“กัณวีร์” โชว์จดหมายจริงอุยกูร์​ มีลายน้ำราชทัณฑ์ ส่งถึงนายกฯ​

รัฐสภา 4 มี.ค.-“กัณวีร์” โชว์จดหมายจริงอุยกูร์​ มีลายน้ำราชทัณฑ์ ส่งถึงนายกฯ​ บอกเป็นคนเดียวที่รับรู้ความรู้สึกครอบครัวได้กลับมาพร้อมหน้า รับได้จดหมายมาไม่ถูกต้อง​ แต่ซื้อบาทเดียวสะเทือนทั้งโลก​ จี้รัฐงัดหลักฐานสู้อุยกูร์อยากกลับจริง

นายกัณวีร์ สืบแสง​ สส.​บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม​ แถลงชี้แจงข้อกล่าวหา​​สร้างเฟคนิวส์​จดหมายอุยกูร์ปลอมว่า​ สิ่งที่จำเป็นจริงคือคำตอบของรัฐบาลไทย ว่าชาวอุยกูร์​สมัครใจจริงหรือไม่ เป็นประเทศเดียวหรือไม่ที่ต้องการรับตัว แม้กระทั่งประเทศที่ 3 ซึ่งเป็นคำถามใหญ่ๆ ที่ยังไม่มีคำตอบ และตอนนี้คำถามของสังคมพุ่งมาหาตนว่า จดหมายที่นำเสนอจริงหรือไม่​ ตนไม่อยากเอาเป็นสารัตถะสำคัญในการผลักดันผู้ลี้ภัยออกจากประเทศไทยและต้องไปเจอการประหัดประหารในประเทศต้นกำเนิด ตอนลี้ภัยมาเกือบ 11 ปีแล้ว เป็นหลักฐานชัดเจนว่ายังมีอยู่ในห้องกับจนกระทั่งวันที่ 27 กุมภาพันธ์ จึงเดินทางกลับ ตอนนี้เพื่อตอบคำถามสังคม จึงขอยืนยัน โดยนำจดหมายมาเปิดโชว์สื่อ พร้อมอธิบายรายละเอียดว่า​จดหมายดังกล่าวมีตราปั๊มลายน้ำติดบนกระดาษจากกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นกระดาษฉีกที่หาได้ตามกรมราชทัณฑ์ ทั้ง 2 ด้านมีลายน้ำ​ ผู้ต้องขังทุกคนสามารถซื้อได้ราคาแผ่นละ 1 บาท​ ซึ่งเสียเงิน 1 บาทแต่สะเทือนทั้งโลก โดยตนได้มาจากภาคประชาสังคม ที่ติดตามกรณีชาวอุยกูร์​


“ผมไม่เคยพูดว่าจดหมายฉบับนี้ออกจากกรมราชทัณฑ์อย่างถูกต้อง ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ แต่ผมได้มาจากผู้ต้องกักสวนพลู ซึ่งเป็นชาวอุยกูร์ที่เคยอยู่ในเรือนจำ เพราะถูกต้องคดี ทั้งหมด 7 คน แต่ 5 คนยังอยู่ในเรือนจำ 2 คนออกมาแล้ว ถูกผลักดันกลับประเทศจีน” นายกัณวีร์​ กล่าว

นายกัณวีร์​ ยังระบุว่า การที่ต้องมาดูกระดาษแผ่นนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่สิ่งจำเป็นคือรัฐบาลต้องออกมายืนยัน ภาพลักษณ์ของประเทศไทย ว่าไม่ได้ผลักดัน ได้ยึดมั่นในมาตรฐานสากล เรื่องการแก้ปัญหาผู้ลี้ภัย และการทำงานของรัฐบาลไทยต้องไม่ผิดหลักกฎหมายภายในประเทศ รวมถึงกรอบอนุสัญญาต่างๆ ไม่ใช่มาถามกรมราชทัณฑ์ ว่าจดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายจริงหรือปลอม​ และยืนยันว่าจดหมายฉบับนี้ เป็นของพี่น้องชาวอุยกูร์ที่ถูกกักขัง และถูกผลักดันกลับประเทศไปแล้ว


นายกัณวีร์ กล่าวว่าจดหมายฉบับนี้ เขียนถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยากให้ลองคิดดูว่าหากเป็นท่านจะรู้สึกอย่างไร เพราะท่านก็เพิ่งได้รับการกลับมาอยู่พร้อมกับครอบครัว ซึ่งอยากสะท้อนให้เห็นความเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ว่าคนที่มีอำนาจอยู่ในขณะนี้ ทำให้เขากลับไปรวมตัวกับครอบครัวได้ จะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน

