รัฐสภา 24 มี.ค.- “ภูมิธรรม” ชี้ “กัณวีร์” พลาดที่เปิดประเด็นอุยกูร์ โดยไม่ค้นหาข้อเท็จจริง เพ้อฝัน และจินตนาการ ถือเป็นนักโกหกตัวยง ย้ำรัฐบาลยึดหลักการไม่เลือกข้างประเทศใด แต่เลือกข้างประเทศไทยแก้ปมอุยกูร์ ขณะที่ “กัณวีร์” โต้ ข้อมูลชาวอุยกูร์ที่ได้มาจากหน่วยงานรัฐ ไม่ได้จินตนาการเอง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจง ภายหลัง นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม อภิปรายถึงประเด็นการส่งกลับชาวอุยกูร์ไปยังประเทศจีน ว่า การส่งชาวอุยกูร์กลับไปประเทศจีนและกล่าวหาว่าเป็นการเล่นละครอย่างนั้นอย่างนี้ ตนขอใช้คำพูดของอดีตรองนายกฯว่า “ท่านเป็นนักโกหกตัวยง” ตนมีเรื่องมาหักล้าง อย่าหาว่าตนมากล่าวเลือนลอย สิ่งที่นายกัณวีร์พูดเข้าใจได้ว่าไร้ประสบการณ์และไม่เคยบริหารประเทศ และพยายามจะพูดหลายเรื่องเพื่อแสดงออกโดยไม่คำนึงถึงว่าผลประโยชน์ของประเทศและความมั่นคงของชาติ จะต้องต้องใช้ความระมัดระวัง ใช้แต่จินตนาการ พูดแล้วเหมือนไม่รักประเทศ และจินตนาการต่อไปเรื่อยโดยนำสิ่งเหล่านี้มาวิจารณ์คนอื่นว่า เป็นนักต้มตุ๋นและเป็นนักแสดง ซึ่งทั้งหมดถ้าชี้นิ้วมาที่ตน ทั้งหมดก็จะกลับไปหาตัวท่าน
นายภูมิธรรม กล่าวว่าปัญหาชาวอุยกูร์เป็นปัญหาที่ตกค้างมานานมากและมีความผิดเรื่องของการเข้าประเทศผิดกฎหมาย โทษสูงสุด คือสองปี แต่รัฐบาลไทยที่ผ่านมายังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงได้ขังมา 11 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดหลักมนุษยธรรม แต่ปัญหาของประเทศไทยคือเราอยู่บนทางสองแพ่ง ซึ่งล้วนแต่มีคนวิพากษ์วิจารณ์ทั้งสิ้น รัฐบาลที่ผ่านมาจึงไม่กล้าตัดสินใจโดยแท้ แต่รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่อาสาเข้ามาหลายเรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตนไปดำเนินการ ว่าให้รีบหาทางออกให้ให้ได้ อย่าปล่อยให้รัฐบาลนี้ต้องเผชิญว่า รัฐบาลนี้เข้ามาโดยไม่ทำอะไร
“อุยกูร์เป็นเรื่องที่เราต้องจัดการให้เพราะเรามีกฎหมายทรมานอุ้มหาย เพราะฉะนั้นการที่ขังเขาเกินกว่าที่เขาได้รับคือสองปี ถ้าสารภาพอาจจะเหลือหนึ่งปี หรือครึ่งปี แต่เราเอาเขามา 11 ปี ผมเศร้าใจนะ บางคนพูดว่าทำไมไม่เก็บเขาไว้ในคุก แล้วเอาไปต่อรองกับอเมริกา เป็นคำพูดที่ไม่เห็นความเป็นมนุษย์ของคนเลย เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่อยู่ในพรรคของพวกท่านนี่แหละ ท่านอย่ามองคนอื่นเป็นสินค้า ต้องมองให้เห็นความเป็นมนุษย์ของเขาจริงๆไม่ใช่ปากพูดแต่มนุษย์แต่วิธีปฏิบัติไปได้เรื่อยๆไม่ได้คำนึงถึงอะไร” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เรื่องชาวอุยกูร์เรามีทางเลือกอยู่ 3 ทาง คือทางแรก ขังเขาต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรและต้องหาทางออกให้เขา