“ภูมิธรรม” โยนกระบวนการยุติธรรมตัดสินปมปราศรัยหาเสียง

ทำเนียบ​ 13 ม. ค. – “ภูมิธรรม” มอง “ทักษิณ” ประกาศเพื่อไทยยึด อบจ. ทุกจังหวัด เป็นความเห็นส่วนตัว รับเลือกตั้งท้องถิ่นกับระดับชาติต่างหลายเงื่อนไข โยนกระบวนการยุติธรรมตัดสินผิดหรือไม่ ปราศรัยนโยบายรัฐบาล ลั่นไม่มีใครอยากทำผิดกฎหมาย


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานกินเลี้ยงปีใหม่พรรคเพื่อไทยว่าจะยึด อบจ.ทุกจังหวัดกลับมา และจะทำให้กลับมาเป็นพรรคการเมืองอับดับ 1 มองเป็นได้หรือไม่ว่า มันเป็นเรื่องความคิดเห็นของแต่ละท่าน เมื่อท่านพูดเสนอความคิดเห็นมาก็ต้องไปถามว่าท่านคิดอะไร และมันยังไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยโดยตรง

ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ในทางปฏิบัติโจทย์นี้พรรคเพื่อไทยจะสามารถทำได้หรือไม่ นายภูมิธรรม บอกว่า อยู่ระหว่างที่เราต้องดูรายละเอียดของเราเองว่า ทุกคนในทางการเมืองก็ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้ได้สำเร็จทุกคนไม่ว่าจะพรรคไหนก็ตาม ถ้าเห็นจากการเลือกตั้งมักจะบอกว่ามั่นใจเท่านั้นเท่านี้ ก็เป็นความมั่นใจของแต่ละส่วน แต่จะได้จริง ๆ สักแค่ไหนก็ต้องดูที่ความเป็นจริง ต้องรอดูผลว่ามันเป็นอย่างไร ขณะนี้พรรคเพื่อไทยเองก็เลือกส่งเฉพาะบางส่วน จริง ๆ แล้วแต่ละเรื่องก็มีขั้นมีตอนในการที่จะทำ ตนเองคิดว่าก็เอาจากที่เราเสนอตอนนี้ที่ผ่านมาเราก็ชนะเกือบทุกพื้นที่ที่เราส่ง


ส่วนถือเป็นการสะท้อนความนิยมของพรรคเพื่อไทยที่จะปูทางไปสู่การเลือกตั้งใหญ่เลยหรือไม่ นายภูมิธรรม บอกถามว่าสะท้อนหรือไม่นั้น ถ้าพูดแบบกว้างมันก็สะท้อนส่วนหนึ่ง แต่ถ้าถามถึงความเป็นจริงอันนี้มันสะท้อนเฉพาะจุดเฉพาะส่วน การเลือกตั้งท้องถิ่นกับการเลือกตั้งระดับชาติมันก็แตกต่างกัน แต่ถ้าถามว่าสะท้อนถึงความนิยมหรือไม่มันก็สะท้อน มันก็ปฏิเสธไม่ได้แต่ว่าบางทีพฤติกรรมการเลือกตั้ง ถ้าได้ไปศึกษาไปดูการเลือกตั้งท้องถิ่นก็จะเป็นแบบหนึ่ง และระดับชาติก็จะอีกแบบหนึ่ง เงื่อนไขการเลือกตั้งก็ไม่เหมือนกัน การเลือกตั้งระดับชาติมีหลายแบบทั้งบัญชีรายชื่อและแบบเขต เขตเลือกตั้งก็ต้องดูแต่ละเขต มันก็จะมีปัญหาเรื่องตัวบุคคลที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ถ้าเราเสนอในนามพรรคเพื่อไทย เราก็อยากเสนอบุคคลให้ประชาชนได้เลือก อันนี้ขึ้นอยู่กับเหตุผลของแต่ละส่วน

และจะมีการปรับรูปแบบหาเสียงหรือไม่ หลัง กกต. ออกมาบอกว่ามีความก้ำกึ่งจะผิดกฎหมายในกรณีการปราศรัยของนายทักษิณ นายภูมิธรรม ระบุว่า เรื่องผิดกฎหมายหรือไม่ ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม และนายทักษิณก็มาตามกระบวนการกฎหมาย ถ้าท่านจะไปพูดอะไรต่าง ๆ ก็เป็นความรับผิดชอบของตัวท่านเอง ท่านมาคราวนี้ในฐานะเป็นลูกจ้างที่จ้างมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงก็เป็นเหมือนที่ต่าง ๆ ส่วนท่านจะทำผิดหรือไม่อย่างไรก็ให้กระบวนการยุติธรรมตัดสินว่าขอบเขตที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงนั้นทำได้สักแค่ไหนอย่างไร เรื่องนี้ยังไม่ควรสรุป ถ้าจะมีคนร้องก็ไปร้องในพื้นที่ที่เขารับผิดชอบ ร้องเสร็จแล้วก็ดำเนินการไปตามนั้น ไม่ควรไปคาดการณ์ไม่ควรไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

ส่วนพรรคเพื่อไทยไม่กังวลใช่หรือไม่ ว่าการปราศรัยมีการพูดถึงนโยบายระดับประเทศ ที่ในระดับท้องถิ่นไม่สามารถทำได้ นายภูมิธรรม ตอบว่า ไม่กังวลเพราะถ้าเราคิดดีแล้วว่าจะทำอะไรได้แค่ไหนแต่ละส่วนเราก็พยามกำกับให้เป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้ว หลายเรื่องเป็นเรื่องดุลยพินิจของคน เป็นดุลยพินิจของผู้ฟัง คิดและตัดสินใจไปเอง แต่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น หรือแม้กระทั่งผู้ร้อง ที่ร้องแล้วได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ถือว่าเป็นไปตามกระบวนการมีสิทธิร้องก็ร้องได้ เพียงแต่ในอนาคตควรจะร้องบนฐานของเหตุผล ไม่งั้นมัวแต่จะมาร้องแบบนี้ทำให้การทำงานลำบากขึ้น แต่ตนเองไม่ปฏิเสธกระบวนการร้อง หรือหาความถูกต้องชอบธรรม ให้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ไป


เมื่อถามย้ำว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้กลัวพังใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า ก็เราทำตามกฎหมายอยู่แล้ว ถ้าเรากลัวก็ไม่ทำ

ส่วนกรณีที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ระบุว่า มีนักร้องเยอะพรรคเพื่อไทยจะต้องปรับวิธีหาเสียงหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า ไม่ แต่ควรไปปรับที่นักร้อง เราทำหน้าที่เต็มที่ ไม่มีใครคิดทำเรื่องผิดกฎหมายหรอก แต่จะผิดหรือพลาดไปก็อยู่ที่ดุลยพินิจว่าคุณทำอย่างนี้คุณทำผิดเกินเลยไป คนที่ตัดสินสุดท้ายคือศาลหรือผู้ที่มีอำนาจหน้าที่

ทั้งนี้ วันที่เลือกตั้ง อบจ. ทั่วประเทศ 1 ก.พ. มั่นใจจะกวาดได้ตามที่พรรคส่งหรือไม่ นายภูมิธรรม บอกว่า คนที่ส่งเขาก็มั่นใจ ว่าเขาจะกวาดหมด ไม่ว่าจะถามพรรคการเมืองไหน.-319​ -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]