ส่วนกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่าการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศ เป็นการป้องปรามไม่ให้เกิดการก่อเหตุรุนแรงขึ้นอีก หลังเคยมีเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ ​นายกัณวีร์ ​กล่าวว่า​ เป็นคนละเรื่อง เพราะการเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการกฎหมาย แล้วอยู่ระหว่างการสอบพยานอีกกว่า 170 ปาก​ จึงมองว่าการผลักดันชาวอุยกูร์ออกประเทศ ไม่ใช่การป้องปรามเหตุการณ์ต่างๆ แต่จริงๆ แล้วมองว่าเกิดขึ้น เพราะรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนพูดคุยกัน ในช่วงเดียวกับที่มีการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่รัฐบาลจีนส่งเครื่องบินเข้ามารับ แก๊งคอลเซ็นเตอร์​ ซึ่งตอนนั้นตนได้ออกมาเปิดเผยเรื่องการผลักดันชาวอุยกูร์ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพ่อเฟคนิวส์ สร้างข่าวลือข่าวปลอมบ้าง แต่ยืนยันว่าทุกข่าวที่นำมามีหลักฐาน

นายกัณวีร์ ยืนยันว่าพยายามจะสร้างภาพลักษณ์ให้กับประเทศไทย เพราะหากประเทศไทยไม่สามารถยึดมั่นตามหลักสากลได้จะมีข้อครหา และมีคำถามกลับมาเวทีระหว่างประเทศ ว่าประเทศไทยไม่สนับสนุนเรื่องสิทธิมนุษยชนหรือมนุษยธรรมหรือไม่ เพราะทุกคนทราบดีว่า ขณะนี้เราเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จึงต้องแสดงให้เห็นว่าเรายึดมั่นตามหลักสิทธิมนุษยชน​ พร้อมระบุอีกว่าตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินว่าชาวอุยกูร์ขอกลับประเทศ หรือมีความสมัครใจมากน้อยแค่ไหน และไม่เคยได้ยินว่าเขาต้องการกลับบ้าน จะเห็นจากสื่อต่างๆ ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ชาวอุยกูร์ 40 กว่าคนอดข้าวประท้วง หลังจากมีความเป็นไปได้ว่าจะถูกผลักดันกลับประเทศ


ทั้งนี้ หากมีหลักฐานใดก็ตามที่บอกว่าชาวอุยกูร์ สมัครใจจริงๆ ขอให้นำมาโชว์ โชว์ว่าเราไม่มีการผลักดันคนกลับไปสู่การถูกประหักประหารอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการลดแรงประทะในเวทีระหว่างประเทศ เพราะหากกลุ่มเสรีนิยมประชาธิปไตยถามประเทศไทยว่ามีหลักฐานอะไรที่บอกว่าไม่ได้ผลักดันและเขาสมัครใจจริงๆ จะสามารถตอบได้หรือไม่

สำหรับจดหมายที่นายกัณวีร์ นำมาแสดง ได้เขียนถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งมาจากครอบครัวนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งอย่างแรกต้องขอแสดงความเคารพและนับถือเป็นอย่างยิ่ง และขอโทษด้วยที่ส่งจดหมายนี้มารบกวน พวกเราเป็นชาวอุยกูร์ที่ถูกกักขังในประเทศไทยมากกว่า 10 ปี​ และหนึ่งในพวกเรามีคนที่ทั้งเสียชีวิตและป่วย เพราะไม่ได้รับแสงแดดและอากาศที่บริสุทธิ์ ดังนั้นพวกเราขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย เพื่อส่งพวกเราไปยังประเทศใดก็ได้ ที่เราสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างมีความสุขกับครอบครัว ซึ่งคุณเป็นเพียงคนเดียวที่รับรู้ความรู้สึกและเหตุการณ์เช่นนี้ และสามารถปลดปล่อยพวกเรา จากประเทศนี้ได้ เหมือนพระเจ้าที่ช่วยเหลือครอบครัวคุณให้กลับมาพร้อมหน้าอีกครั้ง และช่วยคนที่ลำบาก เหมือนชาวอุยกูร์ให้กลับไปเจอหน้าพร้อมครอบครัว​ และเราจะตั้งหน้าตั้งตารอความเมตตาจากคุณ.-319​.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]