เพราะแม้จะปฏิบัติดีอย่างไรก็ตาม แต่ก็ทรมาน การอยู่ในคุกและอยู่ในกรงขัง ห่างจากบ้านเมือง ท่านไม่เคย อยู่ในสภาพนี้ เพราะฉะนั้นไม่รู้หรอกว่าคนที่เผชิญกับความจริงเป็นอย่างไร ได้แต่นั่งจินตนาการ ทางที่สองคือส่งไปประเทศที่สาม ตนขอถามว่า ถ้าชาวอุยกูร์เป็นเรื่องความสำคัญด้านสิทธิมนุษยชนจริงๆ ทำไมไม่มีใครขอเค้ากลับไป และไม่มีใครให้สิทธิผู้ลี้ภัยกับเขา แม้องค์การระหว่างประเทศก็ไม่ไยดีเลย ถ้าให้สถานะเป็นผู้ลี้ภัย รัฐบาลไทยก็จะจัดการได้ง่ายขึ้น ซึ่งมีแต่คนพูด แต่ไม่ดูความเป็นจริงว่าทำได้อย่างไร บอกว่ายินดีจะรับ แต่จดหมายที่เป็นทางการอย่างที่พึงกระทำไม่เคยมี ดังนั้นการไปประเทศที่สามเป็นเรื่องการเพ้อฝันของหลายคน ส่วนที่สามคือเป็นเรื่องที่ต้องส่งไปให้กับประเทศเจ้าของ ซึ่งบางคนบอกว่าไม่ใช่ชาวจีนและบางคนบอกมีหลักฐานว่าเป็นชาวตุรกีนั้น เป็นการโกหก ตนมีหลักฐานทั้งหมดว่าทั้ง 40 คนเป็นคนจีน ถ้าอยากเจอ ก็ไม่มีปัญหา พบกันได้ เอาหลักฐานมาเปิดให้ดูต่อหน้าสื่อมวลชน
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พวกเราไม่เคยสบายใจ เอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ มีความห่วงใย และตนได้ชี้แจงเรื่องราวทั้งหมด ก็มีความเข้าใจ ถือว่ามีวุฒิภาวะและเป็นตัวแทนรัฐบาล แม้ว่าจะชอบใจหรือไม่ชอบใจอะไรก็ตาม แต่ยืนอยู่บนข้อเท็จจริงและความเป็นจริง ไม่ใช่ยืนอยู่บนจินตนาการฝันไปเรื่อยๆ และคิดไปเรื่อย จริงๆต้องหันกลับไปดูตัวเองให้มากว่า คนมีปัญหาคือใคร” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรารู้ว่าการส่งกลับจีนในแง่สิทธิมนุษยชนนั้นมีคนเป็นห่วง เพราะข้อกฎหมายบอกได้ว่าถ้าส่งกลับและทุกข์ทรมาน เราไม่สมควรส่ง นั่นจึงเป็นที่มาที่เราดำเนินการในหลายเรื่อง โดยการขอให้จีนออกจดหมายรับรองอย่างเป็นทางการของรัฐบาล Diplomatic Note ท่านคงไม่ได้จบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ท่านไม่รู้หรอกในวงการทูต Diplomatic Note คือสาระสำคัญที่เป็นจดหมายสำคัญของประเทศ และถ้าประเทศจีน ยืนยันและส่งหลักฐานเช่นนี้มา ถ้าไม่รับ ท่านก็อย่าไปมีความสัมพันธ์กับเขาเลย ถ้าท่านคิดว่าประเทศที่มีความสัมพันธ์ด้วยเป็นประเทศมหาอำนาจ เอาหนังสือยืนยันว่าจะไม่ทำร้าย ไม่เช่นนั้นจะมีความสัมพันธ์ไปทำไม และนอกจากนี้จีนยังดำเนินการอีกหลายๆอย่าง
”นายกรัฐมนตรีของไทยไปพูดคุยกับผู้นำของจีนและผู้นำระดับสูงหลายคนของจีน ได้พูดกับนายกรัฐมนตรีว่าอยากแก้ไขปัญหา รับประกันไม่ต้องกังวล จะทำดีที่สุด ไม่ให้เกิดอันตราย และไม่จับเข้าคุก ถ้าท่านฟังแบบนี้คิดว่าในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีไปคุยกับผู้นำประเทศที่เป็นประเทศมหาอำนาจหนึ่ง ท่านจะเชื่อฟังได้หรือไม่ แต่ตนว่าท่านไม่รู้หรอก เพราะท่านไม่เคยเป็นรัฐบาล เคยเป็นแต่ฝ่ายค้าน และพูดแต่เรื่องวิจารณ์เอาจินตนาการมาด่าคนอื่น“ นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราวางระบบกลไกไว้ 5 ประการคือ 1.