนั้นต้องช่วยกันสุดความสามารถอย่างเต็มที่ โดยมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้รับผิดชอบอยู่หน้างาน ซึ่งการค้นหาผู้สูญหายยังมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้พบจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น ทุกคนพยายามจะเคลียร์เรื่องไซต์งานให้หมด คาดว่าใกล้จะเสร็จแล้วไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ พยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อให้เคสนี้จบไป ต้องการให้ญาติผู้เสียชีวิตนำร่างกลับไปทำพิธีที่ตามที่นับถือหรือศรัทธาต่อไป
“หากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวอีกครั้ง ซึ่งไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ แต่ว่าถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้ รัฐบาลได้รองรับไว้หมดแล้วว่าจะทำอย่างไร ประชาชนต้องปฏิบัติตัวอย่างไร โดยมีขั้นตอนการแจ้งเหตุ ขั้นตอนในการเอาตัวรอดรักษาชีวิต รัฐบาลเตรียมพร้อมทั้งหมด ทุกระบบถูกจัดการถูกวางแผนไว้อย่างดีและรัดกุม” นายกรัฐมนตรีกล่าว .-312-สำนักข่าวไทย