การตกลงใจของเราอยู่บนอำนาจพื้นฐานการมีอำนาจอธิปไตยของไทย 2.เป็นไปตามกรอบกฎหมายภายในประเทศ 3. คำนึงถึงผลประโยชน์ของไทยในกรอบของมิติความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ และความมั่นคงแห่งชาติ 4.เป็นไปตามหลักการเรื่องสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะหลักการที่จะไม่ส่งคนไปในที่อันตราย รวมทั้งพันธะกรณีของไทยตามหลักการที่จะไม่ส่งคนไปทรมานหรือการที่ถูกทำให้สูญหาย และ 5.เป็นการพิจารณาโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยความรอบคอบ
“ท่านไม่เคยคิดจะเข้าใจ ความคิดความต้องการของคนอื่น สิ่งที่เป็นความตั้งใจของรัฐบาล ท่านคิดแต่ตัวเอง หมกมุ่นแต่ตัวเอง สนใจแต่เรื่องตัวเอง” นายภูมิธรรม กล่าว
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการไปตามหลักการ พร้อมย้ำว่าประเทศไทยไม่ได้เลือกข้างใด แต่เป็นการเลือกประเทศไทย ให้ยืนอยู่ได้และไม่เกิดปัญหาตกค้าง รวมทั้งพยายามให้มหาอำนาจอดทนอดกลั้น แก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี
พร้อมย้ำว่าการแก้ปัญหาเรื่องนี้ต้องใช้ระยะเวลาการพูดคุยกันหลายฝ่าย เพื่อให้ประเทศชาติหลุดพ้นจากความขัดแย้งเหล่านี้ และจากเสียงสะท้อนในสังคมออนไลน์ ก็สนับสนุนแนวทางของรัฐบาล
ทั้งนี้นายกัณวีร์ โกหกหลายเรื่อง ซึ่งจากการเดินทางไปมณฑลซินเจียงอุยกูร์ที่ผ่านมา ได้เห็นข้อเท็จจริงด้วยตา และพาสื่อมวลชนร่วมเดินทางไปพิสูจน์ความจริง ซึ่งในช่วง 2 วันได้พบชาวอุยกูร์ 12 ใน 40 คน ทุกคนต้องการเลือกอนาคตตนเอง และอยากอยู่อย่างสงบ
พร้อมอ้างถึงข้อมูลชาวมุสลิมในอุยกูร์ว่า เป็นมุสลิมแนวปฏิรูปและสุภาพสตรีสามารถเดินคล้องแขนสุภาพบุรุษได้ ไม่เหมือนกับมุสลิมทั่วไป
โดยย้ำว่าไม่กลัวความจริง เพราะพูดด้วยความจริงทั้งหมด และยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังที่คิดว่าจะได้เห็นคนรุ่นใหม่ แต่กลับคิดแค่เกมการเอาชนะ โดยนายกัณวีร์ถือว่าพลาด ที่มาพูดเรื่องชาวอุยกูร์โดยไม่ ค้นหาข้อเท็จจริง และควรเก็บเป็นบทเรียนและทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์
ขณะที่นายกัณวีร์ ขอใช้สิทธิ์ชี้แจงโต้ข้อกล่าวหาเป็นนักโกหก ว่า แม้ไม่เคยบริหารประเทศ แต่เคยบริหารองค์กรระหว่างประเทศ และ ข้อการกล่าวหาว่าไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ขอบอกว่า จบด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมา และทำงานในองค์กรระหว่างประเทศก่อนหน้านี้พร้อมย้ำว่าไม่ได้จินตนาการเรื่องประเทศที่ 3 ขอรับชาวอุยกูร์ แต่ได้ข้อมูลมาจากกระทรวงการต่างประเทศ .-315-สำนักข่าวไทย